23-02-2009, 10:00
ผมเคยออกความเห็นเรื่องแอมป์ใว้ ไปค้นมาให้อ่านครับ
จำได้ว่าคำว่า Solid State เกิดมาพร้อมกับยุคของสารกึ่งตัวนำ (Semi Conductor) ครับ
ดังนั้น Solid Stage อาจหมายความถึง Semi Conductor ครับ
สมัยก่อน เครื่องขยายเสียงจะทำงานด้วย หลอกสูญญากาศ (Vacumm Tube) ครับ ยังไม่มีสารกึ่งตัวนำ ที่เราเรียก แอมป์หลอดนี่แหละ เป็นเท็คโนโลยี่โบราณมากครับ ใช้พลังงานเยอะ และร้อน และใหญ่ และ เปราะ และอีกหลายและครับ
สมัยเทพเจ้ากีตาร์ของเรา Hendrix Page Clapton และอีกมากมาย เล่นแอมป์หลอดทั้งนั้น เพราะยังไม่ใช่ยุคของสารกึ่งตัวนำ
จนน่าจะประมาณปี 80 ได้เกิดการพัฒนา Semi Conductor กันในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างมากมาย เกิด Diode ชนิดต่างๆ Transsistor ชนิดต่างๆ เกิด Chip คือ Intergrated Circuit(IC) ที่มี Transistor เป็นล้านๆตัวมาอยุ่รวมกัน พวก CPU ใน Computor นี่ก็คือเทคโนโลยี่ของสารกึ่งตัวนำครับ
ข้อดีของมันมีมากมาย เล็ก ทน ถูก กินไฟฟ้าน้อย เป็นเหตุให้ Vacumm Tube หมดบทบาทลงจนเหลือน้อยมากๆ ในปัจจุบัน
เมื่อมีข้อดี มันก็น่าจะมีข้อเสีย เค้าว่ากันว่า เสียงแอมป์ ที่เป็น Solid State เสียงสู้ Tube Amp ไม่ได้ ของแบบนี้ต้องลอง ส่วนตัวแล้วผมว่าไม่เสมอไปครับ
ถ้าเราเล่นเพลงของ Clapton Tube Amp เสียงดีกว่าแน่ครับ แต่ถ้าเล่น Pantera ไม่แน่แล้วครับที่ Tube จะดีกว่า
จึงแนะนำให้ลองอย่าฟังเค้าพูดกันว่า Tube ดีกว่า Solid State จนกว่าเราจะได้สัมผัส
การแบ่งประเภทของแอมป์ นอกจากจะแบ่งตามการผลิตเช่น แอมป์หลอดหรือ แอมป์ Solidstage หรือ แบบ Hybrid ที่เป็นแบบผสมของหลอด และ Transister แล้ว ผมว่ามันแบ่งได้อีกหลายอย่าง เช่น แบ่งตามแนวเสียง อย่าง Vox,Orange หรือพวก อังกฤษ ก็จะไปในแนวเดียวกัน หรือ Fender,Mesaboogie ก็จะ Merican จ๋ามาเลย เว้นแต่ Marshall ที่พื้นเดิมเป็น UK แต่ไปได้ดิบได้ดีใน US เป็นต้น
ถ้าเรารู้สึก กับ Style ของแอมป์ที่เป็นตำนานต่างๆได้ แอมป์รุ่นหลังๆ ส่วนใหญ่ มันก็พัฒนาตามแนวนี้แหละครับ ดังนั้นข้อแนะนำเรื่องแอมป์สำหรับผมคือ
ไปหาฟังครับ ฟังให้เยอะที่สุด Orange อาจจะไมใช่เสียงที่เราชอบที่สุดก็ได้ แต่อาจเป็แอมป์ที่เราชอบหน้าตามันที่สุด
เรื่อง Effect
Effect แบ่งได้เป็น 2 กล่มใหญ่ๆครับ
กลุ่มแรก เสียงแตก ก็พวก Drive ทั้งหลาย เช่น Fuzz Overdrive Distortion Metal Booster เทือกๆนี้ มันจำเป้นมากๆ สำหรับชาว Rock หน้าที่ของมันคือ ทำให้เสียงกีตาร์ธรรมดา แตก พร่า
กลุ่มที่ 2 Modulator
พวกนี้ ก็เช่น Chorus ,Flanger,Delay ,Reverb,Pich Shifter,Whammy มากมาย เหลือเกินครับ กลุ่มนี้ ผมคงไม่พยายอธิบายเสียงมันเพราะ เสียง ต้องฟังสถานเดียวเท่านั้นถึงจะเข้าใจ อยากรู้เสียงไหน เป็นยังไง เบื้องต้น ลองไปหาฟังตาม Web Site ของผู้ผลิตต่างๆก่อน ถ้าอยากฟังของจริงหร้อมหน้าตา คงต้องหาโอกาศมา Meeting ครับ
ผมไม่รู้ว่า เริ่มจากศูนย์นี่คือ หัดเล่นด้วยหรือเปล่า เพราะที่เหลามาทั้งหมด จะเป็นว่า เป็นเรื่อง Equipment ล้วนๆ ซึ่งมีถ้ามีเงิน คุณจะเอาแบบที่ระดับโลกเค้าใช้เลยก็ได้ แต่ที่ไม่มีทางลัดเลยคือ การเล่นครับ อยากให้ๆความสำคัญกับ การเล่น และฝึกซ้อม มากกว่า Equipment ครับ
จำได้ว่าคำว่า Solid State เกิดมาพร้อมกับยุคของสารกึ่งตัวนำ (Semi Conductor) ครับ
ดังนั้น Solid Stage อาจหมายความถึง Semi Conductor ครับ
สมัยก่อน เครื่องขยายเสียงจะทำงานด้วย หลอกสูญญากาศ (Vacumm Tube) ครับ ยังไม่มีสารกึ่งตัวนำ ที่เราเรียก แอมป์หลอดนี่แหละ เป็นเท็คโนโลยี่โบราณมากครับ ใช้พลังงานเยอะ และร้อน และใหญ่ และ เปราะ และอีกหลายและครับ
สมัยเทพเจ้ากีตาร์ของเรา Hendrix Page Clapton และอีกมากมาย เล่นแอมป์หลอดทั้งนั้น เพราะยังไม่ใช่ยุคของสารกึ่งตัวนำ
จนน่าจะประมาณปี 80 ได้เกิดการพัฒนา Semi Conductor กันในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างมากมาย เกิด Diode ชนิดต่างๆ Transsistor ชนิดต่างๆ เกิด Chip คือ Intergrated Circuit(IC) ที่มี Transistor เป็นล้านๆตัวมาอยุ่รวมกัน พวก CPU ใน Computor นี่ก็คือเทคโนโลยี่ของสารกึ่งตัวนำครับ
ข้อดีของมันมีมากมาย เล็ก ทน ถูก กินไฟฟ้าน้อย เป็นเหตุให้ Vacumm Tube หมดบทบาทลงจนเหลือน้อยมากๆ ในปัจจุบัน
เมื่อมีข้อดี มันก็น่าจะมีข้อเสีย เค้าว่ากันว่า เสียงแอมป์ ที่เป็น Solid State เสียงสู้ Tube Amp ไม่ได้ ของแบบนี้ต้องลอง ส่วนตัวแล้วผมว่าไม่เสมอไปครับ
ถ้าเราเล่นเพลงของ Clapton Tube Amp เสียงดีกว่าแน่ครับ แต่ถ้าเล่น Pantera ไม่แน่แล้วครับที่ Tube จะดีกว่า
จึงแนะนำให้ลองอย่าฟังเค้าพูดกันว่า Tube ดีกว่า Solid State จนกว่าเราจะได้สัมผัส
การแบ่งประเภทของแอมป์ นอกจากจะแบ่งตามการผลิตเช่น แอมป์หลอดหรือ แอมป์ Solidstage หรือ แบบ Hybrid ที่เป็นแบบผสมของหลอด และ Transister แล้ว ผมว่ามันแบ่งได้อีกหลายอย่าง เช่น แบ่งตามแนวเสียง อย่าง Vox,Orange หรือพวก อังกฤษ ก็จะไปในแนวเดียวกัน หรือ Fender,Mesaboogie ก็จะ Merican จ๋ามาเลย เว้นแต่ Marshall ที่พื้นเดิมเป็น UK แต่ไปได้ดิบได้ดีใน US เป็นต้น
ถ้าเรารู้สึก กับ Style ของแอมป์ที่เป็นตำนานต่างๆได้ แอมป์รุ่นหลังๆ ส่วนใหญ่ มันก็พัฒนาตามแนวนี้แหละครับ ดังนั้นข้อแนะนำเรื่องแอมป์สำหรับผมคือ
ไปหาฟังครับ ฟังให้เยอะที่สุด Orange อาจจะไมใช่เสียงที่เราชอบที่สุดก็ได้ แต่อาจเป็แอมป์ที่เราชอบหน้าตามันที่สุด
เรื่อง Effect
Effect แบ่งได้เป็น 2 กล่มใหญ่ๆครับ
กลุ่มแรก เสียงแตก ก็พวก Drive ทั้งหลาย เช่น Fuzz Overdrive Distortion Metal Booster เทือกๆนี้ มันจำเป้นมากๆ สำหรับชาว Rock หน้าที่ของมันคือ ทำให้เสียงกีตาร์ธรรมดา แตก พร่า
กลุ่มที่ 2 Modulator
พวกนี้ ก็เช่น Chorus ,Flanger,Delay ,Reverb,Pich Shifter,Whammy มากมาย เหลือเกินครับ กลุ่มนี้ ผมคงไม่พยายอธิบายเสียงมันเพราะ เสียง ต้องฟังสถานเดียวเท่านั้นถึงจะเข้าใจ อยากรู้เสียงไหน เป็นยังไง เบื้องต้น ลองไปหาฟังตาม Web Site ของผู้ผลิตต่างๆก่อน ถ้าอยากฟังของจริงหร้อมหน้าตา คงต้องหาโอกาศมา Meeting ครับ
ผมไม่รู้ว่า เริ่มจากศูนย์นี่คือ หัดเล่นด้วยหรือเปล่า เพราะที่เหลามาทั้งหมด จะเป็นว่า เป็นเรื่อง Equipment ล้วนๆ ซึ่งมีถ้ามีเงิน คุณจะเอาแบบที่ระดับโลกเค้าใช้เลยก็ได้ แต่ที่ไม่มีทางลัดเลยคือ การเล่นครับ อยากให้ๆความสำคัญกับ การเล่น และฝึกซ้อม มากกว่า Equipment ครับ
