Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
The end of Thailand?
Author Message
auitaka Offline
Member
***

Posts: 215
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 14 Apr 2009
Reputation: 0
#11
RE: The end of Thailand?
รักเมืองไทยครับ จะต่อสู้เพื่อชาติไทยให้ถึงที่สุด เสียเพื่อนสมัยมัธยมไปแล้ว (หมวดแคน) ไม่ยอมให้สูญเปล่าครับ.....ร้องเพลงเล่นกีต้าร้สู้ครับ
TO BE WITH YOU
08-11-2009, 16:19
Find Like Post Reply
.::.pOoH.::. Away
Simply the Best
******

Posts: 5,115
Likes Given: 0
Likes Received: 3 in 2 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 41
#12
RE: The end of Thailand?
Topic นี้เรื่องใหญ่จังครับ

ผมวางตัวเป็นเอกเทศ ในโลก postmodern รู้สึกสบายใจมากๆ

จะนิติภูมิหรือวิกรม ผมก็รักเมืองไทยครับ Wink
ไปทางไหนก็...ละลานตาไปหมด
09-11-2009, 00:30
Find Like Post Reply
SARUN Offline
Very Imperfect People
******

Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 53
#13
RE: The end of Thailand?
เมลล์นี้ เคยเห็นมา ซัก 4-5 ปีที่แล้วละ
อ่านครั้งนี้ น่าจะเป็น รอบที่ 5-6 เห็นจะได้

บทความ นี้เป็นของใคร ยังหาที่มาไม่ได้เลยครับ เอาว่าเป็น นาย ก. (นามสมมุติ) ก็แล้วกัน
นาย ก. ได้เขียนบทความ ในสไตล์ ใช้การ?สร้างความหวาดกลัว? ให้เกิดความคล้อยตาม
วิธีนี้จะเห็นบ่อยๆ ในทาง จิตวิทยามวลชน และ เริ่มมาแพร่หลายในวงการโฆษณา (ชวนเชื่อ)
นาย ก. ได้อ้าง งานบรรยายของ คุณ นิติภูมิ มาประกอบบทความ แต่ลองอ่านดูดีๆแล้ว มันไม่ชี้ชัดว่าประโยคไหน คุณ นิติภูมิ ได้กล่าวเอาไว้ด้วยตัวเอง ทางกลับกัน อ่านไปแล้วกลับรู้สึกว่า เป็น บทความวิเคราะห์ ของ นาย ก. เสียมากกว่า
และ อีกประเด็น ผมยังหา สิ่งที่คุณนิติภูมิได้บรรยาย ที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนะธรรมฯ ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543
โดยเฉพาะ ประเด็น ?ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ ? และประเด็น ?ปี 2553 จุดจบประเทศไทย.? ยังไม่เจอ!!!
จึงได้แต่อ่านเมล์นี้ แล้วก็ ผ่านไป?..

บทความสไตล์ นิติภูมิ ไม่ใช่การทำนายอนาคต!!!! แต่มักจะเป็นการวิเคราะห์ และ ประมวลสถานการณ์ ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ ที่เกิดขึ้น แล้วมักจะแอบสอดแทรกในตอนจบเสมอๆว่า หาก ตัวเรา ครอบครัวเรา องค์กรเรา หรือ ประเทศชาติเรา เดินรอยตามดังบทความนี้แล้ว ก็จะได้รับผลบุญ ผลกรรม ไม่แตกต่างกัน เพื่อให้เกิดจิตสำนึก ซึ่งมีทั้งในแง่ควรเอาเยี่ยงอย่าง และแง่ดูเอาไว้เป็นบทเรียน

ผมมารู้จัก ชื่อคุณนิติภูมิ จริงจัง ก็เพราะ บทความ จากการ ส่งต่อเมลล์ ข้างต้นนี้ละที่เป็นจุดเริ่มต้น ว่า คุณนิติภูมิ คือใคร

ช่วงนั้น คุณนิติภูมิ มาออกรายการเจาะใจ เลยตั้งใจดูเป็นพิเศษ เขากำลังเริ่มเป็นที่รู้จัก จากรายการ TV และงานคอลัมน์ ในไทยรัฐ
เขามักพูดถึง อาร์เจนตินาอยู่บ่อยๆ เพราะเป็นช่วงที่ ประเทศนี้ เศรษฐกิจของประเทศ เริ่มจะเจ๊ง แบบ ไม่เป็นท่า ในราวๆ พ.ศ. 2542 ซึ่งบ้านเราก็ฟองสบู่แตก ไปแล้ว พอดิบพอดี และอยู่ในช่วงต้องฟื้นฟู ศก. กันใหม่ ซึงมีทั้งแนวความคิด การกู้ยืมเงิน และการเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน หรือจะยอมอยู่แบบพอเพียง แล้ววิธีไหนจะดีกว่ากัน
ช่วงนั้น คุณนิติภูมิ ดูจะไม่เห็นด้วยกับการ กอบกู้ ศก. ด้วยการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่สำคัญๆ ภายในประเทศ และ ไม่เห็นด้วยกับการเข้ามา ของกิจการต่างชาติ อย่างล้นหลามจะเกินความจำเป็น

ช่วงนั้นคุณนิติภูมิ จึงมักจะยก อาร์เจนตินา ที่ต้องล่มสลายทาง ศก. ก็เพราะ นโยบายการสร้างความร่ำรวยให้กับประชาชนในชาติด ของ นายเมเนม ประธานาธิบดีระหว่าง พ.ศ.2532 - 2542 รวมระยะเวลา 10ปีพอดิบพอดี (สอดคล้องกับ นาย ก. ทำนายไว้ 10 ปี เช่นกัน)
วิธีการนายเมเนม คือ
จัดการผ่อนคลายการควบคุมการลงทุน กำแพงภาษี และการค้าของต่างชาติ
ขายสาธารณูปโภค ที่มีอยู่ในประเทศ หรือเรียกเท่ห์ๆว่า แปรรูป รัฐวิสาหกิจ เช่น ไฟฟ้า น้ำมัน โทรศัพท์และสื่อสาร
แก๊สธรรมชาติ ฯลฯ โดยกระจายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งอาร์เจนตินา ญาติสนิท มิตรสหายของเมเนมและญาติรัฐมนตรีในคณะ ก็ไปกว้านซื้อเองเพื่องเก็งกำไร โดยนำไปขายต่อให้ชาวต่างชาติที่เข้ามากว้านซื้ออีกที และ สเปนเองดูจะเป็น ประเทศที่ซื้อเยอะที่สุด รองลงมาคือ อเมริกา

เดิมของรัฐวิสาหกิจของอาร์เจนตินาให้บริการประชาชนในด้านต่างๆ ไม่ว่ารัฐวิสาหกิจนั้นจะมีกำไร หรือปริ่มๆ
ก็หันมาแสวงหากำไรอย่างเต็มรูปแบบ แล้วจะไปว่าผู้บริหาร หรือ พนักงานก็ไม่ได้ เพราะ ไม่งั้น ผู้ถือหุ้น ก็คงไม่จ้างงานต่อ

แล้วถามว่า ประชาชนไม่เอะใจเหรอ?
รัฐบาลของนายเมเนม ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ครับ เพราะ ราคาไฟฟ้า ราคานํ้ามัน ถูกลงอย่างไม่น่าเชื่อ
รัฐบาลของนายเมเนมสัญญากับพนักงานว่าจะไม่มีการปลดคนงาน แถมได้รับผลตอบแทน เป็น หุ้น อีก

แปรรูปได้ 10 ปี ประเทศก็เจ๊ง !!!! มีเพียงธนาคาร กิจการต่างชาติ และ คนกลุ่มน้อยที่รวยล้นฟ้า ทียังอยู่ได้เรื่อยๆ

บ้านเราฯ คงยากที่จะเจอ ชะตากรรมเดียวกับ อาเจนตินา ที่ มีผู้นำประเทศหาผลประโยชน์เข้าตัว โดนไม่ใสใจบ้านเมือง
เมลล์นี้ คงจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่ทำให้คนไทยเอง เริ่มสนใจการเมืองกันมากขึ้น เริ่มมีความสนใจที่จะตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล จากสนใจส่วนตัว ก็เริ่มเป็นกลุ่มเป็นก้อนใหญ่ขึ้น และดูจะมีบทบาทในสังคมมาก ซะด้วยสิ
จนปัจจุบันนี้ เริ่มพัฒนาจนมีหลายกลุ่ม หลายกก้อน จน ชักจะเยอะเกินไปไม๊เนี่ย? ??ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไป..จะเจ๊ง เอานะ!!!



((ขออภัยที่ บทความนี้อาจจะยาวเกินไปจนทำให้ปวดเศียรเวียนหัวได้ Big Grin))
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?

@_@~??"If I leave here tomorrow" ...Sad ??~@_@
09-11-2009, 12:27
Find Like Post Reply
povation Offline
Roundback
******

Posts: 15,199
Likes Given: 328
Likes Received: 227 in 148 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 92
#14
RE: The end of Thailand?
ใครอยากรู้ความจริง(?) ต้องลองโทรไปถามคุณนิติภูมิ (ห่อนาค) ซิครับ
All I Have
The dreams come true
Facebook : Povation NH
09-11-2009, 12:40
Website Find Like Post Reply
Maow Offline
VIP member
******

Posts: 3,670
Likes Given: 53
Likes Received: 101 in 79 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 18
#15
RE: The end of Thailand?
เห็นด้วยอย่างยิ่งกับข้อสังเกตุของน้าบู และก็ค่อนข้างเข้าใจในบทวิเคราะห์ของน้าซารัน (ทั้งเก่งในเรื่องกีต้าร์และการตีความ)

ผมอยากจะให้ข้อน่าสังเกตุที่และน่าเป็นในระบบการศึกษาของประเทศไทย ในฐานะผู้อยู่ในระบบราชการ และกำลังถูกผลักดันให้อยู่ระบบที่เรียกว่าพนักงานของมหาวิทยาลัยแทนที่จะเป็นข้าราชการในใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผลกระทบนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการที่ในปัจจุบันนี้ลักษณะของสังคมที่เป็นทุนนิยมที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนมันกัดกินเข้าไปในแกนของประเทศไทยโดยคนรุ่นใหม่ก็ได้รับการปลูกฝังให้นึก หรือคิดเรื่องทุนนิยม ว่าเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่ควรที่สุด และเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

แล้วปัญหาในระบบราชการมันอยู่ตรงไหนหละ?

มหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยของรัฐ กำลังถูกพลักดันให้เป็น มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐบาล (autonomous university) ซึ่งรัฐบาลที่บาลที่แล้วบอกว่าสาเหตุที่ทำเนื่องจากจะได้มีความคล่องตัวในการบริหารงาน ไม่ต้องขึ้นอยู่กับส่วนกลางเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วเท่าที่ได้สัมผัสกับข่าว และสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็พอสรุปได้ว่า เงินในท้องพระคลังของประเทศไทยเริ่มลดลง จากการนำไปใช้ในโครงการต่างๆ ที่เป็นการหาเสียงของรัฐบาลที่ผ่านมา อย่างไม่รู้จักยั้งคิด หรือไตร่ตรองอย่างสมควร แต่คิดเพียงเฉพาะผลประโยชน์ในพวกพ้องเท่านั้น

ดังนั้นผลที่ตามมาก็คือได้มีการตราพระราชบัญญัติขึ้นและผ่านรัฐสภาไปเรียบร้อยแล้ว และขณะนี้ก็กำลังบังคับใช้อยู่ ซึ่งไอ้เจ้ากฏข้อบังคับนี้มันกำลังมีผลโดยตรงต่ออาจารย์ในมหาวิทยาลัยเช่นผมเป็นอย่างมาก

แม้แต่หน่วยงานราชการบางแห่งยังต้องออกมายอมรับว่าเงินไม่พอจ่ายต้องมีการประหยัดและลดทอนตามสัดส่วน หรือความสำคัญลงไป

แล้วมันมีผลอย่างไรหละ?

กฏข้อบังคับนี้ได้ระบุให้อาจารย์ทุกคนที่เข้ามาทำงานใหม่ในระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี ที่มีการเปลี่ยนสถานะจากข้าราชการเป็นพนักงาน จะต้องทำงานวิจัย และต้องทำตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. ให้ได้ภายใน 5 ปี ให้ได้ รศ. ภายใน 9 ปี และให้ได้ ศ. ในระยะเวลา 15 ปี ถ้าทำไม่ได้ตามนี้ก็ขอเชิญออกจากการเป็นอาจารย์ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องถือปฏิบัติ ทำให้แต่ละคนก็ต้องดิ้นรนในการหาเงินทำงานวิจัย เพราะถ้าไม่มีเงิน งานวิจัยไม่มีทางเป็นไปได้ แล้วเงินมาจากไหนหละ? ส่วนใหญ่เงินก็มาจากหน่วยงานราชการเช่น สภาวิจัยแห่งชาติ หรือ หน่วยงานอื่นๆ ที่พอจะเจียดเงินให้ได้เช่นศูนย์นวตกรรม ศูนย์เทคโนโลยีแห่งชาติ ซึ่งก็ไม่ค่อยจะพอสักเท่าไหร่ เพราะอาจารย์ในประเทศไทยมีตั้งเยอะแยะ แล้วจะเอาเงินมาจากไหนหละครับพี่น้อง...... ครั้นจะไปหาทุนจากโรงงานอุตสาหกรรมในเชิงของการร่วมวิจัย ก็คงไม่มีใครเขาให้ เพราะเทคโนโลยีต่างๆ ก็นำเข้าจากต่างประเทศ คงไม่มีใครให้เงินที่ไม่ได้รับผลกำไรต่อบริษัทของเขาหรอก เนื่องจากระบบของประเทศไทยไม่เหมือนต่างประเทศ ที่มีการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัทและมหาวิทยาลัยร่วมกัน แต่ระบบของประเทศไทยมันไม่ใช่.....

แล้วผลกระทบต่อเยาวชนของชาติที่เป็นนักศึกษาหละ?

เมื่ออาจารย์ต้องหาเงิน อาจารย์ต้องทำผลงานวิจัย ก็มีผลทำให้ประสิทธิภาพในการเตรียมสอน หรือการสอนลดลงอย่างมาก สังเกตุง่ายๆจากอาจารย์ท่านใดที่มีตำแหน่งสูงๆ เช่น รศ. หรือ ศ. ก็มักไม่ค่อยมีเวลาให้นักศึกษา หรือไม่มีเวลาในการเรียบเรียงแผนการสอนให้กับนักศึกษา เพราะเดินทางบ่อย ประชุมบ่อย และก็ตามมาด้วยการสอนที่ไม่รู้เรื่อง เอาอะไรมาพูดในห้องก็ไม่รู้ มักเป็นเรื่องประสบการณ์งานวิจัยซึ่งนักศึกษาก็ไม่ต้องการจะรู้เลย ทำให้การเรียนการสอนมันลดลงไปอย่างมากในปัจจุบัน แต่ผมก็ปฏิญานกับตัวเองไว้ว่า ผมจะไม่เป็นอาจารย์เช่นนั้น เพราะผมสำนึกว่างานสอนต้องเป็นงานหลัก งานวิจัยเป็นงานรอง ถ้าสอนไม่ได้ดีก็อย่าไปเป็นมันเลยกับตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ และถ้าสุดท้ายมหาวิทยาลัยจะเอาผมออก ผมก็คงต้องไปขายเต้าฮวยหละครับพี่น้อง.... เพราะอุดมการณ์ของผมมันคือการสอน ส่วนงานวิจัยเป็นการเสริมให้การสอนดีขึ้น.....

ผมสงสารอาจารย์เด็กๆ รุ่นใหม่ๆมากครับ ที่ต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้เพราะการสร้างห้องวิจัยหรือการหาเครื่องมือสักชิ้นมันทำได้ยากลำบากมากเพราะราคามันแพงมากๆ เครื่องมือวิเคราะห์แต่ละเครื่องก็ราคาไม่ต่ำกว่าล้านบาททั้งนั้น ครั้นจะรอให้มหาวิทยาลัยซื้อให้ก็คงจะฝันตอนกลางวันร้อนๆ ครั้นจะวิ่งไปขอจากทางโรงงานอุตสาหกรรมก็คงโดนตอกหน้ากลับมา แล้วเช่นนี้ชะตากรรมของทั้งอาจารย์รุ่นใหม่ และเด็กๆ จะเป็นเช่นใดเล่า และยิ่งในปัจจุบันนี้เป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายจากอาจารย์อาวุโสที่ต้องเกษียณ และอาจารย์รุ่นใหม่ที่กำลังเข้ามาวนเวียนในอุตสาหกรรมการศึกษา มันจึงเป็นวัฏจักรที่ค่อยๆเคลื่อนที่ไป แต่ไม่รู้ว่าจะไปข้างหน้า หรือข้างหลัง มันช่างหน้าเป็นห่วงยิ่งนักกับกระแสของทุนนิยม ที่กำลังแผ่แสนยานุภาพไปทั่วทุกหย่อมหญ้า....ไม่เว้นแต่การศึกษาซึ่งควรจะเป็นการศึกษาเสรี แต่กลับกลายจะเป็นอุตสาหกรรมไปเสียนี่....

ไม่ว่าความคิดนี้จะถูกจะผิดหรือไม่ แต่อุดมการณ์ในการเป็นอาจารย์ มันยังคงเป็นสิ่งที่ควรอยู่ในใจของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ทุกๆ คน
(This post was last modified: 09-11-2009, 13:18 by Maow.)
09-11-2009, 13:14
Find Like Post Reply
poPPie Offline
APFC or NMFC
******

Posts: 2,826
Likes Given: 23
Likes Received: 9 in 5 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 57
#16
RE: The end of Thailand?
เดินตามรอยพ่อหลวง พระองค์ทรงเหน็ดเหนื่อยไม่รู้จบ
ขอให้คนไทยมีจิตที่ดีและรักประเทศชาติทะนุบำรุง
เหมือนที่ในหลวงของเราท่านทรงทำมาตลอดชีวิตท่าน

จะแน่วแน่แก้ไข ในสิ่งผิด? จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์ พระปฏิมา




ขอพระองค์ทรงพระเจริญ?
poPPie
09-11-2009, 13:18
Find Like Post Reply
SARUN Offline
Very Imperfect People
******

Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 53
#17
RE: The end of Thailand?
(09-11-2009, 13:14)Maow Wrote: ถ้าสอนไม่ได้ดีก็อย่าไปเป็นมันเลยกับตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ และถ้าสุดท้ายมหาวิทยาลัยจะเอาผมออก ผมก็คงต้องไปขายเต้าฮวยหละครับพี่น้อง....

แม้จะไม่มีโอกาสได้มีอาชีพเป็น อาจารย์ แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับ อุดมการณ์ในการเป็นอาจารย์ ว่าควรอยู่ในใจของผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นอาจารย์ทุกๆ คน ของ อ.หม่าว ผู้ซึ่งมีรสนิยมชั้นเลิศในเรื่องกีต้าร์และอิสตรีBig Grin

แต่ผู้อยู่นอกวงการฯอย่างผม คงช่วยได้แค่ 2 อย่าง คือ
1. ให้กำลังใจ เพื่อให้อุดมการณ์นี้ ไม่ตายไปจากสังคมไทย
2. เตรียมสูตร เต้าฮวย ไว้ให้อ.หม่าว ((เผื่อเป็นรายได้เสริมน่ะ Big Grin))
เพื่อสร้างความแตกต่างในวงการ เต้าฮวย แห่งประเทศไทย
วันนี้ขอเสนอ เต้าฮวยทรงเครื่อง
ส่วนผสม
เต้าหู้สตรีม 1 ก้อน
ถั่วแดงต้มสุก 1/4 ถ้วย
ลูกเดือยต้มสุก 1/4 ถ้วย
แปะก๊วยต้มสุก 1/2 ถ้วย
เม็ดบัวต้มสุก 1/2 ถ้วย
น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำเต้าหู้สตรีมแช่ตู้เย็นไว้ แล้วจัดถั่วแดง ลูกเดือย แปะก๊วย เม็ดบัวแช่เย็นไว้เช่นกัน
2. เมื่อจะรับประทาน นำเต้าหู้ใส่ถ้วย ตักถั่วต่างๆ ใส่ ราดด้วยน้ำผึ้งตามชอบ

Tips
- เต้าฮวยสูตรนี้ได้ความหวานจากน้ำผึ้งซึ่งเป็นความหวานธรรมชาติ
- ธัญพืชที่ต้มสุกแล้วจะเสียง่าย จึงควรเก็บไว้ในตู้เย็น
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?

@_@~??"If I leave here tomorrow" ...Sad ??~@_@
(This post was last modified: 09-11-2009, 13:41 by SARUN.)
09-11-2009, 13:40
Find Like Post Reply
Maow Offline
VIP member
******

Posts: 3,670
Likes Given: 53
Likes Received: 101 in 79 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 18
#18
RE: The end of Thailand?
เดี๋ยวจะลองไปทำเพราะผมชอบเต้าฮวยจับใจ... โดยเฉพาะแบบเย็น

แล้วน้าซารันไม่มีสูตรสำหรับเรื่อง อิสตรีบ้างหรือครับ จะได้เอาไปประยุกต์ใช้บ้าง....
09-11-2009, 13:46
Find Like Post Reply
SARUN Offline
Very Imperfect People
******

Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 53
#19
RE: The end of Thailand?
สูตรสำหรับเรื่อง อิสตรี ต้องถาม น้าป๋อครับ

Wink










ว่าเลือกเฟ้นอย่างไร ถึงจะได้เพรียบพร้อม อย่าง ป้าแดง Big Grin
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?

@_@~??"If I leave here tomorrow" ...Sad ??~@_@
(This post was last modified: 09-11-2009, 13:49 by SARUN.)
09-11-2009, 13:48
Find Like Post Reply
karn Offline
you may say I'm a dreamer
******

Posts: 3,884
Likes Given: 81
Likes Received: 97 in 64 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 39
#20
RE: The end of Thailand?
(09-11-2009, 12:40)povation Wrote: ใครอยากรู้ความจริง(?) ต้องลองโทรไปถามคุณนิติภูมิ (ห่อนาค) ซิครับ

เย๊ยยย!!! นิติพงษ์ ... ถรึกโป๊ะ!!!!Big Grin
In my life, I love you more... [Image: 2685i.jpg]




09-11-2009, 16:47
Find Like Post Reply


Forum Jump:


Users browsing this thread: 1 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication