สมัย ดึกดำบรรณ์ นี่การขยายสัญญาณไฟฟ้าให้มีขนาดใหญ่โตเหมาะในการใช่งานเขาใช้หลอดไฟแบบไส้ เน้น หลอดไฟแบบใส้ แ ต่ ไม่ใช้ หลอดไฟตามบ้าน
เป็นหลอด ที่มีอุปกรณ์ ข้างในเยอะ ให้ หลานตามไปดูที่นี่ น้า้เกียจพิมพ์ 555
http://en.wikipedia.org/wiki/Vacuum_tube
ถ้าอ่านแล้วติด ดูนี่ แต่ น้ายังไม่ได้อ่านทั้งหมดนะ ไม่รู้มีแปลผิดหรือเปล่า
http://translate.google.co.th/translate?...TH291TH303
ข้อเสียของ หลอดขยายเสียงคือ รับทานไฟเยอะ เพี้ยนเยอะ ขนาดใหญ่ต้องมี หม้อแปลงมาช่วยใน ภาค OUTPUT มีน้ำหนัก มาก
ขอดีคือ ไอ้เสียงที่เพี้ยนนี้มันเพี้ยนแบบต่อเนื่อง ฟังถูกหูนักฟังเพลง มี Engineer Design เครื่องเสียงเก่งๆ ท่านหนึ่งบอกว่า มันเพี้ยน
โดยให้ Harmonic (ส่วนประกอบรองๆหรือย่อย ของเสียง) ที่เป็นเลขคู่ ซึ่งไม่สากหู แต่ Transistor นี่เพี้ยนเป็น Harmonic คี่ ที่คนเ ราไเอ๋ม่ชอบ
(เอ๋...... วิชาการ มากไ ป หรือเปล่า)
Transistor เกิดทีหลัง แต่ ดังกว่า เลยเข้ามาแทนที่หลอด เกือบ จะหมด ข้อดีั
1 มีขนาดเล็ก มีเสถียวภาพมากกว่าทนกว่า ถูกกว่า (อันนี้สำคัญ) ขยายสัญญาณ
ได้โดยไม่ต้องพึ่ง Output Transformer ดูเรื่องของมันได้ที่นี่
http://en.wikipedia.org/wiki/Transistor
หรือ แปลไทย
http://translate.google.co.th/translate?...TH291TH303
Transistor จึงมามีบทบาทใน อุตสาหกรรม Electronic แม้แต่ใน Chip IC เล็กๆ ก็มี Transistor ประกอบ
แต่ บอกแล้วว่าไม่ทั้งหมด เนื่องจากความเพี้ยนที่ต่างกัน จึงให้ Sound ที่ต่างกัน ในวงการ กีตาร์ไฟฟ้า Transistor
จึงไม่สามรถทดแทน ความหวาน ความเกรี้ยวกราดของหลอดได้ แต่กระนั้น Transistor ก็เข้ามานิยมใน Jazz Guitar
Amp บางรุ่น เช่น Roland JC 120 แ ละ อีก 2-3 ยี่ห้อแต่จำไม่ได้
ใน Amp ดังๆ อย่าง Fender, Marshall ก็จะมี Amp Transistor ไว้รองรับตลาดล่าง ซึ่ง เ ป็น ตลาด ขนาดใ หญ่
เพราะสามารถทำราคาได้ถูกกว่า Amp หลอด และ มี New Entry ที่เริ่มหัด ยังไม่รู้ว่าจะเก่ง หรือ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า
ซื้อใช้กันเยอะ ลองสังเกตุได้จาก Web ขายเครื่องดนตรีดังๆ ใน US Bestbuy จะเป็นพวกนี้แหละ เขาใช้ถูกๆ ก่อน
เก่ง แล้ว ค่อยขยับ
เอาแค่นี้ก่อน เดี๋ยวไปอาบนำ้อาบท่า แล้วจะมาเล่าใหม่ หรือ รอ ผู้รู้ท่านอื่นๆ เขามา Jam เผื่อมีแง่มุมเพิ่มเติม หรือแก้ไขในส่วนที่รู้มาผิด
นะ ครับ
