Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
Dead note/ Wolf tone
Author Message
rasun Offline
Posting Freak
*****

Posts: 872
Likes Given: 6
Likes Received: 21 in 13 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 10
#1
Dead note/ Wolf tone
กีต้าร์หลายตัวที่ผมเล่นมามักมีบาง note ที่เป็นเสียงห้วนๆสั้นๆแต่ดังกว่า note อื่น มักเกิดที่แถวๆ F# หรือสูงขึ้นต่ำลง 1-2 fret บนสาย 4 หรือ 5

บางตัวเป็นมากบางตัวเป็นน้อย แม้แต่ Lowden ที่ผมไปลองที่ Peterson บางตัวก็เป็น แต่ Martin ที่เป็น mahogany top ไม่เป็น

นี่คือเสียงที่เรียกว่า wolf tone ใช่หรือไม่ หรือเรียกว่า dead note? และแก้ได้ไหมครับ
Just for fun!
29-01-2008, 15:21
Website Find Like Post Reply
gman Offline
Senior member
****

Posts: 395
Likes Given: 6
Likes Received: 13 in 10 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 6
#2
RE: Dead note/ Wolf tone
เป็นไปได้ครับที่จะเป็น dead note

Wolf tone หรือ dead note นี่ผมเข้าใจว่ามีสาเหตุเหมือนกันครับ คือการที่ความถี่ของโน๊ตที่เราเล่นไปตรงกับ resonant frequencies ของเครื่องดนตรี ทำให้เครื่องดนตรีสั่นสะเทือนมากที่ความถี่นั้นๆ และสูญเสียพลังงานเร็วกว่าปกติ เราจึงได้ยินโน๊ตตัวนั้นดังกว่าปกติแต่ขณะเดียวกัน sustain ก็สั้นลงด้วย

คำว่า wolf tone ส่วนมากจะได้ยินใช้กับเครื่องสายประเภทไวโอลินมากกว่า ส่วนคำว่า dead note จะได้ยินใช้กัีบกีตาร์มากกว่า ผมเข้าใจว่าเนื่องจากลักษณะของการทำให้เกิดเสียงต่างกันครับจึงเรียกต่างกัน การสีเป็นการทำให้เกิดสียงต่อเนื่อง เวลาเกิดปัญหานี้เลยทำให้เราได้ยินเสียงดังๆ ค่อยๆสลับกันไป ฝรั่งเค้าเปรียบว่าคล้ายเสียงหอนของหมาป่า เลยเรียกว่า wolf
ลองฟังเสียง wolf tone ของ cello ได้ที่นี่ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Wolf_tone

สำหรับกีตาร์ที่เป็นเครื่องดีด ไม่เกิดเสียงที่ต่อเนื่อง เราเลยได้ยินแต่เสียงที่สั้นๆห้วนๆไม่มีชีวิตชีวา เข้าใจว่าจึงเป็นที่มาของคำว่า dead note

เนื่องจากสาเหตุของ wolf/dead note เกิดจากความถี่ วิธีแก้นั้นก็ต้องปรับความถี่ของตัวกีตาร์ครับ เช่น ปาด bracing หรือ ปรับขนาด soundhole เป็นต้น แต่แก้แล้วเสียงจะเป็นยังไงก็ไม่อาจคาดเดาได้ครับ

จะลองดูแบบไม่ต้องเสี่ยงก็ได้ครับ คือลองเอากระดาษแข็งค่อยๆปิดที่ soundhole ทีละนิด ซึ่งจะทำให้ความถี่ของกีตาร์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง air resonance เปลี่ยนไป แล้วดูว่ายังมีอาการอยู่รึเปล่า
29-01-2008, 21:51
Find Like Post Reply
pood Offline
VIP member
******

Posts: 6,313
Likes Given: 13
Likes Received: 390 in 213 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 77
#3
RE: Dead note/ Wolf tone
ตามหลักวิชาการแล้ว dead notes กับ wolf tone อยู่ฝ่ายตรงข้ามกันครับ
wolf tone เกิดขึ้นเมื่อความถี่ของแรงกระทำภายนอกเกิดไปตรงกับ resonance
frequency ของวัสดุอย่างต่อเนื่องเลยเกิดแรงเสริมในการสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นเรื่อยฯ
เรื่องนี้วิศวกรโครงสร้างรู้ดีครับเพราะต้องออกแบบกันใว้ให้พวกคุณเปลืองเงินเล่นเนื่อง
จาก กทม. เขาบังคับให้ออกแบบอาคารกันแผ่นดินไหวแล้วในตอนนี้

บางครั้งแม้แค่แรงลมก็ยังทำให้โครงสร้างพังใด้ถ้ามันกรรโชกในจังหวะพอดีเหมือนเราไกว
ชิงช้า ลองดูตัวอย่างของ Tacoma bridge ที่พังเพราะแรงกรรโชกลมไปตรงกับ resonance
ของตัวสะพานในปี 1940 ใด้เลยครับ

http://www.youtube.com/watch?v=P0Fi1Vcbp...re=related

ส่วน dead notes นั้นตรงข้ามกับ wolf tone เพราะเป็นการ cancellation ของความถี่
ส่วนใหญ่จะเกิดกับเบสมากกว่ากีต้าร์โปร่ง การแก้แบบชาวบ้านก็คือหาอะไรหนักฯไปถ่วง
headstock อย่างเจ้า Fatfinger ด้านล่างเป็นต้น

http://www.zzounds.com/item--GVTFFB

บางคนก็แนะนำให้เอาเหรียญเพนนีไปแปะใว้ใต้ bridge บริเวณสายที่มีปัญหา แต่ผมยังไม่เคยเจอ
กีต้าร์โปร่งแพงฯที่มี dead note เลยครับ ที่เจอบ่อยมากคือ dead string ที่ทำให้โน้ตบางตัวไม่มี
หางเสียงโดยเฉพาะพวก coated string นี่แหละตัวดีเลยเพราะถึงตายไปแล้วมันก็ยังดูใหม่อยู่
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก้เจอเจ้า Sharapovation สายตายที่ Tom Lee เมื่อสองวันก่อนก็เจอ takamine
รุ่นแพงสายตายที่ฟอร์จูน

เท่าที่เคยเจอมาสายประเภทสวยแต่ตายด้านก็มี DR Extra กับ D'addario EXP บ่อยสุดครับส่วน
Elixir ยังไม่เคยเจอเพราะมันทนจริงอย่างที่ตา Chris Martin เคยบอกว่า "They just sound bad
longer."

ผมไม่ทราบว่า Lowden ใส่สายรุ่นใหนมาจากโรงงานครับ
29-01-2008, 23:04
Find Like Post Reply


Forum Jump:


Users browsing this thread: 1 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication