NimitGuitar webboard

Full Version: รบกวนถามผู้รู้เกี่ยวกับสารดูดความชื้นครับ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2
สวัสดีปีใหม่ครับเพื่อนๆชาวบ้านฟ้า

รบกวนถามพี่กฤษณ์และเพื่อนๆพี่ๆท่านอื่นด้วยนะครับ

ผมเคยไปบ้านพี่กฤษณ์และเห็นว่าพี่เค้าใส่ Silica Gel ไว้ในกล่องกีต้าร์ด้วย เข้าใจว่าเอาไว้ดูดความชื้นในกล่อง เลยมีคำถามดังนี้ครับ

1. การใส่ Silica Gel หากมันเปลี่ยนสีแล้วแสดงว่าความชื้นดูดไว้เต็มที่แล้ว หากปล่อยไว้ในกล่องกีต้าร์จะเป็นการเก็บความชื้นไว้มากกว่าการที่ไม่ต้องใส่ไว้เลยหรือไม่ อันนี้เดาเอาเองอะครับ
2. ผมเคยได้ยินมาว่าหากมันเปลี่ยนสีแล้วให้นำไปตากแดด ซึ่งผมลองแล้วสีมันก็ไม่กลับมาเป็นสีน้ำเงินเหมือนตอนซื้อมาครับ
3. เคยได้ยินมาว่า นำมาใส่จานและไปอบในไมโครเวฟเพื่อให้คายความชื้น สามารถนำไปอบ ผมสงสัยว่ามันอันตรายไหมครับ จะมีสารตกค้างในไมโครเวฟหรือไม่ เดี๋ยวที่บ้านจะซวยเอา 55
4. แล้วสภาพอากาศบ้านเราเนี่ย จริงๆแล้วจำเป็นต้องใส่ไว้มัยครับ ผมเก็บกีต้าร์ไว้ในห้องนอน เปิดแอร์ตอนกลางคืน ตอนกลางวันก็ถือว่าไม่ร้อนครับ เคยถามร้านกีต้าร์กะพี่ๆหลายคนก็บอกไม่ต้องใส่หรอกไอ้Silica Gelเนี่ย


ปล.คิดว่าเป็นประโยชนืในการตั้งคำถามครั้งนี้ครับ
หากเพื่อนๆมีงบพอ ก็น่าจะซื้อ Dehumidfier เครื่องละประมาณ 20,000กว่าบาท แต่ผมตอนนี้กรอบครับ 55 เลยว่าจะหาวิธีประหยัดเพราะกีต้าร์ไม่เยอะครับ

ขอขอบคุณพี่กฤษณ์และเพื่อนๆล่วงหน้าครับ คิดถึงทุกๆคน ขอให้เฮงๆในปีกระต่ายครับ
โดยส่วนตัวไม่เคยซื้อมาใช้ นอกจากที่แถมมาในกล่องกีตาร์ ดังนั้นอาจจะต้องรอน้าๆมาอธิบายเพิ่มเติมนะครับ

แต่ผมคิดว่าถ้าความชื้นสัมพัทธ์ในห้องไม่มากนัก Silica Gel ก็อาจจะช่วยได้บ้างครับ
แต่ถ้าความชื้นสัมพัทธ์มาก อาจจะต้องใช้มากและเปลี่ยนบ่อยถึงจะช่วยได้
ช่วงนี้ถ้าอากาศที่ห้องของน้า piggyprince ค่อนข้างแห้งเหมือนผม คืออยู่ในช่วง 40-50% ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้ครับ
ถ้าสูงกว่านี้มากเช่นเกิน 65% ขึ้นไปนี่ก็อาจจะต้องหาวิธีจัดการกับมัน แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องใช้ Silica Gel มากแค่ไหนครับ

ของผมเองแม้ว่าจะเป็นหน้าฝนที่ความชื้นขึ้นสูงมาก เคยสูงถึงกว่า 80% ผมก็ไม่เคยใช้ครับแค่เก็บลงกล่องเท่านั้น
ซึ่งก็ยอมรับว่าไม่ใช่การเก็บรักษาที่เหมาะสมเท่าใดนัก เพราะการเก็บลงกล่องเป็นเพียงแค่การป้องกันความชื้นเข้าได้ช้าลงเท่านั้น
ถ้าชื้นมากนานๆกล่องก็ไม่ได้ช่วยอยู่ดี ทางที่ดี dehumidifier นี่แหละครับแน่นอนสุด แต่ผมก็ขี้เกียจซื้อและลงทุน
เพราะไม่ได้มีกีตาร์เยอะเหมือนกันครับ ไม่ทราบว่าสองหมื่นกว่าบาทนี่เป็นของยี่ห้ออะไรครับ รบกวนสอบถามเป็นข้อมูลครับ

