NimitGuitar webboard
คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Printable Version

+- NimitGuitar webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb)
+-- Forum: All solid webboard (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=1)
+--- Forum: Acoustic music (http://www.NimitGuitar.com/mybb/forumdisplay.php?fid=18)
+--- Thread: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ (/showthread.php?tid=11524)

Pages: 1 2 3 4


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Nobi - 13-09-2011

คิดเห็นเหมือนน้า sarun
ผมว่าคงเล่นเป็นบ้าง แต่เล่นไม่เก่งมากกว่า
อย่างน้อยสุด คงจับคอร์ด C ได้


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Naris - 13-09-2011

คิดอิจฉาครับ


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Teera - 13-09-2011

แกเล่นเป็นครับ เป็นคนดี มีน้ำใจ อัธยาศัยดี ผมคุยกะแกบ่อยๆ แต่ช่วงหลังเห็นไปคลั่งจักรยานครับ


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Rham - 13-09-2011

ผมว่าดีนะครับ ทุกๆคนก็มีความสุขของตัวเอง ขอแต่ความสุขนั้นได้มาโดยชอบ



RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - Taylor814aura - 13-09-2011

เห็นตอนแรกนู้นในทีวี..ผมนึกว่าพี่เค้าเป็นดาราหรือนักกีต้าร์ท่านหนึ่งที่รู้จักครับ ถ้าใช้ก็คือท่านเล่นเก่งครับแต่ไม่เล่นเท่านั้นเองครับ..


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - shood - 13-09-2011

เหมือนที่พี่แกบอกหนะครับ
"ถ้าใครมีกำลังทรัพย์เช่นผมก็คงสะสมเช่นกัน"

มีรุ่นพี่ที่ผมรู้จักท่านนึงก็เล่นไม่ค่อยจะเป็นเพลงซักเท่าไหร่
แกก็สะสม Modern Strat ครับ
เคล็ดลับแกคือ อย่าเอาเงินไปจมกับรถมากนักก็ซื้อได้หลายสิบตัวแล้ว
ตัวแกเองขับแลนเซอร์ตัวเก่ามากๆ ราคาถูกกว่ากีต้าร์ตัวนึงซะอีก
ทั้งๆที่รายได้แกเดือนนึง ซื้อรถสปอร์ตป้ายแดงได้สบายๆ

ส่วนพี่อีกท่านนึงซื้อกีต้าร์ตัวแรกมาหัดดีดก็ราคาสองแสนกว่า
ปัจจุบันกีต้าร์ก็ไม่ค่อยงอกออกมาจากเดิมซักเท่าไหร่
แต่รถสปอร์ตงอกมาอีกหลายคัน และมีห้องเก็บรถสปอร์ตในบ้าน

จริงๆแล้วความสุขคนเราไม่เหมือนกันครับ
ไม่จำเป็นต้องเล่นเป็นหรือเล่นเก่งหรอกครับ

ปล.ปัจจุบันทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถจับคอร์ด Bm7 ได้นะครับ
ปล2.ตัวผมเองหากไม่มีเพื่อนมาบ้านก็ไม่เคยหยิบกีต้าร์มาเล่นครับ แต่ผมก็ยังไม่หยุดซื้อกีต้าร์ครับ


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - dear709 - 13-09-2011

(ชื่อกะทู้แรงง่ะ เปลี่ยนเป็นคิดยังไงกับคนที่สะสมกีต้า น่าจะดีกว่า คิดยังไงกับพวกที่สะสมกีต้าอ่ะครับ Rolleyes )

คิดอิจฉาเหมือนกันครับ อยากได้อยากมีเหมือนเขา
แต่โชคดีที่นึกดูจริงๆแล้ว ตัวที่อยากได้จริงๆ ต่อให้มีเงินผมว่าผมก็ซื้อไม่ได้อ่ะครับ
ผมอยากได้ No.1 กับ Lenny ที่เป็นของจริงๆ ของ SRV อ่ะครับ

No.1
[Image: mno.1.jpg]

Lenny
[Image: lenny.jpg]

นอกนั้นไม่อยากได้กีต้าอะไรเป็นพิเศษเลยเพราะแยกเสียงไม่ค่อยจะออกครับ
ฟังยังไงตัวไหนก็เสียงดีไปหมดครับ









RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - วันละเป๊ก - 13-09-2011

คิดยังไง คิดว่า ของสะสมไม่ใช่ของใช้ครับ
ผมเคยสะสมกล้อง มีอยู่ตัวนึงไม่เคยเปิดฝาหลังเพื่อใส่ฟิล์มจนกระทั้งขายไป ถ้าเปิดใส่ฟิล์มราคาตกทันที อยากลองถ่ายใจจะขาดจนแต่กลัวราคาตกจนต้องไปซื้ออีกตัวแบบใช้งานมาใช้ คิดแล้วเครียด แต่ก็มีกล้องที่ใช้งานถ่ายภาพจริงๆก็มีหลายตัวอยู่นะครับ ไม่รู้เรียกว่าสะสมป่าว แต่ผมเลิกละไอ้พวกซื้อมาเก็บแต่ไม่กล้าใช้
ตอนนี้อยากมีกีต้าร์หลายๆตัวแต่ก็ไม่คิดถึงขนาดจะซื้อกีต้าร์มือหนึ่งมาเก็บโดยไม่เล่น อยากซื้อมาเล่นไม่ชอบก็ขาย(ตัดใจขายไม่ได้สักตัว มีแต่ unrealised gain)
คิดไปคิดมาพวกสะสมแสตมป์เค้าก็คงไม่ได้ใช้ส่งจดหมาย
พวกสะสมเหรียญก็ไม่ได้เอาเหรียญไปซื้อของ
เหมือนพวกสะสมปืน ปืนที่ยิงแล้วหนึ่งนัดก็ไม่ใช่ปืนใหม่ละครับ ราคาก็ตกอีก คิดแล้วเครียดอีก
ผมเลยคิดว่านักสะสมตัวจริงเค้าไม่เอาของสะสมมาใช้หรอกครับ
ส่วนจะต้องเล่นกีต้าร์เป็นรึปล่าวถึงควรจะสะสมกีต้าร์ ผมไม่มีความเห็นครับ ขึ้นอยู่กับผู้สะสม


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - tanachote - 13-09-2011

ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก็พอคับ


RE: คิดยังงัยกับพวกที่สะสมกีตาร์ แต่เล่นไม่เป็นครับ - house - 13-09-2011

คนที่สะสมจนรู้จริง เค้าจะมีข้อมูลเชิงลึก
จนจะแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากีต้าร์ตัวหนึ่งจะมีรายละเอียดได้มากขนาดไหน

คนเหล่านี้เค้าสะสมกีต้าร์ และความรู้เกี่ยวกับกีต้าร์มาทั้งชีวิต ครับ
ยิ่งนานวันประสบการณ์และความรู้ยิ่งเพิ่มพูนครับ

กีต้าร์เป็นสิ่งของครับการสะสมกีต้าร์ใช้ความรู้และข้อมูล
ต่างจากการเล่นดนตรีซึ่งเป็นทักษะทางด้านร่างกาย

จริงอยู่ว่ามีเงิน ใครๆ ก็สามารถหาซื้อกีต้าร์เจ๋งๆได้
แต่กีต้าร์บางตัวกลับไม่สามารถหาซื้อได้แม้จะมีเงิน

ถึงมีเงิน มีกีต้าร์ให้ซื้อ แล้วคนที่รู้ไม่จริงจะแยกกีต้าร์ดี กับกีต้าร์ตัวที่มีตำหนิออกไหมครับ รุ่นเดียวกัน ยังมีหลายล็อตหลายปีเลยครับ
รายละเอียดแต่ละตัวอีก ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดไหน

ผมว่าความรู้ด้านนี้มันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งเหมือนกันครับ

(คิดถึงตอนนี้ก็น่าจะมีรวมเล่มหนังสือตำราดูกีต้าร์ ออกมาขายมั่งนะครับ เช่น เทคนิคของรุ่นนี้ ป้ายกลม เป็นปีอะไร โรงงานอะไร ฯลฯ)


พูดถึงเรื่องความรู้
มีคนเคยบอกว่า การเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราไม่ต้องลงทุนอะไรเลยแค่ศึกษาและเรียนรู้มัน
แต่แท้จริงแล้วความผิดพลาดเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความรู้
ความรู้จากความผิด นั้นราคาแพงแต่ทำให้เรารู้จริง เจ็บจริงครับ
(หลายอย่างในชีวิตไม่จำเป็นต้องเจ็บ เพื่อรู้ครับ)


นักเล่นนักสะสม หรือว่า แฟนพันธ์แท้ตัวจริง ในเรื่องต่างๆ กว่าจะมาถึงขั้นนั้น
เจ็บมาเยอะ กว่าจะได้ความรู้ขนาดนี้ครับ

เค้าเหล่านั้น รู้จริง เลยมั่นใจ ในสิ่งที่ทำ เพราะรู้ว่าผลลัพท์จะเป็นเช่นไร
เค้าจะไม่สนใจเสียงคนที่รู้ไม่จริงวิจารณ์ต่างๆนานาครับ


ปล.เรื่องกีต้าร์ผมก็ประมาณอนุบาลทางการเมืองครับ

**********************************

**********************************
ความฉลาดทั้งเจ็ดประการ

ความฉลาดประเภทแรกเรียกว่า


Logical & Mathematical Intelligence หรือความฉลาดด้านตรรกะและคณิตศาสตร์
ความฉลาดประเภทนี้คือความฉลาดแบบที่คนส่วนใหญ่เข้าใจและเรียกเขาเป็นคนฉลาด เก่งวิทยาศาสตร์และเลข มีเหตุมีผล เข้าใจทุกสรรพสิ่งด้วยตรรกะ คนฉลาดแบบนี้ถ้าสมัยโบราณก็จะถูกเรียกว่าเป็นนักปราชญ์

มาถึงความฉลาดแบบที่สอง
Linguistic Intelligence หรือความฉลาดทางด้านภาษา
เคยเจอกันไหมครับ คนบางคนเป็นถึงสามสี่ภาษา และยังมีความสามารถที่จะเข้าใจในหลักภาษาถึงแก่นได้อย่างง่ายๆ นอกจากนั้นยังเป็นคนที่ใช้ภาษาเก่งมาก ทั้งพูดอ่านเขียน

ความฉลาดอย่างที่สาม
Spatial Intelligence หรือความฉลาดทางด้านมิติ
เคยเจอช่างก่อสร้างเก่งๆไหมครับ ไม่ว่าช่างไม้หรือช่างปูน บางคนมองปราดเดียวก็บอกเราได้เลยว่าต้องใช้ไม่ใช้อิฐเท่าไหร่ ต้องก่อต้องต่อมาในลักษณะไหน เลื่อยไม้ได้อย่างแม่นยำแทบไม่ต้องวัด พื้นที่แสนจะยากสักแค่ไหนพี่แกก็จัดการได้ไม่มีที่ติ เหมือนว่าเขาเห็นภาพสำเร็จออกมาในหัวสมองได้ทันที ยังรวมไปถึงจิตรกร ปฎิมากร ที่ใช้จินตนาการสร้างสรรค์มิติรูปร่างออกมาได้อย่างมหัศจรรย์เหลือเชื่อ คนเหล่านี้ล้วนมีความฉลาดด้านมิติเป็นอย่างสูง

ความฉลาดอย่างที่สี่
Bodily Intelligence หรือความฉลาดทางด้านร่างกาย
ความสามารถในการควบคุมร่างกายนี่ก็ถือเป็นความฉลาดอย่างหนึ่งนะครับ สังเกตไหมครับว่าคนบางคนเนี่ย จะเล่ากีฬาอะไรก็ดูจะเก่งไปเสียทุกอย่าง ตัวอย่างที่เห็นชัดๆก็อย่างเช่นพ่อไมเคิล จอร์แดน ทั้งบาสเกตบอล เบสบอล กอล์ฟ ทำไมพี่แกเก่งไปเสียหมด
หรือขวัญใจชาวไทยอย่างพี่ระ เขาทราย กาแล็กซี่ ที่บนเวทีมวยไม่มีใครเลยล้มเขาได้ นอกจากนั้นยังเก่งกีฬาอีกตั้งหลายอย่าง
มาดูกีฬาโปรดของผมหน่อยดีกว่า สนุกเกอร์ครับ คนที่เล่นและเข้าใจสนุกเกอร์จะทราบดีเลยว่า เป็นกีฬาที่ต้องใช้ศิลปะในการบังคับร่างกายสูงมาก ผมถึงได้แสนจะหลงใหลไม่ว่าจะเป็น จอร์น ฮิกกิ้น รอนนี่ โอซุลิแวน สตีเฟ่น เฮนรี่ มาร์ก เจ วิลเลี่ยม หรือ พี่ต๋อง วัฒนา ภูโอบอ้อม ล้วนแต่สุดยอดทั้งนั้น นอกจากนักกีฬาแล้วผมว่าพวกนักเต้นทั้งหลายนี่ก็ใช่ นักประดิษฐ์ นักแกะสลัก ที่ใช้มือเก่งนี่ก็รวมอยู่ในความฉลาดประเภทนี้ด้วย

มาถึงความฉลาดประเภทที่ห้ากันครับ
Musical Intelligence ความฉลาดด้านดนตรี
ผมเห็นคนบางคนเหมือนมันจะมีประสาทสัมผัสทางดนตรีสูงมาตั้งแต่เกิดก็ว่าได้ ไม่ว่าจะโน้ต คีย์ จังหวะ มันช่างแม่นยำเหลือเกิน ทั้งๆที่บางคนก็ไม่ได้ร่ำเรียนดนตรีสู่งส่งมาจากไหนด้วยซ้ำ แต่โน้ตไหนเพี้ยน จังหวะไม่ตรง มันฟังออกหมดเลย ตอนนี้ผมกำลังนึกถึงเพื่อนผมคนหนึ่ง ชื่ออีตา พัชร เวลาผมดูมันเล่นดนตรีไม่ว่าชิ้นใด ผมมีความรู้สึกว่ามันเล่นได้เหมือนกับจังหวะดนตรีอยู่ในชีพจรของมันเลยล่ะ ไม่ว่าจะตั้งใจเล่นหรือไม่ตั้งใจเล่น ดูมันลงตัวไปหมด

และความฉลาดต่อไปคือประเภทที่หก
Interpersonal Intelligence หรือความฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์
คนที่มีความฉลาดด้านนี้ อยู่ที่ไหนใครก็ชอบใครก็รัก ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นได้เป็นอย่างดี และยังรู้ถึงความเหมาะเจาะของสัมพันธภาพของมนุษย์


และก็มาถึงความฉลาดประเภทที่เจ็ดซึ่งเป็นอย่างสุดท้าย
Intrapersonal Intelligence หรือความฉลาดในด้านเข้าใจตนเอง
จะมีอะไรดีไปกว่า การรู้จักและเข้าใจตนเอง รู้ความปรารถนาและอารมณ์ของตนเองเป็นอย่างดี แต่ส่งที่สำคัญนั่นคือรู้ด้วยว่าจะสามารถจัดการกับอารมณ์ของตนเองในเวลานั้นๆไดญ้อย่างไร ความฉลาดแบบนี้บางทีเขาก็เรียกกันว่า EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์นั่นเอง


ทำความรู้จักกับความฉลาดทั้งเจ็ดแล้วเป็นยังไงบ้างครับ ลองมองตัวเองและคนอื่นๆดูบ้างก็ได้นะครับ


http://blog.eduzones.com/snowytest/12349
(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชน"คอลัมน์คุยกับประภาส" )