Thread Rating:
  • 0 Vote(s) - 0 Average
  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5
ศุกร์ 13 ฝันหวาน
Author Message
LittleNomad Offline
un-assignment
******

Posts: 2,744
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 05 Sep 2007
Reputation: 25
#41
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
เำพิ่งสังเกตเห็นรูปใหม่และลายเซ็นใหม่ของน้าSARUN

"Guitarที่ท่านได้ชมอยู่ขณะนี้ คือ Guild Starfire III by Pood จากงานMeeting II."

ชวนฝันจริง ๆ ลายเซ็นใหม่นี่...
http://www.un-assignment.blogspot.com/
by Watching dreams... be Watch One's Dreams...
19-06-2008, 15:13
Website Find Like Post Reply
Maow Offline
VIP member
******

Posts: 3,670
Likes Given: 53
Likes Received: 101 in 79 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 18
#42
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
ผมสะดุดตากับรูปใหม่ของน้า Karn ครับ
ไม่ทราบว่ามันคือที่ ทราฟัลกา สแควร์ ที่ลอนดอนหรือเปล่า

น้า Karn นี้หาญกล้าปีนขึ้นไปบนหลังสิงโตเหล็กตัวนี้จริงๆ
ผมพยายามปีนแต่ไม่สำเร็จเพราะกลัวลื่นตก
นับถือน้า Karn ในความพยายามจริงๆ...
19-06-2008, 17:37
Find Like Post Reply
LittleNomad Offline
un-assignment
******

Posts: 2,744
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 05 Sep 2007
Reputation: 25
#43
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
คิดว่าใช่นะครับน้า Maow
[Image: Lion_3304.jpg]

Trafalgar square ตั้งชื่อตามสมรภูมิที่กองทัพเรืออังกฤษ สามารถเอาชนะกองทัพเรือโปเลียน และสเปน เมื่อปี ค.ศ.1805
ศึกครั้งนี้ ฝรั่งเศสกับสเปน สูญเสียเรือรบไป 22 ลำ ส่วนฝ่ายอังกฤษ ต้องสูญเสีย Lord Horatio Nelson แม่ทัพเรือคนสำคัญ

จัตุรัสแห่งนี้สร้างระหว่าง ค.ศ.1840-1843 ในบริเวณซึ่งเดิมเป็นคอกม้าหลวง
ตอนสร้างเสร็จมีชื่อว่า "King William the Fourth's Square"
แต่ George Ledwell Taylor สถาปนิก แนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็น "Trafalgar Square" เพื่อรำลึกถึงเกียรติภูมิในการศึกครั้งนั้น

จุดโดดเด่นของจัตุรัสแห่งนี้คือ อนุสาวรีย์ Nelson's Column สร้างจากหินเกรนิต สูง 46 เมตร (มีรูปปั้น Lord Horatio Nelson สูง 5.5 เมตร อยู่บนยอด) ออกแบบโดย William Railton ในปี ค.ศ.1838 และรอบ ๆ มีสิงโตสำริด 4 ตัว ฝีมือของ Sir Edwin Henry Landseer จิตรกรฝีมือเอกในยุคนั้น

ว่ากันว่า... โลหะที่ประดับประกอบอยู่รอบจัตุรัสแห่งนี้ อาทิ แผ่นลวดลายที่ฐานอนุสาวรีย์ บนยอด และสิงโต หลอมมาจากปืนใหญ่ที่อังกฤษ ยึดมาจากกองทัพฝรั่งเศส เมื่อครั้งศึก Trafalgar

Trafalgar เป็นชื่อแหลมแห่งหนึ่ง ปัจจุบันอยู่ในเขต Cadiz Province ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสเปน.
http://www.un-assignment.blogspot.com/
by Watching dreams... be Watch One's Dreams...
(This post was last modified: 19-06-2008, 18:19 by LittleNomad.)
19-06-2008, 18:16
Website Find Like Post Reply
karn Offline
you may say I'm a dreamer
******

Posts: 3,884
Likes Given: 81
Likes Received: 97 in 64 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 39
#44
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
ถะ..ถะ...ถูกต้องนะคร๊าบบบบบ

แค่เห็นรูปแว๊บเดียวน้าหม่าวและพี่อ้วนก็รู้ว่าถ่ายที่ทราฟัลก้าสแควร์ Big Grin

ตอนเด็กๆผมเคยอ่านประวัติของ สิงโตเหล็กที่ทราฟัลก้าสแควร์ (ซึ่งตรงกับประวัติที่พี่อ้วนเล่าไว้โพสต์ข้างบน)
เมื่อมีโอกาสได้ไปเห็นของจริง จึงตะเกียกตะกายปีนขึ้นไปครับ มันลื่นจริงๆอย่างที่น้าหม่าวว่าครับ
(ดูจากสายตานึกว่าจะปีนขึ้นไปง่ายๆ) ปีนขึ้นไปได้ก็ลากสาวในภาพขึ้นมาอย่างทุลักทุเลครับ
อยากฟังน้าหม่าวเล่าเรื่องชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษครับ ผมมีโอกาสไปเยือนแค่สัปดาห์เดียว
เข้าใจเลยครับว่า ทำไมเมื่อร้อยกว่าปีก่อน เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินจึงส่งลูกหลานไปเรียน
ทำให้สยามมีความเจริญก้าวหน้าทั้งด้านการทหารสมัยใหม่และสาธารณูปโภคด้านต่างๆทัดหน้าเทียมตาประเทศที่เจริญ
และรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศษและอังกฤษ(โดยมีรัสเซียและมิตรประเทศอื่นๆในยุโรปช่วยเหลือทางอ้อม)

เคยอ่านเรื่อง พม่าเสียเมือง ของ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช เห็นภาพเลยครับ
ว่าทหารพม่าใช้ยุทธวิธีแบบโบราณ ต่อสู้กับการทหารแบบสมัยใหม่ของอังกฤษ
เลยต้องถอยร่นจากย่างกุ้ง ไปมัณฑะเลย์ สุดท้ายก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษโดยสมบูรณ์

น้าหม่าวว่างๆช่วยเล่าให้ผมฟังบ้างนะครับ ส่วนเป็ดย่างที่ Four Seasons restaurant อร่อยสมคำร่ำลือ
อย่างที่น้าหม่าวเคยเล่าไว้จริงๆครับ Big Grin

[Image: p1010093ld7.jpg]
In my life, I love you more... [Image: 2685i.jpg]




20-06-2008, 11:33
Find Like Post Reply
LittleNomad Offline
un-assignment
******

Posts: 2,744
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 05 Sep 2007
Reputation: 25
#45
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
น้าMaow อย่าลืมเล่าประสบการณ์ ย่าน Sex Industry แห่ง London ด้วยนะครับ...555...
http://www.un-assignment.blogspot.com/
by Watching dreams... be Watch One's Dreams...
20-06-2008, 11:46
Website Find Like Post Reply
pop_250823 Offline
ดนตรีจะพาเราเดินทาง....
******

Posts: 2,419
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 03 Sep 2007
Reputation: 21
#46
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
รูปเท่ มากมายครับ สิงโตตัวนี้ถ้าอยู่เมืองไทยคนคงไม่กล้าขึ้นไปนั่งเพราะคงเต็มไปด้วยพวงมาลัยและผู้บูชาเพื่อขอเลขครับ อิอิ
Acoustic is my life..........
20-06-2008, 12:21
Website Find Like Post Reply
Maow Offline
VIP member
******

Posts: 3,670
Likes Given: 53
Likes Received: 101 in 79 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 18
#47
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
น้า Karn ครับ จริงๆแล้วชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษ ก็ไม่ค่อยมีอะไรหรอกครับ คือเท่าที่ผมสัมผัสได้คือ มันแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจนคือนักเรียนที่เรียนที่ ลอนดอน กับนักเรียนที่อยู่เมืองต่างๆ ซึ่งโดยมากพี่ๆที่สถานทูตมักเรียกว่านักเรียนต่างจังหวัดครับ

ผมขออนุญาติกล่าวตามความคิดของผมนะครับท่านอื่นที่เคยไปเรียนมาอาจเห็นต่างแต่ก็มาแสดงความเห็นได้ครับ ตัวผมเป็นนักเรียนในต่างจังหวัดครับ อยู่ที่เมือง Leeds (เป็นเมืองใหญ่เหมือนกัน แต่รองลงมาจาก Manchester, Bermingham แล้วก็เมืองอื่นๆ จำไม่ได้อยู่บริเวณตอนกลางค่อนไปทางเหนือ จึงเรียกแถบนี้ว่า แคว้น Yorkshire) ดังนั้นชีวิตความเป็นอยู่จึงค่อนข้างจะเรียบง่าย ไม่ว่าจะเป็นที่พักหรือการเดินทาง เพราะที่พักนักเรียนไทยที่เราไปเช่ากัน ก็ไม่ได้หรูหราอะไรมากมายเพราะเราต้องประหยัดเงินเอาไว้ซื้อกับข้าว ค่ารถเมล์ แล้วก็ค่าอุปกรณ์การศึกษาครับ ค่าที่พักก็แพงมาก เล็กๆ ไม่หรูหรา แต่พวกเราก็คิดเอาว่าเอาไว้เป็นที่ซุกหัวนอนสัก 2-3 ปี ครับ คนที่เมืองนี้ก็ค่อนข้างเป็นมิตรดีครับ คนเป็นระเบียบและค่อนข้างประหยัดโดยเพาะผู้สูงวัย ซึ่งเราอาจกล่าวได้ว่าพวกนี้คือ "ผู้ดีอังกฤษ" เพราะการแต่งตัวดูเป็นระเบียบ เข้าท่า พูดจากสุภาพ และกิริยามารยาทก็จะสุภาพ แต่ถ้าหากใครได้เจอกับคนรุ่นใหม่ของอังกฤษ อาจบ่นกับตัวเองในใจว่า นี่หรือคือผู้ดีอังกฤษ เพราะพวกนี้ค่อนข้างไม่มีมารยาท การแต่งตัวก็ดูไม่เรียบร้อยครับ ผมคิดเอาเองว่าอีกไม่นานผู้ดีอังกฤษก็คงไม่ค่อยเหลือแล้วถ้าคนรุ่นเก่าๆจากไป นักเรียนไทยที่นี่มีส่วนน้อยมากที่ซื้อรถไว้ขับเพราะเบี้ยประกันแพงมาก มีเพียงแค่ 1%เท่านั้นที่ซื้อรถครับ พวกเราใช้รถเมล์กับเดิน (เพราะต้องการประหยัดครับ) ผมรู้จักเด็กที่มาจากจุฬาหรือธรรมศาสตร์หรือที่อื่นๆ เด็กพวกนี้เป็นพวกที่มีอันจะกินพ่อแม่รวย แต่เด็กพวกนี้ใช้ชีวิตค่อนข้างประหยัด ไม่หรูหราฟู่ฟ่า บางครั้งยังตามผมไปทำงานที่ร้านอาหารไทยด้วย ซึ่งพวกเราก็จะได้ค่าทำงานรวม tip แล้วก็ประมาณ 40 ปอนด์ครับ ถ้าใครทำมากวันก็ได้มาก (ลองคูณเป็นเงินไทย แล้วเทียบกับเด็กล้างจานบ้านเรา มันต่างกันริบ แต่ค่าครองชีพที่นั้นก็สูงมากเช่นกันครับ) ที่อังกฤษไม่ค่อยมีที่ให้เที่ยวครับ มีแต่โบราณสถาน หรือพิพิธภัณฑ์เป็นหลัก ถ้าถามหาสวนสนุก ที่มีชิงช้า รถไฟเหาะ หรือสิงบันเทิงอื่นๆ แบบที่อเมริกามี อย่าไปถามถึง เพราะไม่มีให้ไปเที่ยว ทะเลก็อย่าได้ถามถึงเพราะไม่มีชายหาดสวยๆให้เดินทอดน่องเล่น ประเทศไทยยังมีสถานบันเทิงที่ดีกว่าและทันสมัยกว่าครับ แต่ที่อังกฤษมีวิว มีโบราณสถาน มีธรรมชาติที่ดีมากครับ เลยทำให้คนอังกฤษเวลามีเวลาว่างจากงาน หรือมีวันหยุด พวก resort หรือแหล่งที่เป็นธรรมชาติจะได้รับความนิยมมากครับ เช่นวัน Bank holiday ถ้าไม่จอง แต่ขืนไปหาเอาดาบหน้า ได้นอนข้างถนนครับ อากาศที่นี่ดีมากสดชื่น บรรยากาศทั่วไปใส เคลียร์ ดังนั้นเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วจึงไม่แปลกว่าทำไมอุณหภูมิของแสงจึงเย็น และใส สวยงามครับ เขียนเล่ามาซะยาววกเข้ามาเรื่องเรียน นักเรียนที่นี่ไม่ค่อยได้มีเวลาไปเที่ยวเท่าไหร่เพราะงานที่อาจารย์สั่งให้ทำรายงานในแต่ละอาทิตย์เยอะมาก เพราะที่นี่มี Lecture นิดเดียวแล้วให้ชื่อหนังสือไปอ่านและค้นเองเพื่อทำรายงานส่งครับ เพราะฉะนั้นชีวิตนักศึกษาที่นี่จึงรักห้องสมุดและผูกพันกับสถานที่ๆนี้มาก ถือได้ว่าเป็นหัวใจของการเรียนก็ว่าได้ แม้แต่ supervisor ของผมก็ไม่เคยได้สอนอะไร เราต้องไปหาเอามาทำวิจัยเอง มีแต่หัวข้องานวิจัยให้ ส่วนนอกนั้นเป็นเรื่องของคุณ ผมจำคำพูดคำหนึ่งจากอาจารย์ของผม และไม่เคยลืมไปจากใจเลยคือ "Your Thesis, not my Thesis and Your PhD, not my PhD" พอได้ฟังเราก็ถึงบางอ้อว่า การเรียนแบบวิจัยที่นี่คือ จะมีคนถีบเราตกน้ำ แล้วให้เราหาทางว่ายหรือทำอะไรก็ได้ให้ช่วยชีวิตตัวเองให้ดำเนินไปถึงฝั่งให้ได้ (ผมว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย น้ำตาตก เครียด แต่ทุกคนต้องผ่านให้ได้ครับ) มีนักเรียนไทยทั้งโททั้งเอกมาร้องไห้กับผมก็หลายคนเพราะเครียด ส่วนผมไม่ใช่ว่าเก่งครับ แต่น้ำตาก็พยายามเก็บไว้ข้างใน เพราะบางครั้งมันกดดันแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนสำหรับระบบการศึกษาที่เมืองไทยครับ เอาเป็นว่ากว่าจะจบก็....หึม... แต่พอย้อนดูเวลาที่เราได้ผ่านมามันเหมือนเป็นเรื่องตลก มันเป็นเรื่องที่เราทำได้ ทำสำเร็จ เพราะฉะนั้นเลยบอกตัวเองว่าถ้าคิดทำอะไร ต้องมีการวางแผน ต่อสู้อดทนจึงจะสำเร็จ ก่อนกลับ supervisor ก็มาพูดกับผมว่า รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างหละดีใจไหม ภูมิใจไหมที่ทำได้ด้วยตัวเอง.... ณ ขณะนั้นผมอยากบอกว่า ผมรักอาจารย์ ฉิบ...เลย เพราะถ้าเขาไม่ให้โอกาสในการคิด การลองผิด ลองทำ ความสำเร็จของเรา การเรียนรู้ของเราก็ไม่เกิด สำหรับนักเรียนไทยอื่นๆ ทั้งเรียนโท และเอก ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "ภูมิใจมากที่ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง แบบที่อยู่เมืองไทยไม่เคยได้ทำมาก่อน" วันที่ผมรู้สึกดีใจ และโล่งที่สุดคือวันที่ผมก้าวขึ้นเครื่องบินของการบินไทย เพื่อบินกลับประเทศไทยครับ ผมอาจกล่าวได้ว่าชีวิตนักเรียนไทยในอังกฤษของผมและเพื่อนค่อนข้างเรียบง่ายไม่ฟู่ฟ่า ดำเนินชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ซื้ออะไรมาต้องใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดครับ

ส่วนชีวิตนักเรียนไทยในเมืองหลวงคือลอนดอน ผมได้สัมผัสแต่เพียงผิวเผินครับ แต่เท่าที่สังเกตุตามประสานักวิทยาศาสตร์ก็พอที่จะบอกเล่าเป็นเรื่องได้ครับ นักเรียนที่นี่มีทั้งนักเรียนทุน และนักเรียนที่พ่อแม่ส่งมาเรียน ในส่วนของนักเรียนที่ได้ทุนมาค่อนข้างจะมีชีวิตทีเรียบง่ายอยู่อย่างประหยัด ทั้งค่าอาหาร ค่าเช่าที่พักซื้อแพงมั๊กๆ ค่าใช้จ่ายที่รัฐบาลให้ไม่ค่อยพอครับ เดือนชนเดือนเลย (เมื่อห้าปีที่แล้วคนอยู่ลอนดอนกับต่างจังหวัดได้เงินเท่ากัน ผมเลยเหลือเงินบานเลย แต่ปัจจุบันดูเหมือนทาง ก.พ. จะปรับให้คนที่อยู่ที่ลอนดอนให้มากกว่าแล้วครับ) จึงต้องประหยัดและใช้จ่ายอย่างประหยัดที่สุดครับ ที่ลอนดอนเรามักไปซื้อผัก เครื่องปรุงจากร้านคนจีนแถว โซโห (China Town ที่ลอนดอนครับ) ลืมบอกไปว่าเครื่องปรุงหรือผักล้วนแล้วมาจากประเทศไทยครับ ทั้งกะปิ ปลาร้า น้ำปลา จะเอาอะไรมีหมด ขนาดน้ำปลาหวานที่เป็นกระปุกยังมีขายเลย เอาเป็นว่ามีทุกอย่างที่เมืองไทยมี พวกเราเลยเปรม ไม่อดหยากครับ เพราะฉะนั้นอยู่ลอนดอนขอมีตังค์ รับรองสุขสบาย เพราะเป็นแหล่งชอปปิ้งที่หรู มากมายครับ แต่พวกนักเรียนทุนก็ต้องสำเนียกตัวเองว่าต้องประมาณตัวเองให้มาก เอาหละมาพูดถึงนักเรียนที่มาทุนส่วนตัวกันบ้าง พวกนี้ส่วนมาเป็นนักเรียนปริญญาโท และที่สำคัญคือปริญญาตรี เด็กเหล่านี้มาจากครอบครัวที่มีอันจะกิน หรือพูดตามภาษาง่ายๆคือพ่อแม่ โคตรรวย เด็กเหล่านี้มักใช้ชีวิตฟู่ฟ่า ส่วนมากจะมีรถ ของก็แบรนด์แนม (ผมแอบอิจฉาเล็กๆ) แม้แต่จากัวร์ X-type เด็กเหล่านี้ก็ถอยมาขับกันได้ครับ ที่พักก็แสนจะดีอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน หรือแถบคนรวยอยู่ (ผมจำชื่อแถบนั้นไม่ได้ครับ) ไม่เหมือนกับนักเรียนทุนที่ถูกเบียดตกขอบต้องออกไปอยู่รอบๆเมือง ที่ลอนดอนบริเวณกลางกรุงเป็นที่นิยมของนักการเมืองไทยไปซื้อบ้านไว้หลายท่านครับ คงไม่ต้องบอกว่าหนึ่งในนั้นคือใคร เด็กๆที่มาเรียนโท และตรี ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมักใช้ชีวิตเกินความพอเพียงไปมากพอควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นความพอใจของเขา เราไม่เกียว เคยมีเพื่อนของผมที่ลอนดอนเล่าให้ฟังว่า มี Pub หนึ่ง คล้ายกับว่าจะเป็น pub ของเด็กไทยไปซะแล้ว เพราะเด็กไทยจะไปมั่วสุมกันที่นี้ (อันนี้คงต้องถามคุณ Jeab สมาชิกของเราว่าข้อมูลนี้ถูกต้องหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คุณ Jeab น่าจะต้องรู้จักร้านอาหารไทยที่ โอ๊ค พานทองแท้ และลูกชายของพายัพ ชินวัตร รวมถึงลูกนักการเมืองคนอื่นไปใช้บริการมั่วกันบ่อยๆจนดึกจนดื่น)

เล่ามาซะยาวคนอ่านอาจเบื่อ ขอสรุปว่าชีวิตนักเรียนไทยส่วนใหญ่ในอังกฤษค่อนข้างมีความเรียบง่ายครับ ไม่มีอะไรปรุงแต่งมากมาย เสียดายที่ผมไม่ทราบว่าน้า Karn จะไปอังกฤษโดยเฉพาะลอนดอน ไม่งั้นจะให้เข้าไปที่สถานทูตทางการศึกษาอยู่ที่ย่าน Kensington จะได้เข้าไปดูบรรยากาศ และรูปภาพเก่าๆ ของรัชการที่ 5 ที่ถ่ายรูปร่วมกับนักเรียนทุนสมัยเก่าๆ รวมถึงบรรยากาศก็ขลังมากด้วยครับ และถ้าดูในภาพนั้นแล้ว เราจะรู้สึกได้ทันทีว่า นามสกุลนี้มัน..... คุ้นๆ และเป็นนามสกุลผู้ดีเก่า อย่างไม่มีข้อน่ากังขาเลยครับ ถ้าได้ไปคราวหน้าอย่าลืมไปที่สถานทูตนี้นะครับ เพราะเขาต้อนรับคนไทยทุกคน มีที่พักให้ด้วยคืนละ 20 ปอนด์ ตอนเช้ามีข้าวต้ม ให้ด้วยครับ
แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนกับว่า ห้องแถวแคบๆ เก่าๆ ขลังๆ ของสถานทูตที่นี่มันมีมนต์ มีความอบอ่นเหมือนเราได้กลับสู่ผืนแผ่นดินไทย

วันที่ผมกลับขณะเครืองบินกำลังบินกำลังลดระดับลงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ผมเห็นทุ่งนา ทุ่งหญ้า ไกลสุดลูกหูลูกตา ผมแทบกลั่นน้ำตาไม่อยู่ ตาของผมปริ่มๆด้วยน้ำตา (ขณะพิมพ์นี่ผมยังขนลุกเลย) แล้วบอกตัวเองว่าดีใจที่ได้กลับสู่ผืนแผ่นดินไทย ไม่มีที่ไหนสบาย อบอุ่นเท่าที่เมืองไทยอีกแล้ว แต่ไหงปัจจุบันนี้มีแต่นักการเมือง และคนที่จ้องทำลาย และหากินเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง กับประเทศแม้ที่ชุบเลี้ยงเขาจนเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน..... ผมละเศร้าใจจริงๆ....
"สำนึกในแผ่นดินถิ่นเกิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของความเป็นคนไทย"
20-06-2008, 12:45
Find Like Post Reply
.::.pOoH.::. Away
Simply the Best
******

Posts: 5,115
Likes Given: 0
Likes Received: 3 in 2 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 41
#48
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
ที่อังกฤษผมจำได้อย่างเดียวตอนวัยรุ่นละอ่อน โดนหลอกตังค์ที่ Soho เพราะอยากดู stripper

จำไปจนวันตาย เกือบขึ้นโรงขึ้นศาลกันแน่ะ -_-
ไปทางไหนก็...ละลานตาไปหมด
20-06-2008, 12:52
Find Like Post Reply
Maow Offline
VIP member
******

Posts: 3,670
Likes Given: 53
Likes Received: 101 in 79 posts
Joined: 28 Aug 2007
Reputation: 18
#49
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
LittleNomad Wrote:น้าMaow อย่าลืมเล่าประสบการณ์ ย่าน Sex Industry แห่ง London ด้วยนะครับ...555...


น้าอ้วนครับ ผมจำชื่อย่านนั้นไม่ได้จริงๆครับ และไม่รู้ว่าเป็นย่าน sex industry หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ แม้กระทั้งกลางวันแสกๆ ผมเดินผ่านแถวนั้นก็ยังมีหญิง (ไม่รู้สาวหรือเปล่า) มายืนเรียกผู้คนที่เดินผ่าน รวมทั้งผมด้วย (เผอิญวันนั้นผมมีเงินในกระเป๋าไม่พอครับ....... จ๊าก ล้อเล่น)

ถ้าให้ชัวร์น้าอ้วนต้องลองไปที่เมือง Manchester ใกล้ๆกับย่านไชน่าทาวน์ ย่านนี้จะมีย่านที่คนทั่วโลกรู้จักดีคือ Canal Street แต่พวกผมชอบเปลี่ยนชื่อให้เขาใหม่คือตัวตัว C ตัวหน้าออก เป็น anal street ขอไม่แปลครับ ย่านนี้จะมีร้านขายเบียร์ เหล้า กาแฟ เต็มไปหมด แต่ที่น่าสังเกตุบริเวณหน้าร้านเหล่านี้จะมีธงสีรุ้งแทบทุกร้านครับ (เราคงรู้ความหมายธงสีรุ้งดี)
แล้วบริเวณแถบนี้ sex toy ก็เยอะมากครับ ผมเข้าไปแอบดู แต่ไม่กล้าซื้อ.... ย่านนี้รู้ดีว่าเป็นย่านของ... ที่ใหญ่ดูเหมือนเป็นอันดับสองของโลกรองจากที่อเมริกา (ถ้าข้อมูลผมไม่คลาดเคลื่อน) เพราะเขาจะมีงานประจำทุกปี ปิดถนน เดินกันแบบเอิกเหริก
20-06-2008, 12:55
Find Like Post Reply
pop_250823 Offline
ดนตรีจะพาเราเดินทาง....
******

Posts: 2,419
Likes Given: 0
Likes Received: 1 in 1 posts
Joined: 03 Sep 2007
Reputation: 21
#50
RE: ศุกร์ 13 ฝันหวาน
ขอบคุณบทความที่มีความหมายมากกว่าตัวหนังสือของน้า maow ครับ ผมสัมผัสได้ครับน้าเล่าได้ดีมาก ผมเองเคยซื้อหนังสือ เกี่ยวกับเรื่องชีวิตนักเรียนนอกมาอ่านหลายเล่ม เพราะอยากไปบ้างแต่คงไม่มีโอกาสในชาตินี้ ครับชาติหน้าค่อยว่ากันใหม่ครับ อิอิ
ความรู้สึกในตอนท้ายมันช่างน้าเศร้าครับ ยิ่งตอนนี้ผมอยู่ใกล้แถบราชดำเนินบอกตามตรงว่า ช่วงนี้หดหู่ที่สุดครับ
Acoustic is my life..........
20-06-2008, 12:59
Website Find Like Post Reply


Forum Jump:


Users browsing this thread: 1 Guest(s)

Contact Us | NimitGuitar | Return to Top | | Lite (Archive) Mode | RSS Syndication