แต่ยังไงผมก็คิดว่าการควบคุมความชื้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกีตาร์ที่ทำจากไม้ครับ สังเกตจากที่มีอยู่ ตัวนึงได้มาซักพักแอ็คชั่นก็สูงขึ้นครับ
ดูแล้วถ้าจะแก้คงต้องรีเซ็ตคอครับ แต่ยังไม่ได้ทำเลยครับ
ห้ามนำไปอบหรือนำไปทอดในกะทะเด็ดขาดนะครับ ยำ้ว่าห้ามเด็ดขาด มันจะมีสารตกค้างครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่า silica gel นี่มันคือ silicon dioxide ธรรมดาๆนี่แหละครับ มันต่างกับทรายทั่วไปตรงที่มันเป็นรูพรุนไปหมดทำให้มีพื้นผิวที่สามารถดูดซับละอองน้ำมากถึง 800 ตารางเมตรต่อ 1 กรัม Silica gel จึงเป็นสารที่ไม่มีพิษมีภัยนอกจากจะมีใครทะลึ่งเอาสารเคมีชนิดอื่นผสมเข้าไปเท่านั้น (ใครไม่เชื่อว่าพวกหินพวกทรายนี่กินใด้ก็ลองไปถามนักการเมืองใด้เลยครับ)

คุณสมบัติของ silica gel นั้นมันไม่ใด้เป็นตัวดูดความชื้นอย่างเดียวเหมือนพวกเครื่องดูดความชื้นที่ใช้ไฟฟ้านะครับแต่มันทำหน้าที่เป็นตัวรักษาให้ความชื้นค่อนข้างคงที่ต่างหากหรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่ามันเป็น himidity buffer นั่นเอง ถ้าคุณใส่ silica gel ลงไปในกล่องมันก็จะพยายามรักษาความชื้นให้อยู่ที่ 40-45% ตลอดเท่าที่ปริมาณของมันจะทำใด้ ถ้าความชื้นเกิน 45% มันก็ดูดไปเก็บไว้ ถ้าต่ำกว่า 40% มันก็จะคายความชื้นออกมา ดังนั้นในตู้โชว์ตามพิพิธภันฑ์ทั่วโลกเขาก็ใช้ silica gel นี่แหละครับเป็นตัวควบคุมความชื้น ถ้ามันดีพอสำหรับการเก็บรักษาภาพ Mona Lisa มันก็น่าจะดีพอสำหรับการเก็บรักษากีต้าร์ Yamaha นะครับ

อ่านถึงตรงนี้หลายคนอาจคิดว่าเมืองไทยนั้นมีแต่อากาศชื้นกับชื้นมากดังนั้นเราควรใช้พวกเครื่องดูดความชื้นจะไม่ดีกว่าหรือ ความจริงแล้วเครื่องดูดความชื้นมันก็คือเครื่องปรับอากาศแบบหนึ่งครับเพราะมันเป่าลมผ่านคอยล์เย็นให้ความชื้นกลั่นตัวเป็นน้ำเหมือนกัน ถ้าคุณเปิดแอร์อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันหรอกเพราะการที่จะลดความชื้นของบ้านคุณทั้งบ้านเพื่อสุขภาพของกีต้าร์ไม่กี่ตัวมันก็เหมือนการขี่ช้างจับตั๊กแตนนะครับ แถมยังมีความเสี่ยงที่ไม้หน้าจะแตกหรือท้องยุบถ้าความชื้นน้อยไปด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปดูที่โชว์รูมนครหลวงใด้ครับว่าเขาจะตั้งแก้วน้ำไว้ในตู้โชว์ด้วยเพื่อไม่ให้อากาศแห้งเกินไปเพราะเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

ถ้าถามว่า silica gel จำเป็นไหมผมก็ตอบใด้เลยว่าถ้าคุณเก็บรักษาให้ถูกวิธีมันก็ไม่จำเป็นเลยครับ มันก็เหมือนกับการคาดเข็มขัดนิรภัยเวลาขับรถแหละครับ ผมคาดมาสี่สิบปีแล้วก็ยังไม่เคยใด้ใช้ประโยชน์จากมันเลยแม้แต่ครั้งเดียวแต่ผมก็ยังจะคาดมันต่อไปส่วนคุณจะคาดหรือไม่คาดก็ตามใจคุณ

มาเข้าเรื่องซักทีว่าถ้าใช้จะต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ ถ้าเป็นการเก็บรักษาภาพวาดในตู้โชว์เขาใช้ silica gel เกรดดีประมาณ 5 กิโลต่อ 1 ลบม. และเอาออกมาอบใหม่ทุกๆ 150 วันแต่ถ้าเป็นเกรดชาวบ้านที่พวกเราหาซื้อใด้ก็ต้องใช้มากถึง 20 กก./ลบม. ครับ ถ้าใช้สูตรเดียวกันกล่องกีต้าร์โปร่งมีปริมาตรภายใน = 0.04 ลบม.ก็ต้องใช้ silica gel = 800 กรัมซึ่งยัดไม่ลงกล่องหรอกครับ ดังนั้นผมก็เลยใช้แค่ 100 กรัมซึ่งน่าจะอยู่ใด้ประมาณ 18 วันโดยเฉลี่ยตามทฤษฏีแต่พอใช้จริงมันอยู่ใด้แค่ 10 วันตอนหน้าฝนครับก่อนที่ต้องเอาออกมาอบใหม่สำหรับที่บ้านซึ่งไม่ใด้เปิดแอร์แต่ถ้าเป็นที่คอนโดซึ่งเปิดแอร์วันละ 12 ชั่วโมงก็อยู่ใด้ประมาณ 20 วันครับ

Silica gel ชนิดเปลี่ยนสีใด้หาซื้อใด้ประมาณกิโลละ 180-200 บาทครับ (ผมซื้อที่พันธุ์ทิพย์งามวงศ์วาน) เอามาใส่ถุงแบบ zip lock ถุงละ 100 กรัมและเจาะรูด้วยเข็มหมุด การไล่น้ำทำอยู่สองวิธี ถ้าเป็นที่บ้านใช้เตาอบขนาดเล็กอบที่อุณหภูมิ 120 องศาประมาณหนึ่งชั่วโมง ส่วนที่คอนโดใช้ไมโครเวฟอบครั้งละ 45 วินาทีแล้วเอาออกมาเกลี่ยให้เย็นลงแล้วอบซ้ำอีกสองสามครั้งจนกว่าจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินสด เหตุผลที่ต้องอบหลายครั้งเพราะเราไม่ต้องการให้ความร้อนขึ้นไปสูงมากเพราะถ้าเกิน 125 องศาสีที่เคลือบจะเริ่มไหม้ครับ ถ้าใครต้องการประหยัดพลังงานก็เอาไปตากแดดก็ใด้ครับแต่ไม่รับรองผลเพราะผมยังไม่เคยลองเอง

เอกสารอ้างอิง

http://talasonline.com/photos/instructio...el_FAQ.pdf

http://www.apsnyc.com/uploads/Methods%20...%20Gel.pdf



Silica gel มันมีหลายชนิด มักเคลือบด้วยสารมักโคบอลคลอไรค์ (โลหะหนัก) มีทั้งชนิดเม็ดและเกล็ด โคบอลคลอไรค์ ที่เคลือบบนซิลิก้า เจล มีลักษณะเป็นสีน้ำเงินเข้ม
European Commission และ International Agent for Research on Cancerได้จัดโคบอลคลอไรค์ไว้ อยู่ในประเภทของสารที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้
ซิลิกาเจลที่ใส่ในขนม สังเกตจะไม่ใช่สีน้ำเงินๆ

ตากแดดก็ใช้ได้นะครับ ผมเคยลองละแต่แดดต้องแรงๆและต้องตากนานๆหน่อย
โอ้โห แจ่มแจ้งทุกประการ ขอขอบพระคุณพี่กฤษณ์และคุณgazetteเป็นอย่างสูงมากๆครับ ตอบได้เคลียร์มากๆครับพี่ Big Grin
เป็นประโยชน์อย่างมากเลยครับ น้องหมูก็คงจะคาดเข็มขัดนิรภัยต่อไปครับ อิๆ
ขอบคุณGmanด้วยนะครับ Big Grin
ใช้ไมโครเวฟ สามารถทำได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว แต่จะต้องทำหลาย ๆ ครั้งเหมือนน้ากฤษณ์บอก เพราะถ้าใช้ไฟแรงและนานเกินไปจะทำให้เสียหายได้ ผมใช้ซิลิกาเจลกับอุปกรณ์กล้องถ่ายรูปด้วยเช่นกัน จะช่วยให้อุปกรณ์(กีตาร์)มีความคงทนต่อไปอีกนาน
เรื่องกล้องและเลนส์นี่ผมสงสัยเหมือนกันครับว่าทำไมต้องกลัวความชื้นด้วย สมัยผมเล่นกล้องใหม่ๆตอนอายุ 19 (Pentax Spotmatic) ผมไม่เคยเห็นมีใครสนใจเรื่องความชื้นเลยแต่ตอนที่กูเกิ้ลหาที่ขาย silica gel มาใช้กับกีต้าร์ก็พบว่าร้านที่ขายส่วนใหญ่เป็นร้านกล้องทั้งนั้นแถมยังมีพวกกล่องกันความชื้นขายกันให้เกลื่อนเมืองซะอีก ตอนนี้ผมมีกล้อง DSLR อยู่สามตัวและเลนส์อีกสิบกว่าตัวเลยชักสงสัยว่าตัวเองประมาทเกินไปหรือเปล่าเพราะตั้งแต่เล่นกล้องมาก็ยังไม่เคยสนใจเรื่องความชื้นเลยและไม่เคยเห็นเลนส์ขึ้นฝ้าหรือขึ้นราด้วย

