เสียบรูไหน อย่างไร ดีกว่ากัน

[poPPie]

ปกติเราจะใช้หัวแจ๊คที่เป็นโมโน (ดังรูป) เสียบเข้ามิ๊กซ์ หรือตู้แอมป์



แต่จะสังเกตว่า ที่มิ๊กเซอร์ มันจะมีรู (Input) แบบ 3 รู (ตามภาพด้านซ้าย)ที่ใช้หัวแจ๊คแบบ XLR



ถ้าเราทำสายแจ๊คกีต้าร์โดยใช้หัวแจ๊คแบบนี้ 1 ข้าง (out put) เสียบเข้าช่องไมค์ จะให้เสียงดีกว่าที่ใช้แบบโมโนรึปล่าวครับ

ผมสังเกตว่า ใช้หัวแจ๊คแบบ XLR เสียงมันดังกว่าแบบหัวแบบ Mono มากเลย

วานกูรูช่วยอธิบายหน่อยครับ ว่าควรจะเลือกใช้แบบไหน

[Tingnal]

เจอแบบ 3 รู ทำอะไรไม่ถูกเลยหรอน้าปรี้...

[napman]

Hi pop,
I found this on the "WEB", it's not directily answer your question but I think it's interesting to know (may be you already knew)

Here it is;
OK, firstly there are 2 types of 1/4" plug - mono (2 wires) and stereo (3 wires). The stereo plug can also be used to carry balanced signals (in the TRS (tip-ring-sleeve) setup).

Guitar jacks are a two line (unbalanced) signal, XLR is a three line (balanced signal). The difference lies in two places - the actual plug type (XLR vs 1/4") and the line type (balanced vs unbalanced)

As monty said, an unbalanced line has two wires - hot and common. Any interference picked up on the hot line will be included when the signal reaches it destination (amp, pre, mixer etc.). The common in the shield, and the hot is the centre cable

In the balanced configuration, there are three lines, hot, cold and common. Hot and common are the same as above, and the cold is also a centre cable. (ie. there are two centre cables in a balanced line)

Any interference picked up on the hot (signal) line will also be picked up on the cold line.

The difference is how the signal lines are handled at the signals destiantion. In a balanced line device, the cold line is phase shifted 180 degrees before being combined with the hot line. This means (and can be proven using trigonometry) that any signal that is on both hot and cold (and it will be only the interference, not the actual guitar signal) is cancelled out.

The long and the short of it is that the interference is removed from the signal using a balanced line, while it is not using an unbalanced line.

Don't be confused between the techniques for signal transmission and the actual plugs that are used. XLR is merely a different type of plug from a 1/4" TRS plug. The XLR is used a lot because it is solid, and locks the cable into the socket. The 1/4" TRS plugs are used because they are physically smaller and cheaper.

Hope this help, pop

[yodchula]

ไม่ต้องทำแบบนั้นครับพี่ ได้ค่าเท่าเดิม

[poPPie]

ขอบคุณพี่ Nap และ น้ายอดจุ๊นะครับ ผมขอถามต่อ

เรื่องมันเป็นมาแบบนี้ครับ จนเกิดความสงสัย

เมื่อคืนวันเสาร์เพื่อนผมหิ้วกีต้าร์ของเค้ามาเล่นกับผมที่บ้าน โดยที่ตูดกีต้าร์เค้ามีทั้งรูแจ๊คแบบโมโน
และรูแบบ XLR (ตัวเมีย) โดยเค้าใช้สายแจ๊คที่เป็นแบบสายไมค์เสียบได้เลย อีกด้านหนึ่งก็เป็น XLR (ตัวผู้)
ไปเสียบที่เจ้า fender passport โดยผมเปิดวอลลุ่มที่ fender เท่าๆกัน แต่สิ่งซึ่งแตกต่างกันมาก ก็คือ
ความดังและความแรงของกีต้าร์เพื่อนผมมีสัญญาณแรงกว่า Fishman prefix plus ในมาร์ตินมากๆๆๆ
ผมเลยคิดว่า ถ้ามันแตกต่างกันมากขนาดนี้ (ในเรื่องของความดัง) แค่หัวแจ๊ค แต่ไม่ทราบว่า ถ้าเปลี่ยน เป็น XLR มันจะมีค่าเกี่ยวกับทฤษฏี ในเรื่องความเพี้ยน หรือ เสียงบวมรึป่าว ... เรื่องของเรื่อง คือวอนเสียตังค์


ถ้างั้นถามต่อนะครับ

ผมลองเอาไมค์รุ่นเดียวกัน 2 ตัว โดยสายไมค์เส้นหนึ่ง มีหัวเป็นแบบ XLR
และอีกเส้น เป็นแบบ โมโนปกติ สิ่งที่แตกต่างกัน ก็คือ ไมค์ที่ใช้สายที่เป็นหัว XLR นั้นเสียงดังกว่าไมค์ที่ใช้สายแจ๊คโมโน เรียกว่า ต้องเปิดวอลลุ่ม ตัวที่ใช้แจ๊คโมโน จนเกือบสุดทีเดียว ในขณะที่ เส้นที่ใช้ XLR นั้น เปิดแค่ครึ่งเดียว เสียงก็ดังลั่นแล้วครับ

[poPPie]

เข้าใจแล้วครับ เพิ่งจะ get
ว่าถ้าต้นทางเป็น XLR ( EXTRA LOW RESISTANCE ) จากตูดกีต้าร์ จะเป็นการต่อสัญญาณเสียงแบบ BALANCED SIGNAL อย่างที่พี่ Nap พยายามอธิบาย โดยมีจุดเริ่มต้นจาก กีต้าร์หรือไมโครโฟนมาเข้ามิกเซอร์
คือ 1 เป็นกราวด์ ( GROUND ) , ขา 2 เป็นบวก ( HOT ) , ขา 3 เป็นลบ ( COLD )
( หรืออาจจะเรียกว่า บวก , ลบ , กราวด์ ) ในกรณีที่กีต้าร์ เช่นโอเวชั่นบางรุ่นมีรูแจ๊ค ที่เป็น XLR ติดมาจากโรงงาน
จะให้สัญญาณที่แรงกว่า สายแจ๊คที่เป็นโมโน ( UNBALANCED SIGNAL )

แต่ในกรณีที่กี้ตาร์ผม ต้นทางเป็นโมโน แล้วจะไปเปลี่ยนหัวแจ๊คอีกด้านเป็น XLR มันก็จะไม่มีประโยชน์อะไร อย่างที่ น้า Yod chula บอกไว้

ขอบคุณพี่ Nap , Yodju , น้านิท ที่ช่วยอธิบายทางโทรศัพท์ด้วยครับ

[lekleklek]

ก็บอกแล้วว่า XLR มันแรงกว่า ไม่เชื่อผมจะไปเชื่อใครโด่...

[yodchula]

XLR จะได้ผลก็ต่อเมื่อทั้งระบบเป็น Balance ครับ

คือกีต้าร์ต้องเป็น Balance สายต้องเป็น Balance และช่อง input ของ Mixer หรือ Amp ก็ต้องเป็น Balance ครับ

[nit gt]

หัว โมโน นี่ ยาวเกิน 5-7 เมตร แลัว สัญญา หายเกือบหมด เบา มาก ๆ ลองดู

[pood]

ตามปกติถ้าใช้ passive pickup ถ้าสายแจ็คยาวเกินสองเมตรสัญญาณก็ดรอปแบบชัดเจนแล้วครับ สัญญาณที่ดรอปก่อนคือย่านความถี่สูงดังนั้นกีต้าร์ไฟฟ้าเลยใช้สายแจ็คยาวใด้กับ passive pickup เพราะสัญญาณกีต้าร์ไฟฟ้ามันไม่มี harmonic ความถี่สูง ต่อให้มีลำโพงมันก็ไม่รับเพราะแอมป์ไฟฟ้ามันไม่มี tweeter ครับ ส่วนกีต้าร์โปร่งสมัยนี้คงไม่มีใครใช้ passive pickup กันซักเท่าไหร่โดยไม่ต่อกับ preamp

ถ้าเป็น active pickup ที่ต้องใช้แบตสัญญาณก็จะถูกขยายก่อนจะเข้าไปที่สายแจ็ค คราวนี้ก็ใช้สายใด้ยาวขึ้นแต่ถ้าเกินสี่เมตรก็เริ่ม drop เหมือนกันคือเสียง harmonic เริ่มหายไปครับ

ปัญหาใหญ่ของการใช้ pickup แบบ high impedance ก็คือเมื่อเสียบสายแจ็คเข้าไปตัวขดลวดในสายมันก็จะรวมเป็นส่วนหนึ่งของวงจร ถ้าสายแจ็คห่วยเสียงกีต้าร์ก็ห่วยตามครับ เมื่อสามปีที่แล้วผมเคยแกล้งเอาสายแจ็ค Planet Wave ที่ห่วยแตกมาให้น้าป้อปปี้เสียบ Martin HD-28V แล้วเอาสาย Monster Acoustic เสียบ Taylor Big Baby เข้าตู้ PA ที่ร้าน Venice คืนนั้นน้าป้อปปี้นั่งปรับปรีของ Martin อยู่ตั้งนานแต่เสียงออกแอมป์ก็ยังสู้เสียง Big Baby ไม่ใด้ ยังจำใด้ไหมครับ

ใครที่เล่นกีต้าร์โปร่งเสียบแอมป์ควรให้ความสำคัญกับสายแจ็คด้วยนะครับ ถ้าเสียงเหมือนกันหมดสายเส้นละสามพันคงขายไม่ออกหรอกครับ

มีวิธีเดียวที่จะยกสายแจ็คออกไปจากวงจรคือการใช้ matching transformer เปลี่ยนสัญญาณจาก high เป็น low impedance ครับ ( สัญญาณจาก dynamic microphone เป็น low impedance อยู่แล้วนะครับ) สัญญาณ low impedance นี่กีต้าร์บางยี่ห้อก็มีตัวแปลงมาให้เลยและมี่ช่อง XLR output ให้เสียบที่ก้น Taylor ES preamp ก็ส่งสัญญาณเป็น balanced signal ครับแต่ต้องใช้แจ็ค 1/4" TRS(stereo) เสียบที่ก้นและใช้แจ้ค XLR เสียบที่แอมป์ ที่ตลกคือตัวแทนเมืองไทยไม่ยอมนำสายแจ็คตัวนี้เข้ามาขายครับ ใครจะใช้ก็ต้องต่อเองอย่างเดียวเลย (ใครอยากลองผมมีเหลือที่บ้านอยู่หนึ่งเส้นครับ เป็น Monster ซะด้วย)

ส่วนใครที่กีต้าร์ไม่มี balanced output แต่ต้องใช้สายยาวเกินห้าเมตรก็แก้ง่ายนิดเดียวครับคือต้องควักสตางค์ไปซื้อ direct box มาใช้