เรื่องศิลปินซื้อของได้ราคาถูกกว่าคนทั่วไป
ผมอยากให้ลองมองในมุมของการค้าบ้าง อย่างเช่นคุณเปิดร้านขายเครื่องดนตรี
คุณอยากให้สินค้าเป็นที่นิยม ก็ต้องอาศัยศิลปินใช้สินค้านั้นๆ
เพื่อให้คนอื่นๆเห็นแล้วใช้ตาม อันนี้ได้ประโชนย์สองผ่าน คือศิลปินได้ใช้ของราคาถูกหน่อย
ในขณะที่ร้านค้าก็ได้โปรโมทสินค้าไปในทางอ้อมด้วย
อีกอย่าง ลูกค้าที่ซื้อกันประจำแล้วสามารถลดราคาได้มากกว่าปกติ
มันก็เรื่องปกติอีกครับ คุณไปกินร้านอาหาร มีบัตรสะสมแต้ม
กินได้ครบตามจำนวนก็ได้บัตรลด 10% 15% ว่ากันไป ก็เพระาคุณเป็นลูกค้าประจำ สมควรได้ลดอยู่แล้ว
สุดท้ายถ้าคุณเปิดร้านขายของ เพื่อนสนิทคุณมาซื้อของ หรือคุณไปซื้อของจากร้านที่เพื่อนคุณเป็นเจ้าของร้าน
คุณจะไม่ถามถึงส่วนลดพิเศษเหรอครับ? คุณจะบอกไหมว่า"อย่าลดให้ผมเยอะกว่าคนอื่นนะ"?
ที่ผมพูดมา อยากให้มองถึงการทำการค้าครับ ไม่ใช่เรื่องสิทธิที่คนพึงมีได้เท่ากัน
ปล.คุณพัทเตอร์ เรื่องลดได้ถึง 35% มันอาจจะมีอยู่จริงแต่เป็นสินค้าที่ขายไม่ออกแล้ว
หรือไม่ก็เป็นสินค้ามีตำหนิครับ ส่วนที่เพื่อนคุณซื้อได้เป็นราคาลด 20% สำหรับลูกค้าเก่าแก่และศิลปินครับ
อีกอย่างเรื่องแบบนี้ เค๊าคุยกันในวงเล็กๆ ไม่พูดออกไปในที่สาธารณะหรอกครับ
เชื่อว่าเพื่อนคุณพัตเตอร์ที่ีซื้อของให้คุณในราคาพิเศษ คงไม่อยากให้คุณไปบอกใครหลายๆคนว่าลดราคาได้พิเศษหรอกครับ
ใจเขาใจเรา ลองมองในแง่ของคนทำธุระกิจอีกมุมดูครับ