Kitja Wrote:Maow Wrote:ที่ซื้อมาร์ติน ซีรีย์ 40 ขึ้น ก็เนื่องจากอยากได้ C.F. Martin Block ตรงบริเวณ Headstock นี่แหละครับ
รวมถึงไม้หน้าที่คัดเกรดได้อย่างงามครับ พอได้มาปุ๊บ กระเป๋าและตัวก็เบาโหวงเลยครับ
ถูกต้องน้าคร๊าบบบบบบบบบบบบบบ
กระผมได้ข่าวแบบที่พอจะกรองได้มาว่า น้ากิจจากำลังอยากตัวเบาโหวงโล่งสบายใช่ไหมครับ
rasun Wrote:อยากถามเหมือนกันว่าอะไรทำให้รุ่นแพงๆอย่าง D-41 ถึง 45 เสียงดีกว่า พวก 28 หรือต่ำกว่า (ผมยังเชื่อว่ารุ่นแพงๆนั้นคุณภาพเสียงน่าจะ"ดี"กว่ารุ่นรองๆลงมา ไม่เพียงแค่"เสียงคนละแบบ")
- เกรดของไม้อาจเป็นส่วนหนึ่งแต่ผมไม่ค่อยจะเชื่อว่ามันจะมีผลมากขนาดนั้น
- ถ้า bracing ต่างกันมันก็ไม่น่าจะมีผลต่อต้นทุนจนทำให้ราคาต้องต่างกันมากนัก
- หรืออยู่ที่กระบวนการผลิตที่รุ่นแพงๆต้องใช้เวลา (ค่าแรง) กับกีต้าร์แต่ละตัวนานขึ้นในการทำอะไรบางอย่างแล้วได้เสียงที่ดีขึ้นออกมา
- การฝังมุกมากๆคงทำให้ตั้งราคาได้แพงขึ้นแต่คงไม่ทำให้เสียงดีขึ้น
อยากรู้เหมือนกันครับ เลยขอเอา quote คุณหมอมาเน้นๆอีกที
rasun Wrote:อยากถามเหมือนกันว่าอะไรทำให้รุ่นแพงๆอย่าง D-41 ถึง 45 เสียงดีกว่า พวก 28 หรือต่ำกว่า (ผมยังเชื่อว่ารุ่นแพงๆนั้นคุณภาพเสียงน่าจะ"ดี"กว่ารุ่นรองๆลงมา ไม่เพียงแค่"เสียงคนละแบบ")
- เกรดของไม้อาจเป็นส่วนหนึ่งแต่ผมไม่ค่อยจะเชื่อว่ามันจะมีผลมากขนาดนั้น
- ถ้า bracing ต่างกันมันก็ไม่น่าจะมีผลต่อต้นทุนจนทำให้ราคาต้องต่างกันมากนัก
- หรืออยู่ที่กระบวนการผลิตที่รุ่นแพงๆต้องใช้เวลา (ค่าแรง) กับกีต้าร์แต่ละตัวนานขึ้นในการทำอะไรบางอย่างแล้วได้เสียงที่ดีขึ้นออกมา
- การฝังมุกมากๆคงทำให้ตั้งราคาได้แพงขึ้นแต่คงไม่ทำให้เสียงดีขึ้น
อายุของไม้ + คุณภาพของไม้ที่นำมาใช้ทำ นั้นคือต้นทุนที่มากกว่าส่วนหนึ่ง
ค่าฝีมือแรงงานที่ทำด้วยความปราณีต นั้นคือต้นทุนที่มากกว่าอีกส่วนหนึ่ง
ส่วนเทคนิคการวางBrace หรือส่วนประกอบอื่นๆ รุ่นไหนก็สามารถทำได้ไม่ยากมากมายนัก
ความสำคัญของราคาน่าจะอยู่ที่สองส่วนข้างต้น ลองเปรียบเทียบของเลียนแบบจากญี่ปุ่นก็คงเข้าใจและเห็นภาพง่ายขึ้น
ไม่เชื่อ..อย่าเชื่อครับ! (นี่เราพูดกันเฉพาะกีตาร์ ม้าร์ททิ่น เท่านั้นนะครับ)
Maow Wrote:กระผมได้ข่าวแบบที่พอจะกรองได้มาว่า น้ากิจจากำลังอยากตัวเบาโหวงโล่งสบายใช่ไหมครับ
เบาโหวง โล่งสบาย เหมือนใส่ผ้าอนามัย โซฟี ลอรีเอะ กันเลยทีเดียวครับน้าหม่าว อิอิ
สำหรับ Martin ผมไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่อยากเดาเล่นๆครับ คงต้องให้เจ้าพ่อ Martin เอ้ยยย!!
น้ากฤษณ์และน้ายอดจุ๊มาแถลงไข
เท่าที่เคยลองและเห็น Martin รุ่นสูงๆๆ ผมว่าไม้หน้าและหลังคัดได้สวยมากๆๆ ซึ่งก็ต้องถูกเลือกเฟ้นเพื่อให้กำเนิดเสียงได้อย่างดีมากด้วย และคงจะมีจำนวนไม่กี่ชิ้นใน lot นึงครับ
bracing ต่างหรือไม่ต่างกันมีผลเฉพาะต่อเสียง แต่ราคาของเกรดไม้ที่ใช้ทำ bracing ผมเดาว่าน่าจะแตกต่างกัน ก็เลยทำให้ราคาต่างกันไปด้วย
เรื่องฝังมุก ผมเห็นด้วยครับ ว่าไม่ได้ช่วยให้เสียงดีขึ้น
ทานหอยทำให้เสียงดีขึ้น...อาจเชื่อ
ฝังหอยทำให้เสียงดีขึ้น...ไปไกลๆเลย!
ทุกวันนี้นอกจากเสียงดีแล้ว ผมเลือกกีตาร์ "เล่นแล้วสบาย" ด้วยครับ เพราะถ้าเล่นแล้วไม่สบาย เสียงดีแค่ไหน มันก็ไม่ดัง เพราะมันไม่โดนหยิบมาเล่น!!
นอกเสียจากว่า จะเริ่มสะสมความสุขโดยการสะสมกีตาร์
rasun Wrote:อยากถามเหมือนกันว่าอะไรทำให้รุ่นแพงๆอย่าง D-41 ถึง 45 เสียงดีกว่า พวก 28 หรือต่ำกว่า (ผมยังเชื่อว่ารุ่นแพงๆนั้นคุณภาพเสียงน่าจะ"ดี"กว่ารุ่นรองๆลงมา ไม่เพียงแค่"เสียงคนละแบบ")
- เกรดของไม้อาจเป็นส่วนหนึ่งแต่ผมไม่ค่อยจะเชื่อว่ามันจะมีผลมากขนาดนั้น
- ถ้า bracing ต่างกันมันก็ไม่น่าจะมีผลต่อต้นทุนจนทำให้ราคาต้องต่างกันมากนัก
- หรืออยู่ที่กระบวนการผลิตที่รุ่นแพงๆต้องใช้เวลา (ค่าแรง) กับกีต้าร์แต่ละตัวนานขึ้นในการทำอะไรบางอย่างแล้วได้เสียงที่ดีขึ้นออกมา
- การฝังมุกมากๆคงทำให้ตั้งราคาได้แพงขึ้นแต่คงไม่ทำให้เสียงดีขึ้น
น้าหมอครับผมเคยคิดแบบน้าเหมือนกันครับว่าทำไมมันแพงกว่ารุ่น 28 ตั้งเป็น 4-5 หมื่นบาททั้งๆที่ก็ไม่ได้เห็นเปลี่ยนอะไรมากมายเลย หรือแค่แต่งองค์ทรงเครื่องก็เป็นกีต้าร์แพงแล้วหรือ? แต่ตอนหลังเลยมาคิดใหม่แล้วก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ เลยคิดใหม่ว่า
- เกรดของไม้ ผมคิดว่ารุ่นสูง 40 ขึ้นไป เลือกไม้ได้ดีและเนียนดีครับ (มาร์ตินรุ่นที่ผลิตนปีใหม่ๆ นิยมเลือกไม้ sitka spruce ที่เกรนไม่ชิดกันมาก คล้ายๆกับเกรนของ adirondack ครับ ซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับการเลือกไม้ของกีต้าร์ยี่ห้อ Larrivee ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Acoustic guitar ประจำเดือนเมษายนปีนี้ โดยทาง Larrivee ได้อ้างว่าเสียง sitka spruce ที่คัดเกรด และมีเกรนห่างเหมือน adirondack ให้เสียงที่ดีกว่า....ผมอ่านแล้วก็งง เพราะเท่าที่เคยทราบมามีแต่คนบอกให้เลือกเกรนไม้ถี่ๆ) สีของไม้ การเข้าไม้ ทำได้ดีมากเลยครับ เวลาเลือกไม้ผมเห็นในเวป ทางมาร์ตินเอาไม้แต่ละแผ่นมาผ่านแสงสีแดงเพื่อดูตำหนิ หรือจุด ที่ตาเราอาจมองไม่เห็นเมื่อกระทบกับแสงธรรมชาติ แล้วหลังจากนั้นจึงทำการคัดไม้แยกตามเกรด ก่อนส่งเข้าสายการผลิต
- ข้อนี้น่าสนใจครับ แค่เปลี่ยน bracing ในตำแหน่งที่ต่างกัน หรือปาด bracing ต่างกันทำไมราคาแพงเช่นนั้น หรือขึ้นกับชนิดของไม้ที่ใช้ในการทำ bracing อันนี้ไม่รู้จริงๆครับ
- กระบวนการผลิตอันนี้น่าจะเป็นไปได้ เพราะเท่าที่ดูจาก Touring Martin Factory การผลิตรุ่นสูงใช้ความปราณีตแล้วก็คงมี QA ที่เข้มกว่ามั้งครับ
- การฝังมุขก็เป็นงานที่ปราณีตมากๆเลยครับ เท่าที่ดูในเวป มาร์ตินใช้ผู้หญิงที่มีอายุในการทำงานเฉพาะด้านนี้และมีประสบการณ์มาประมาณ 34-37 ปี ผมเห็นเธอขัด ตัด ปัด ฝน และลองมุขแต่ละอันเพื่อให้เข้ากันสนิทและชิดจริงๆครับ ถ้าลองเปรียบเทียบกับกีต้าร์ยี่ห้ออื่นที่ราคาถูกกว่าที่มีการประดับมุข จะเห็นได้ถึงความแตกต่าง และจะเห็นรอยการต่อมุขเป็นอันๆ ได้อย่างชัดเจนครับ สรุปเธอเลือกสีมุขและฝีมือปราณีตมาก นอกจากนั้นมุขคงจะมีหลายเกรดด้วยครับ
ความเห็นของผมก็คือ กีต้าร์แพง ไม่อาจจะเป็นกีต้าร์ที่เสียงดีกว่ากีต้าร์ถูกกว่าเสมอไป แต่ด้วยวัสดุ อุปกรณ์ ที่ใช้ทำอยู่ในระดับ top grade รวมถึงความปราณีต ก็คาดว่าน่าจะได้กีต้าร์คุณภาพดีกว่าครับ เหมือนอย่างเช่นไส้กรองน้ำมันรถยนต์ของปลอมกับของแท้ทำงานได้คล้ายกันแต่ราคาแพงกว่ากันหูดับเลยครับ
Therock Wrote:Maow Wrote:กระผมได้ข่าวแบบที่พอจะกรองได้มาว่า น้ากิจจากำลังอยากตัวเบาโหวงโล่งสบายใช่ไหมครับ
เบาโหวง โล่งสบาย เหมือนใส่ผ้าอนามัย โซฟี ลอรีเอะ กันเลยทีเดียวครับน้าหม่าว อิอิ
โปรเจคนี้คงสูงส่งยิ่งนัก...
ยินดีล่วงหน้าครับ