มีท่านหนึ่งที่ผมขออนุญาตไม่เอ่ยนามได้แจ้งให้ผมทราบว่า.....
สมาชิกท่านหนึ่งของเว็บไซต์ Acousticthai ที่ใช้ชื่อ log in ว่า Staryu 
สงสัยและตั้งกระทู้ถาม  มีข้อความตามกระทู้นี้ คือ
ทำไมเขามีกีต้าร์เยอะ(มากๆๆๆๆๆๆๆ)จัง ????? 
ผมจึงลองเข้าไปและติดตามอ่านดู (แต่ต่อมาไม่นาน  กระทู้นั้นได้ถูกลบทิ้งไปแล้ว)
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านดังกล่าวรวมถึงท่านอื่นๆที่อยากทราบประวัติส่วนตัวของผม
ผมยินดีตอบอย่างละเอียด  ผมก็อยากทราบเรื่องราวของท่านเช่นกัน เพื่อมิตรภาพที่ดีต่อกัน   เชิญท่านมาบ้านเต่า  เราจะได้คุยกันครับ 
 
แต่ ณ บ้านสีฟ้าแห่งนี้
ผมขอถือโอกาสนี้  ขออนุญาตน้า WEB นำข้อสงสัยดังกล่าวของคุณ Staryu  ทางโน้น  มาตอบลงในกระทู้ทางนี้
เพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่า  ผมไม่ได้แอบอ้าง
ขอขอบคุณล่วงหน้านะครับ
ขอตอบตรงประเด็นดังนี้ครับ
1. ผมมีอาชีพเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับบริษัทต่างๆในขณะนี้ประมาณ 5 บริษัท
2. ผมชอบดนตรีและเติบโตมากับสิ่งแวดล้อมทางดนตรีตั้งแต่ผมยังวัยเด็ก  สมัยเป็นนักเรียนก็มีโอกาสได้กีตาร์ตกทอดมาจากพี่ชายและพี่สาว  
ผมสนใจจึงหัดเล่นไปเรื่อยๆโดยไม่มีใครสอน  นอกจากอ่านจากหนังสือ  เริ่มมีกีตาร์มากขึ้นตอนทำงานกฎหมายตั้งแต่ปี 2523 เป็นต้นมา  
อดออมซื้อหามาเรื่อยๆ  สะสมมาตลอด  แต่จะมีบ้างที่ซื้อมาไม่นานก็ขายไปให้แก่ท่านที่อยากได้  ขายไปก็หาซื้อมาทดแทนใหม่  
ปัจจุบันมีเกินกำลังจะดูแล  และเป็นช่วงเวลาที่ผมอยากต่อเติมบ้าน  จึงลดจำนวนซื้อลง  และเริ่มปล่อยขายไปเรื่อยๆ
ตั้งใจว่าที่มีอยู่ขณะนี้ประมาณ 175 ตัว อยากเหลือไว้เฉพาะที่หวงแหนจริงๆเพียง 80 ตัว  แต่ไม่ทราบว่าจะทำได้หรือไม่
กีตาร์ที่ผมมีอยู่ได้เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี  ยามว่างๆจะนำออกมาเล่นแล้วก็ทำความสะอาดก่อนจะเก็บเข้ากล่อง  ยอมรับว่าไม่มีเวลาเล่นทุกตัว  แต่ก็หยิบมาเล่นไม่น้อยกว่าครึ่ง
ที่เค้าพูดกันว่า  มีกีตาร์มากเท่าใด  จะมีเวลาน้อยลงเท่านั้น
เป็นความจริงครับ  ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง  ผมได้ความสุขมากมายจากการมีกีตาร์ที่ชอบ  ได้เล่นหลายรสชาติของเสียง  แต่ก็เป็นภาระพอควรให้กับครอบครัว  ทำให้ผมชักจะเริ่มสำนึกผิด...เอง
อาชีพกฎหมายใช่ว่าจะบันดาลให้ได้มาซึ่งเงินตราไว้ซื้อทรัพย์ใดๆได้เสมอไปครับ
อาชีพใดๆก้ได้ที่ทำโดยสุจริต  ปากต่อปากจะบอกต่อกัน  ถึงวันนั้นคุณจะมีงานเข้ามาเองโดยไม่ต้องไปวิ่งหา  
ในช่วงชีวิตหนึ่งของผมนั้น  ผมเคยลาออกจากงานกฎหมายไปเล่นดนตรีอาชีพ  รายได้น้อยกว่ามากมายแต่ได้ความสบายใจ  เป็นประสบการณ์ชีวิตที่น่าจดจำ
พอแต่งงานมีครอบครัว  มีลูกสาวลูกชาย  ก็เริ่มเล่นดนตรีอาชีพอีกครั้งทีพอมีรายได้เพื่อให้ครอบครัวได้รู้จักว่าเงินนั้นหายากนะ  และต้องมีความรับผิดชอบในอาชีพที่ทำอยู่   ใครทำใครได้
ผมเล่นดนตรีกันทั้งครอบครัว (ขอขอบคุณเพื่อนๆนักดนตรีที่ช่วยเล่นเสริมให้กับวง) รายได้แบ่งเท่าๆกัน  ส่วนของผม  ผมจะโอนให้ลูกชายเพื่อเก็บไว้เป็นค่าเรียนดนตรี   ส่วนภรรยาและลูกสาว  แล้วแต่เค้าจะใช้สอยกันเอง
กีตาร์ที่ซื้อมาส่วนใหญ่ก็ได้มาจากรายได้ที่ทำงานด้านกฎหมายและงานเล่นดนตรีอาชีพก่อนที่จะแต่งงานนี่แหละครับ
แต่ละเดือน   ไม่ค่อยมีเงินเหลือเพราะซื้อกีตาร์เป็นส่วนใหญ่  ถือซะว่าเป็นเงินออม...
ผมขอแนะนำว่า  ใครก็ตามที่พอจะมีกำลังซื้อและหลงใหลในเสน่ห์กีตาร์  ควรมีซัก 10-20 ตัวคุณภาพดีๆ  ก็เพียงพอ
อย่าเอาเยี่ยงอย่างผมหรือนักสะสมท่านอื่นๆเลย
หาเวลากับความสุขอย่างอื่นๆบ้างดีกว่าครับ