Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
Author Message
Maew Offline
Senior member
****

Posts: 470
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 03 Feb 2009
Reputation: 26
#1
มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ผมลองนึกๆดูว่า เคยมีประสบการณ์อะไรน่าสนใจที่พอจะเก็บมาเล่ากันได้บ้าง
คิดว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่น่าจดจำและคงไม่มีโอกาสบ่อยๆ ลองดูนะครับ

------------------------

มันเป็นวันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ปี 2003 น่าจะเป็นวันเสาร์
Roommate ผม ซึ่งเป็นคริสเตียนชวนผมไปร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆที่โบสถ์ของเขา
กิจกรรมที่ว่า คือ ซื้อโดนัท, ขนมปัง, แยม มาทำแซนวิช แล้วไปเดินตระเวนแจกให้กับพวก homeless หรือ คนจรจัด ในย่านดาวทาวน์ของลอส แองเจลลิส
ผมเห็นว่า เป็นกิจกรรมที่เปิดหูเปิดตาดี แล้วยังได้ลองถ่ายรูปแนว street life ด้วย เลยตกปากรับคำอย่างง่ายดาย

เรามีกันประมาณ 15 คน เริ่มทำแซนวิชกันตั้งแต่เช้าตรู่ มาเสร็จเอาสายๆ หลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนแบ่งโซนกันว่าใครจะไปแจกตรงจุดไหน โดยแบ่งไปกลุ่มละ 2-3 คน
พวกโฮมเลสพวกนี้อยู่กระจัดกระจายทั่วไป, มักจะเข็นรถเข็นที่ขโมยมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเอาไว้เก็บสมบัติไม่กี่ชิ้นของตัวเอง
พวกเขามีกันหลายเชื้อชาติ หลากที่มา บ้างก็ถูกลูกหลานทิ้ง บ้างก็ตกงาน บ้างก็สติไม่ดี
ไม่มีใครปฏิเสธอาหารเล็กๆน้อยๆที่พวกเราเอาไปแจก เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับมื้อต่อไป

ทุกครั้งที่จะถ่ายภาพพวกเขา ผมจะขออนุญาตก่อน หลายๆคนไม่ยอมให้ถ่าย เพราะอับอายในสถานภาพของตัวเอง
แต่คุณป้าคนหนึ่งคงเป็นข้อยกเว้น ผมถ่ายมาหลายรูป เพราะแกชอบให้ถ่ายรูปมากๆ โพสต์ท่านั้นท่านี้แล้วก็บอกให้ถ่ายอีกๆ
แกบอกว่า แกเป็นดาราฮอลลีวู้ด รู้จักคนโน้นคนนี้มากมาย แต่โดยรวมแล้ว แกพูดจาวกวนไม่ค่อยได้ใจความนัก
ป้าแกเป็นคนสนุกสนาน ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนคุยเล่นกันก็เพลินดี แต่ย้อนกลับมานึกๆดูแล้ว ชีวิตแกน่าสงสารมาก
แววตาหม่นเศร้าขณะที่เราเดินจากมา เหมือนจะเป็นช่วงเวลาเดียวที่สะท้อนความจริงในชีวิตเธอ

ในมหานครที่จัดว่า มีคนพลุกพล่านที่สุดเมืองหนึ่งของโลก มีความทันสมัยไม่แพ้เมืองไหนๆ
ท่ามกลางฝูงชนที่เดินไปมาอย่างเร่งรีบ..สำหรับคนเหล่านี้ ทุกนาทีล้วนมีค่า....
ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ค่อยๆเดินเข็นรถเข็นอย่างช้าๆ เพราะการถึงที่หมายเร็วขึ้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา ...และบางคน..อาจจะไม่มีแม้แต่ที่หมาย

ภาพที่ขัดแย้งอย่างสุดขั้ว ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ช่องว่างระหว่างผู้คน คงแปรผันไปตามขนาดของเมืองกระมัง....

........


สมัยก่อน ผมชอบแต่งกลอน แต่งโคลง เย็นนั้นก็เลยลองแต่งกลอนประกอบภาพที่ถ่ายมา
กลับมาอ่านดูอีกที รู้สึกขัดๆอยู่บ้างเลยจับมาเกลาสักหน่อย
ลองดูครับ

-----------------

๑.
หมู่ตึกสูงรุ่งเรืองในเมืองใหญ่
รถขวักไขว่แลมองเต็มท้องถนน
เดินพลุกพล่านดาษดื่นคือคลื่นคน
ต่างดิ้นรนเพื่อชีพยังประทังกาย
[Image: w25681161.jpg]


๒.
ยังมีคนซ่องสุมตามมุมอับ
ความหวังลับเวลาหยุดไร้จุดหมาย
ไม่เร่งร้อนนอนเปลี่ยวเดี่ยวเดียวดาย
ซังกะตายเรื่อยเรียงเพียงผ่านวัน
[Image: w25681162.jpg]


๓.
เธออาจเคยมีฝันอันเพริศแพร้ว
วิมานแก้วแวววาวดาวสวรรค์
อยากจะเป็นดาวเลิศเจิดจรัล
ในความฝันเธอเปล่งแสงแรงกว่าใคร
[Image: w25681163.jpg]


๔.
แต่เคราะห์ซ้ำกรรมใดอะไรหรือ
ที่ฉุดยื้อทางฝันอันยิ่งใหญ่
วิมานแก้วแววแววอยู่ไกลไกล
ล่องลอยไปลับเร้นมิเห็นแล้ว
[Image: w25681164.jpg]


๕.
ไม่รับรู้สู้ความจริงที่หักเห
ด้วยทุ่มเทชีวิตและจิตแน่ว
ฉันเป็นดาว..ฉันคือดาว..ส่องพราวแพร้ว
ยังวับแววอยู่ในฝันของฉันเอง
[Image: w25681165.jpg]


๖.
หนาวทั้งกายหนาวทั้งใจในคืนหนาว
ซ้ำบางคราวถูกทับถมคนข่มเหง
เพลงชีวิตบทนี้ใครบรรเลง
มันครื้นเครงหวาหวือนักหรือไร
[Image: w25681166.jpg]


๗.
ขออาหารแค่ขอพอประทัง
ไม่ขอหวังหยูกยาที่อาศัย
ผ้าบางบางเหม็นหม่นก็ทนไป
แค่หายใจข้ามราตรี....นี่แหละกู!
[Image: w25681167.jpg]


๘.
รถเข็นหนึ่งให้ลูกเล็กยังเด็กนัก
อีกหนึ่งหนักของใช้ไว้ดิ้นสู้
สามชีวิตฝากท้องต้องเลี้ยงดู
เธอต้องอยู่ป้องปวงยอดดวงใจ
[Image: w25681168.jpg]


๙.
ณ วันนี้ สามพี่น้องล้วนท้องอิ่ม
เธอแย้มยิ้มให้วันนี้ที่ฟ้าใส
พรุ่งนี้ฟ้า..ลิขิตเล่นเป็นเช่นไร
เธอหวังไว้เพียงแค่..ไม่แย่กว่านี้
[Image: w25681169.jpg]


๑๐.
คือเรื่องราวที่เขียนสร้างจากข้างถนน
เล่าเรื่องคนเคว้งคว้างไร้ทางหนี
สวรรค์แกล้งเล่นล้อเกินพอดี
มอบเพียงที่-นอนทน....ให้พ้นวันฯ
[Image: w256811610.jpg]

--------------


ยินดีน้อมรับทุกความเห็นครับ
" Remember happiness doesn't depend upon who you are or what you have; it depends solely on what you think. "
- Dale Carnegie
16-05-2009, 10:33
Find Like Post Reply
hattaya111 Offline
Man of the Moon
******

Posts: 1,126
Likes Given: 35
Likes Received: 4 in 4 posts
Joined: 31 Mar 2009
Reputation: 54
#2
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ฅนหนอ คน....เวียนว่ายไม่จบสิ้น
บ้างดายดิ้น บ้างพริ้งพราว สุดก้าวไหว

กุศลดี กรรมพาส่ง เดินกันไป
สุดท้ายไม่มีอะไรเป็นของกัน



ขอบคุณที่นำเสนอสิ่งดีๆมาครับ ขออนุโมทนา....
............. ;?? ?..............
*.:??*Parradee ...A Journey of Us - ?.:* *.:??*?;??

อย่าไปเอาอะไรกับนักเขียนนิยาย

16-05-2009, 11:47
Website Find Like Post Reply
Webmaster Offline
Administrator
*

Posts: 5,605
Likes Given: 310
Likes Received: 244 in 132 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 47
#3
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
คิดดี ทำดี ดีจังครับ
16-05-2009, 17:19
Website Find Like Post Reply
napman Offline
VIP member
******

Posts: 2,118
Likes Given: 91
Likes Received: 58 in 41 posts
Joined: 27 Apr 2009
Reputation: 45
#4
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
Hi Maew,
So glad that you brought this matter up.

Just like we all know, there are 2 sides of everything. To me there's no one to blame or point finger at about this growing crisis in USA, and in most cases when you point your index finger to someone else do you notice where are your middle, ring, and pinky pointing to?

People have gone from "well to do" to "homeless" in a matter of days.
Quite a lot of Americans fell prey to the power of "Advertising" and "Keep up with the Jones", they acquired their "wanted" materials (new flashy cars, boats, furnitures...etc) to compensate their soul deprivations by using their easy to get plastic money (Credit cards) while mortgaging their homes for their families and living from paychecks to paychecks on their insecure jobs. They don't have any saving in the banks left alone cash for any emergency for their families while living a high life to impress people, in other words they used the money that they don't really have just to impress people that they don't even know!

When they fell on their hard times (lost job, divorce, etc...), their income suddenly dried up and couldn't afford to pay mortgage for their homes and eventually lost them. That forced them to live their lives in their motorhomes, trucks, cars, parks, you name it.

Especially at today's time, we all susceptible got hit more or less from this global economic crisis. The number of homeless people ballooned up significantly at scarely rate! It's so helpless situation that nobody has a true solution to solve it, but this homelessness situation becomes pale compares to what Americans are dealing with right now. And again this matter was put at the back burner like it always was.

Speaking of this, brought me to Mr.Narthaniel Ayers life story. He's in short, just another nameless, faceless, homeless man who resided in Los Angeles downtown area for homeless people until he was re-discovered by Los Angeles Times' columnist Steve Lopez few years back.

I've read Lopez's columns about this homeless man from the beginning partially because Mr. Ayers once was an enthusiastic young man attending a prestige music school "Juilliard" in New York along with reknown YO YO MA!
After a while there, Mr. Ayers succumbed to his medical condition (Schizophrenia) and dropped out off Juilliard and got lost in the crowd.

To make long story short, to my surprise, a month ago after a half year of delaying there was a movie came out by the title of "The Soloist" and it was Mr. Ayers story!!

I don't know if that movie is showing at BKK theater or not?, I plan to see this movie but don't know when yet (I stop going to see ANY movie at theaters many years ago), I bought a book by the same name (The Solist) and of course authored by Steve Lopez. I will bring this book along with me to BKK in November and intend to give it to Maew just to show my appreciation for what he did for me at this "Nimit's"

And then life goes on for the ones who still struggle to have it all with roof over their heads or simply the sky above and nothing else even a friend to talk to or where to find their next meals!

Peace and Love to all.
[A friendship needs a little mulch of contacts every so often-just to save it from drying out completely.

I always have great pleasure being alone by myself to play, If you're playing for any other reason, it won't last.
http://youtu.be/_tkGVGOKQ8c
(This post was last modified: 17-05-2009, 21:24 by napman.)
16-05-2009, 22:55
Website Find Like Post Reply
Maew Offline
Senior member
****

Posts: 470
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 03 Feb 2009
Reputation: 26
#5
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ขอบคุณน้าหนึ่งและน้าเว็บที่แวะเข้ามาครับ
Big Grin

---------------

น่าสนใจมากครับ สำหรับหนังสือที่น้าnap หยิบมาเล่าสู่กันฟัง
ขอบคุณล่วงหน้าเลยครับSmile

ไอนสไตน์เคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาแปลกใจที่ทำไมมนุษย์เราได้ประดิษฐ์สิ่งต่างๆขึ้นมามากมายที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่มนุษย์กลับไม่ได้มีความสุขมากขึ้นเท่าใดนัก
ผมคิดว่า คำตอบน่าจะเป็นเพราะ ความสุขของคนเราอยู่ที่การพอ มิใช่การได้มาซึ่งวัตถุเหล่านั้น อย่างที่ป้ามุกเคยพูดไว้ในอีกกระทู้

ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่โลกเรามีการพัฒนาด้านวิทยาการแบบก้าวกระโดด
มนุษย์เราคิดค้นเทคโนโลยี, เครื่องจักรและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมาย
แต่สิ่งที่ตามมาคือ ความต้องการที่เพิ่มขึ้น เพราะสิ่งที่ไม่เคยจำเป็นมาก่อนในสังคมมนุษย์ กลายเป็นสิ่งจำเป็นขึ้นมา
ยิ่งต้องการมาก ก็ยิ่งทุกข์มาก จิตใจยิ่งสงบได้ยาก
....ความสุขก็ยิ่งอยู่ห่างไกลขึ้นไปอีก

ไม่น่าแปลกใจนะครับ ที่หลังๆนี่ ฝรั่งหันมาสนใจปรัชญาตะวันออกมากขึ้น เพราะเริ่มเห็นว่า การยกระดับจิตใจคือหนทางสู่ความสุขที่ยั่งยืนกว่า
แต่ในขณะเดียวกัน คนทั้งโลกกลับอยากมีชีวิตแบบคนอเมริกัน...

......ชีวิตโฮมเลสหลายๆคน อย่างที่ น้าnap ยกตัวอย่างมา เป็นอุทธาหรณ์ ให้ข้อคิดอะไรได้หลายๆอย่าง

ขอบคุณมากครับสำหรับความเห็น
เจอน้า nap ตัวเป็นๆ ปลายปี คงได้แลกเปลี่ยนกันหลายๆเรื่องนะครับ
" Remember happiness doesn't depend upon who you are or what you have; it depends solely on what you think. "
- Dale Carnegie
(This post was last modified: 18-05-2009, 12:04 by Maew.)
18-05-2009, 08:49
Find Like Post Reply
SARUN Offline
Very Imperfect People
******

Posts: 4,016
Likes Given: 176
Likes Received: 64 in 48 posts
Joined: 29 Aug 2007
Reputation: 53
#6
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ชอบ "รูปประกอบเรื่อง.." มากๆ...
ทำให้สื่อสาร ได้กับผู้เขียน...
จิงๆนะ Big Grin
*?*?,
?,,?*?*?
?*?,,?*?*?
?
?

@_@~??"If I leave here tomorrow" ...Sad ??~@_@
18-05-2009, 09:12
Find Like Post Reply
karn Offline
you may say I'm a dreamer
******

Posts: 3,884
Likes Given: 81
Likes Received: 97 in 64 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 39
#7
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
เยี่ยมจริงๆครับ ทั้งเนื้อเรื่อง ภาพ และร้อยกรองที่เดินเรื่องได้อย่างน่าสนใจ
เป็นมุมที่่ฮอลลีวูดไม่ค่อยอยากนำเสนอให้คนอื่นรู้

คุ้นตาแต่ภาพหนังฝรั่ง...นางเอกแสนเก่ง มือคว้าเอกสาร ใช้คอหนีบโทรศัพท์มือถือ เดินไปมาอย่างเร่งรีบ ปากก็สบถ Oh Shit!!ๆๆๆ


" ท่ามกลางฝูงชนที่เดินไปมาอย่างเร่งรีบ..สำหรับคนเหล่านี้ ทุกนาทีล้วนมีค่า....
ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ค่อยๆเดินเข็นรถเข็นอย่างช้าๆ เพราะการถึงที่หมายเร็วขึ้นไม่มีความหมายอะไรสำหรับเขา ..."
In my life, I love you more... [Image: 2685i.jpg]




18-05-2009, 11:18
Find Like Post Reply
Maew Offline
Senior member
****

Posts: 470
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 03 Feb 2009
Reputation: 26
#8
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ขอบคุณน้าซ่าส์ และน้ากานครับ

พูดถึงนางเอกสาวมั่นนี่ ผมนึกถึงเรื่อง Devil wears Prada ก่อนเลย

ปล.ลายเซ็นต์น้ากานนี่แสบมาก ทีแรกผมนึกว่าเครื่องผมโดนไวรัสนะนี่ คลิกปิดก็ไม่ยอมปิด 555
พอหายโง่แล้ว ก็ยังเจอข้อความอันน่าเจ็บปวด....!!


--------
น้าnap
ผมลองหาข้อมูลหนังเรื่อง The soloist
มีโปรแกรมจะเข้าฉายเมืองไทยวันที่ 10 กย. 52 นี้ครับ

[Image: soloistd.jpg]

ท่าทางจะฟอร์มใหญ่ทีเดียวนะครับ มีดาราระดับออสการ์ซะด้วย
" Remember happiness doesn't depend upon who you are or what you have; it depends solely on what you think. "
- Dale Carnegie
18-05-2009, 14:39
Find Like Post Reply
myakira Offline
NPFC - Na Ping Fan Club
****

Posts: 676
Likes Given: 0
Likes Received: 5 in 5 posts
Joined: 16 Oct 2007
Reputation: 24
#9
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ก่อนอื่น...เห็นด้วยกับน้าแมวว่า signature ของน้ากานแสบมากกกกกกกกกก ...อย่าให้เจอตัวนะน้า จะเอาขวานเสกกีตาร์ที่น้ารักให้กลายเป็นฟืนโดยพลัน..ฮึ่ม!!!

สำหรับเรื่องเล่าของน้าแมว อ่านแล้วเกิดความรู้สึกหลายอย่าง อย่างแรกคือรู้สึกดีที่น้ำใจยังพบได้ในทุกมุมโลก ส่วนตัวมุกมีความเชื่อว่าถ้าช่วยกันดูแลชุมชนที่ตัวเองอยู่คนละนิด คนที่ยังมีกำลังเหลือก็ช่วยชุมชนที่ห่างไกลออกไป ส่วนย่อยๆ เหล่านี้ก็จะกินพื้นที่กว้างจนเป็นระดับประเทศได้ แต่ความรู้สึกถัดมาคือความกังวลใจว่าสิ่งที่พยายามทำอยู่ จะทันกับความเสื่อมที่ติดอาวุธครบมือมารออยู่หน้าประตูบ้านไหม เพราะอะไรๆ ก็โน้มน้าวให้ผู้คนหลงใหลได้ปลื้มกับลาภ ยศ สรรเสริญ ซะจริงๆ

วันก่อนดูรายการท่องเที่ยวมีการแนะนำอาหารญี่ปุ่น (ซึ่งไม่ได้มีการให้ความรู้อะไรมากนอกจากบอกว่าหน้าตาแบบนี้ มีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่าอะไร) พิธีกรพูดทิ้งท้ายรายการว่า "ถ้าคุณผู้ชมได้มาทานอาหารชุดนี้ที่ญี่ปุ่น ก็สามารถบอกเพื่อนได้แล้วนะคะว่าฉันรู้จักอาหารพวกนี้" ...ดูแล้วก็สงสัยว่าจะให้เรารู้เพื่อเอาไว้อวดคนอื่นแค่เนี้ย ??? แล้วจิตวิญญาณของความเป็นญี่ปุ่นล่ะ มันควรจะเป็นแก่นที่เราน่าจะนำมาศึกษาไม่ใช่หรือครับ

ส่วนความรู้สึกสุดท้ายที่พอจะนึกออกตอนนี้ ..ชื่นชมครับ.. น้าแมวถ่ายรูปสวยจริงจัง แถมยังคารมดีมีวาทะเป็นเลิศ ..กลอนที่นำมาให้อ่านประกอบภาพ สวยทั้งด้านการใช้ภาษาและสื่อสารได้ใจความกำลังดีเลยครับ (อย่างน้อยก็ในความคิดผมนะ)
อภัยทาน คือการให้ทานสูงสุด
Seek for understand, then to be understood

One day I'll fly away
Leave all this to yesterday
What more could your love do for me ?
When will love be through with me ?

18-05-2009, 23:36
Website Find Like Post Reply
Maew Offline
Senior member
****

Posts: 470
Likes Given: 0
Likes Received: 0 in 0 posts
Joined: 03 Feb 2009
Reputation: 26
#10
RE: มุมหนึ่ง..ในลอสแองเจลลิส
ขอบคุณป้ามุกมากครับ

อ่านความเห็นของป้ามุกแล้ว ทำให้ผมนึกถึงหนังสือชื่อ ต้นไม้ใต้โลก ของ ทรงกลด บางยี่ขัน
หนังสือเล่มนี้จะเป็นบทความสั้นๆประมาณ 100 บทความที่ผู้เขียนรวบรวมมาจากหลายๆที่
โดยเนื้อหาจะเกี่ยวกับความพยายามหลายๆแนวทาง เพื่อทำให้โลกเราดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เป็นไอเดียและการลงมือทำจริงจากคนหลายๆแห่งทั่วโลก ในลักษณะช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยในส่วนที่ตัวเองทำได้
บางเรื่องเป็นไอเดียที่แปลกจนไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้จริง
เท่าที่สื่อสารกับป้ามุกมา ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ป้าน่าจะชอบหนังสือเล่มนี้
และผมคิดว่า ป้าน่าจะมีแล้ว หรือไม่ ป้าก็เคยอ่านแล้ว...(?)

พูดถึงรายการทีวีนี่ ผมว่า อาจจะเป็นเพราะสมัยนี้จะทำอะไรก็ต้องเร็วๆ เข้าใจง่ายๆ เพราะข้อมูลอะไรต่อะไรเยอะเหลือเกิน เวลามีน้อย
เราเลยเห็นสิ่งต่างๆแบบผิวๆเต็มไปหมด..มั้งครับ นักเดินทางตัวจริงอย่างป้ามุก เลยดูแล้วขัดใจไปซักหน่อย..Tongue

สุดท้าย..ผมอ่านที่ผมพิมพ์มา แล้วพบว่าเผลอใช้คำว่า ป้า ไปถึง 7 ครั้ง ..แหะๆBig Grin
" Remember happiness doesn't depend upon who you are or what you have; it depends solely on what you think. "
- Dale Carnegie
19-05-2009, 19:37
Find Like Post Reply


Forum Jump:


Users browsing this thread: 1 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication