21-09-2007, 16:04
21-09-2007, 16:08
povation Wrote:Picking ที่พิมพ์ขึ้นมาใหม่มีเพลงและเนื้อหาเพิ่มขึ้นจากเล่มเก่า ผมซื้อมาเหมือนกันครับ ของเค้าดีนะ!
ดีมาก ๆครับ.. ผมก็ใช้อยู่ด้วยเหมือนกัน..
21-09-2007, 16:10
ผมก็ตามอาจารย์ราเชลมานาน ก็ตั้งแต่ออกมาทำนิตยสาร FOLK นั่นแหละครับ...แต่ได้วิชามาอย่างเดียว...TRAVIS PICKING STYLE...แบบอื่น ๆ แกะแล้วตาลาย เลยจำได้แบบเดียวครับ
21-09-2007, 18:45
Webmaster Wrote:ป.ล.ที่คุณแดงใส่อยู่นี่คงเป็นอุปกรณ์ป้องกันหลังกีต้าร์เป็นรอยเวลาเล่นใช่มั้ยคับ อิอิ
นั่นนะสิ คุณ นิมิตร เพิ่งจะสังเกตุเห็นเหมือนกันค่ะ ใส่เสื้อตัวนี้เล่นกีต้าร์ได้ไงเนี่ย !..ถ้าใส่เล่นตอนนี้ สงสัย ฮึ้อ..ไม่อยากคิด..
21-09-2007, 19:18
ผมเคยมีเหมือนกันแต่เสียดายโดนที่บ้านเอาไปชั่งกิโลขายตอนผมไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่รู้ตอนนี้มันพิมพ์มาขายใหม่หรือเปล่าครับพี่ป๋อ
21-09-2007, 19:44
ถ้าเป็นหนังสือ Folk เล่มบางๆ ของคุณราเชล สิกขารา ไม่เคยเห็นพิมพ์ใหม่ครับ
21-09-2007, 19:46
.........ดีใจจังเลยที่พี่ป๋อตามหาของที่ใฝ่ฝันมาไว้ในครอบครอง เหมือนเติมเต็มกับสิ่งที่เพียรไขว่คว้ามานาน ไม่เหมือนผมที่ฝันแล้วขาดช่วงจนหายไปกับความทรงจำ กว่าจะมีกำลังทรัพย์ก็อายุแก่เสียจนต้องมาตั้งไข่ใหม่ แต่สิ่งที่ชดเชยกลับคืนมาคือ การได้พบกับ น้อง เพื่อน พี่ อา ที่มากด้วยน้ำใจ แล้วได้รับความกรุณาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง พร้อมด้วยฮูหยินแสนสวย มากน้ำใจ ได้จุดประกายเรื่องกีต้าร์ของผมให้กลับมาอีกครั้ง แล้วก็เป็นครั้งที่เกิดกิเลสอย่างมากมายที่จะหากีต้าร์ดีๆมาไว้ในครอบครองให้สมกับที่รอคอยมานาน ส่วนหนังสือผมเคยมีเหมือนกัน แต่ได้ถูกวางไว้บนตาชั่งแล้วชั่งขายไปนานหลายปีแล้วโดยฝีมือแม่ผมเอง5555++
22-09-2007, 00:46
พี่ป๋อทำให้ผมหวนรำลึก....
มีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่เปลี่ยนชีวิตผม
ไม่เกี่ยวแก่กีต้าร์เลย
"วิถีแห่งเต๋า"
แต่นั่นก็เมื่อวัยละอ่อน
ช่วงขณะปัจจุบันไฉนกลับเป็นหนังสือhow to ไปได้
"จะเลือกเงินหรือชีวิต"
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตผมอีกครั้งเมื่อวัยวันนี้
ผมพยายามเป็นนักทำ
มากกว่าที่จะเป็นนักคิด
แต่กลับกลายเป็นว่า...
ผมพูดมากกว่าคิด
คิดน้อยกว่าพูด
ได้แต่เพ้อพร่ำร่ำเรื้อรัง...
ผมรำคาญตัวเองจริงเทียว!!
มีหนังสืออยู่หนึ่งเล่มที่เปลี่ยนชีวิตผม
ไม่เกี่ยวแก่กีต้าร์เลย
"วิถีแห่งเต๋า"
แต่นั่นก็เมื่อวัยละอ่อน
ช่วงขณะปัจจุบันไฉนกลับเป็นหนังสือhow to ไปได้
"จะเลือกเงินหรือชีวิต"
หนังสือเล่มนี้เปลี่ยนชีวิตผมอีกครั้งเมื่อวัยวันนี้
ผมพยายามเป็นนักทำ
มากกว่าที่จะเป็นนักคิด
แต่กลับกลายเป็นว่า...
ผมพูดมากกว่าคิด
คิดน้อยกว่าพูด
ได้แต่เพ้อพร่ำร่ำเรื้อรัง...
ผมรำคาญตัวเองจริงเทียว!!
22-09-2007, 02:34
ผมหนักกว่าน้าบู..... ผมมักคิดเสมอว่า บางครั้งผมไม่ควรพูดบางประโยคอะไรออกไปเลย
คนฟังจะต้องเข้าใจผิดในตัวผมแน่ๆ ระยะหลังนี้ผมจึงระวังคำพูดของตัวเองมากขึ้น
เพราะมีบ่อยครั้งที่คำพูดประโยคเดียวแต่แปลไปตั้งหลายความหมาย
ภาษาไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละ แต่ก็ยุ่งชะมัดกว่าจะทำความเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผู้พูดได้
"จะเลือกเงินหรือชีวิต" ที่เอ่ยถึง สำหรับผมตอบเพียงว่า เงินไม่มีความหมายสำหรับผมหากได้มาแล้วทำให้ผมไม่มีความสบายใจ ประมาณ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยทำงานกฎหมายได้เงินเดือนกว่า 2 หมื่นบาท มีตำแหน่งที่ดี ไม่มีปัญหาอะไร ผมยังออกจากงานมาเล่นดนตรีอาชีพและมีรายได้เพียงครึ่งเดียวเฉยเลย! เพราะใจมันบอกว่าอยากจะเล่นดนตรี ในขณะที่เพื่อนๆไปไกลแล้ว แต่ผมไม่เปรียบเทียบ ถือว่าคนเราเลือกที่จะอยู่จะเป็น พอใจในสิ่งที่เราทำและต้องยอมรับผลของการกระทำของตนเอง ผมไม่มีความสุขเลยหากจะต้องทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกตัวเองมากๆ
ถึงตอนนี้ผมยังต้องทำงานที่ปรึกษากฎหมายหารายได้มาเลี้ยงดูทั้งสองครอบครัว ?? (ครอบครัว Blue Ribbon และครอบครัวเต่าและเพื่อนของผม)
ส่วนที่เปลี่ยนชีวิตผม...ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าอะไรจะสามารถเปลี่ยนชีวิตผม ผมไม่เคยวางแผนชีวิตล่วงหน้าเกิน 3 ปี เพราะคิดเสมอว่าเสียเวลา อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปได้ ทันเหตุการณ์เฉพาะหน้าดีกว่า (ความคิดนี้อาจผิดถนัดก็ได้..แต่เปลี่ยนนิสัยของผมตรงนี้ยากจัง)
คนฟังจะต้องเข้าใจผิดในตัวผมแน่ๆ ระยะหลังนี้ผมจึงระวังคำพูดของตัวเองมากขึ้น
เพราะมีบ่อยครั้งที่คำพูดประโยคเดียวแต่แปลไปตั้งหลายความหมาย
ภาษาไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละ แต่ก็ยุ่งชะมัดกว่าจะทำความเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของผู้พูดได้
"จะเลือกเงินหรือชีวิต" ที่เอ่ยถึง สำหรับผมตอบเพียงว่า เงินไม่มีความหมายสำหรับผมหากได้มาแล้วทำให้ผมไม่มีความสบายใจ ประมาณ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยทำงานกฎหมายได้เงินเดือนกว่า 2 หมื่นบาท มีตำแหน่งที่ดี ไม่มีปัญหาอะไร ผมยังออกจากงานมาเล่นดนตรีอาชีพและมีรายได้เพียงครึ่งเดียวเฉยเลย! เพราะใจมันบอกว่าอยากจะเล่นดนตรี ในขณะที่เพื่อนๆไปไกลแล้ว แต่ผมไม่เปรียบเทียบ ถือว่าคนเราเลือกที่จะอยู่จะเป็น พอใจในสิ่งที่เราทำและต้องยอมรับผลของการกระทำของตนเอง ผมไม่มีความสุขเลยหากจะต้องทำอะไรที่ขัดกับความรู้สึกตัวเองมากๆ
ถึงตอนนี้ผมยังต้องทำงานที่ปรึกษากฎหมายหารายได้มาเลี้ยงดูทั้งสองครอบครัว ?? (ครอบครัว Blue Ribbon และครอบครัวเต่าและเพื่อนของผม)
ส่วนที่เปลี่ยนชีวิตผม...ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าอะไรจะสามารถเปลี่ยนชีวิตผม ผมไม่เคยวางแผนชีวิตล่วงหน้าเกิน 3 ปี เพราะคิดเสมอว่าเสียเวลา อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปได้ ทันเหตุการณ์เฉพาะหน้าดีกว่า (ความคิดนี้อาจผิดถนัดก็ได้..แต่เปลี่ยนนิสัยของผมตรงนี้ยากจัง)
22-09-2007, 10:18
povation Wrote:ผมไม่เคยวางแผนชีวิตล่วงหน้าเกิน 3 ปี เพราะคิดเสมอว่าเสียเวลา อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงไปได้ ทันเหตุการณ์เฉพาะหน้าดีกว่า
อื ม ม ม ม ม....น่าคิด