เลนส์มันขึ้นฝ้าขึ้นราใด้จริงๆหรือครับ (ผมเคยใช้เลนส์อยู่แค่สี่ยี่ห้อครับ)
เลนส์ขึ้นราได้ครับ น้า Pood ผมมีกล้อง Nikomat ของคุณพ่อเป็นกล้อง film ใช้งานสมบุกสมบันพอสมควร ปัจจุบัน มันมี ราขึ้น อยู่ในระหว่าง ชั้นเลนส์ สอ่ง ดู เห็นได้ชัด เป็น กระจุก สายสี ขาว สมมารถ ส่งไป ล้างได้ แถว พลับพลาชัยครับ
แวะมาตอบพี่กฤษณ์ครับเพราะต้องบอกว่าพอรู้เรื่องกล้องและศึกษามาพอสมควร

เลนส์สามารถขึ้นราได้อย่างแน่นอนเท่าที่ทราบและจากประสบการณ์ที่เพื่อนๆช่างภาพและเพื่อนสนิทเจอมากับตัวเอง
วิธีที่ชัวร์สุดคือซื้อตู้รักษาความชื้นครับ เพราะจะรักษาระดับRHได้ดีที่สุด ค่าก็อยู่ประมาณ 40-50%นี่แหละครับเหมือนๆกับกีต้าร์เลยครับ
ราคาก็อยู่ประมาณ 6500-30000Bahtเลยครับ แล้วแต่ขนาดความจุของตู้ครับ
ขอบอกว่ามันจำเป็นครับหากเพื่อนๆมีกล้องและเลนส์หลายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลนส์Tele Zoom พวก 70-200mm
เท่าที่ทราบคือพวกเลนส์ที่มีชิ้นเลนส์เยอะๆเสี่ยงต่อการที่จะขึ้นราและฝ้าได้อย่างง่ายดายมากๆครับ ก็เรียกได้ว่ามีโอกาสมากกว่าพวกเลนส์Fix เช่น 50, 85mm เป็นต้น
เพื่อนสนิทผมไม่เชื่อครับ โดนมากะตัวเลยไปเที่ยวต่างประเทศ ไป ตจว ใส่กล้องเลนส์ไว้ในกระเป๋ากล้องและมีSilica Gelกลับมาก็ทิ้งไว้ในกระเป๋ากล้อง โดนเลยครับเลนส์Fixขึ้นรา งานเข้าต้องเอาไปล้างที่ร้านแถมร้านก็บอกว่ามีโอกาสกลับมาเป็นได้ง่ายๆเหมือนมันมีเชื้อแล้วน่ะครับ สุดท้ายก็ขายทิ้งขาดทุน
ส่วนพวกกล่องพลาสติกสูญญากาศกันความชื้นประเภทใส่แค่Silica Gelนั้นก็ต้องหมั่นสังเกตุสีSilica Gelด้วยครับ ไม่งั้นอาจจะเจอเหมือนเพือ่นผมอีกคน เก็บเลนส์70-200/2.8L IS ขึ้นราเฉยเลยครับ เลนส์ตัวตั้ง7หมื่นกว่า เซ็งไปเลยครับ

แนะนำอย่างนี้นะครับ ถ้ามีกล้องและเลนส์หลายตัว อย่าไปเสียดายเงินซื้อตู้ครับ สะดวกกว่าเยอะมากๆ ผมไปถ่ายงานกลับมาก็เก็บเข้าตู้เลยปลิดภัยไร้กังวล แต่ถ้ามีกล้องตัวเลนส์สองตัว ก็ไปซื้อพวกกล่องสูญญากาศ ราคาประมาณทั้งชุด สามสี่พันบาทมีกล่องSilica Gelที่มีปลั๊กไว้เสียบระบายความชื้นและนำกล่องนี้ใส่เข้าไปไว้ในกล่องสูญญากาศอีกทีครับ
ก็อย่างว่าแหละครับ ตู้กันชื้นเล็กๆเค้าก็ราคาอยู่ประมาณ 6500-8000 ซึ่งราคาก็ไม่ได้ต่างกันมาก ซื้อตู้สะดวกกว่าเยอะครับ
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างครับ
Pages: 1 2