?The principal function of the ShorTail tailpiece is to make sure that the saddle is the only thing on the top,? Cory says. ?But the reason our tailpiece is short, compared to an archtop or something, is because that longer string length reduces string tension. In fact, I?ve had players comment that it makes medium-gauge strings feel like light-gauge strings.?
เอามาจากเว็บของ Batson guitar ครับ ผมสงสัยว่าทำไมเขาถึงบอกว่ายิ่งสายยาวจะทำให้แรงตึงสายลดลงครับ ตอนแรกผมเข้าใจว่ายิ่งสายยาวก็จะทำให้สายมีแรงตึงสายมากขึ้นไม่ใช่เหรอครับ ขอบคุณครับ
Internet เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ที่มหาศาลและค้นคว้าใด้ง่ายๆแต่ปัญหาที่ตามมาก็คือใครจะเขียนอะไรก็ได้โดยไม่ต้องมารับผิดชอบ ถ้าคนอ่านแล้วไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรแต่ถ้าเชื่อก็จะใด้ความเชื่อผิดๆติดตัวไป
เรื่องความยาวของสายยิ่งสั้น tension ยิ่งน้อยนั้นเป็นหลักการ physics พื้นฐานครับ ใครไม่เชื่อก็ลองตั้งสายเป็น Eb แล้วเอา capo มาคาดเฟร็ตแรกดูว่าสายมันนุ่มขึ้นหรือเปล่า
ขอบคุณน้ากฤษณ์ครับ ผมเองก็เข้าใจว่าอย่างนั้นเช่นกันครับ แต่คนที่เขียนบทความนี่เป็นเจ้าของบริษัทและเป็นช่างทำกีต้าร์ Batson เชียวนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าใช่คนนี้รึเปล่าที่จบทางด้านวิศวกรรมมา (บริษัทนี้มีช่างอยู่สองคนครับ เป็นพี่น้องกัน) เขาใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมหลายด้านมาพัฒนากีต้าร์ของเขา ผมว่ากีต้าร์นี้เป็นยี่ห้อที่ innovative มากๆเลยทีเดียว
ทีนี้ผมก็ได้อ่านใน blog ของเว็บนี้แล้วก็เจอข้อความข้างต้นนั่นแหละครับ มันทำให้ผมสงสัยมากเลยทีเดียว
ผมแปลกใจว่ามันจะมีทางไหนหรือไม่ที่จะทำให้คำพูดนั้นเป็นจริงขึ้นมาครับ เพราะเขาเป็นผู้ผลิต ถ้าไม่จริงแล้วพูดออกมาก็คงจะหาลูกค้ายาก
ปล. string length กับ scale length มันอันเดียวกันหรือเปล่าครับ
ที่เค้าเขียนมานั้นน่าจะถูกแล้วครับ เพียงแต่อาจจะละไว้ว่าเป็นเรื่องการดันสาย
แรงตึงสายแน่นอนว่าจะถูกกำหนดโดยความยาวสเกล (จากนัทถึงแซดเดิ้ล)
ความยาวระหว่างนัทถึงเสาลูกบิด และระหว่างแซดเดิ้งถึง tailpiece นั้นไม่มีผลต่อแรงตึง
แต่เวลาดันสายนั้นระยะทั้งสองนั้นมีผลต่อแรงที่ที่เราใช้ดันสายครับ
เท่าที่ทราบเหตุผลก็คือว่าเมื่อเราดันสาย ความยาวสายทั้งหมดตั้งแต่ลูกบิดถึง tailpiece
จะเป็นตัวช่วยกระจายแรงที่เราใช้ดันสาย (บนสมมุติฐานที่ว่าสายเคลื่อนผ่านนัทและแซดเดิ้ลได้สะดวก)
ดังนั้นความยาวสายจากแซดเดิ้ลถึง tailpiece ที่เพิ่มขึ้น ตามบทความที่พูดถึง จึงทำให้เรารู้สึกว่าดันสายได้ง่ายขึ้นครับ
ลองอ่านกระทู้ที่มีการพูดถึงเรื่องนี้ดูครับ;
http://www.acousticguitar.com/ubbcgi/ult...003768;p=2
คุณ Gman ให้มุมมองที่มีเหตุผลดีมากครับ ถ้าเป็นการ bend สายนี่สายยิ่งยาวยิ่ง bend ง่ายขึ้นแน่นอนแต่ก็ต้องดันยาวขึ้นด้วยนะครับ
ที่ผมเตือนไม่ให้คิดมากกับความเห็นต่างๆใน internet นั้นเพราะมันเป็นแหล่งข้อมูลที่ใครจะเขียนความเห็นของตัวเองลงไปก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องหาข้อมูลอ้างอิงเหมือนกับการเขียนตำราหรือเอกสารด้านวิชาการ ผมลองกลับไปอ่าน article ที่คุณ gong_bee_gees อ้างถึงก็ไม่เห็นว่านาย Cory พูดเรื่องการ bend สายนะครับ
เรื่องระดับการศึกษาของสองพี่น้องนี้ผมไม่คิดว่าเขาเป็นวิศวกรนะครับเพราะก่อนหน้าจะมาผลิตกีต้าร์ในปี 1996 ทั้งสองคนมีอาชีพคนงานในโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์และเขาก็กล่าวเพียงว่าตอนเรียนในวิทยาลัยเขาชอบวิชา physics มากแต่ถ้าเรียนจบระดับปริญญาตรีขึ้นไปในด้านวิศวกรรมก็คงไม่ไปทำงานใช้แรงงานหรอกครับ
http://www.guitarbench.com/2009/09/16/ba...interview/
ผมไม่ใด้บอกว่าคนที่ไม่ใช่วิศวกรแล้วจะทำกีต้าร์ไม่เป็นนะครับ พวกวิศวกรยิ่งเรียนมามากอย่างผมก็ยิ่งเจียมตัวว่าเรารู้น้อยมาก ผมเคยออกแบบสะพานแขวนแต่ผมคำนวนว่าสายกีต้าร์มีความตึงเท่าไหร่ไม่ถูกหรอกครับถ้าไม่แอบไปลอกสูตรของชาวบ้านมาใช้ การทำกีต้าร์ให้เสียงดีนั้นเป็นเรื่องของ feel ล้วนๆโดยยึดหลัก physics อย่างหลวมๆเพราะไม่แต่ละชิ้นนั้นมีคุณสมบัติต่างกันทุกชิ้น ช่างทำกีต้าร์ที่ประสพความสำเร็จส่วนมากก็เป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์มาก่อนอย่าง C.F. Martin ไงครับ พวกวิศวกรนั้นถ้าจะดันทุรังมาทำกีต้าร์ก็จะไม่ใช้ไม้ทำครับเพราะมันไม่มีคุณสมบัติที่แน่นอนพอจะเอามาคำนวณใด้ ตัวอย่างของวิศวกรที่ทำกีต้าร์ขายก็มี Charles Kaman (Ovation) และ Dr. John Decker Jr. (Rainsong) เป็นต้นครับ
ที่จริงแค่กดสายปกติก็อาจจะมีผลครับเพียงแต่อาจจะไม่มากเท่ากับการดันสาย เพราะกดสายก็เหมือนกับดันสายนิดๆครับ
แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะรู้สึกได้แน่ชัดขนาดว่าสาย medium รู้สึกเหมือน light gauge ตามที่บทความพูดถึงหรือไม่
น้า pood มี archtop ไม่ทราบว่าเล่นแล้วรู้สึกสายแข็งหรือนิ่มกว่ากีตาร์โปร่งอย่างไรครับ (ที่ความยาวสเกล ขนาดสาย และ action เท่าหรือใกล้เคียงกัน)
ตามหลักไม้หน้าของ archtop จะแข็งกว่า flattop เยอะครับ ถ้าไม่มี tailpiece อาจจะรู้สึกว่าสายแข็งมากเมื่อเทียบกับกีตาร์โปร่ง แต่พอมี tailpiece ช่วยก็น่าจะรู้สึกนิ่มขึ้น
แต่ไม่แน่ใจว่าเมื่อเทียบกับกีตาร์โปร่งแล้วมันจะแข็งหรือนิ่มกว่ากันอย่างไรครับ
ต้องขอโทษด้วยเรื่องว่าเขาจบการศึกษามาทางด้านไหน ผมคงสะเพร่าเองที่อนุมานเอาเองว่าชอบเรียนฟิสิกส์จะต้องจบวิศวกรรมศาสตร์มา
ผมได้ส่งข้อความไปถามทาง Batson guitar เกี่ยวกับประเด็นนี้ และ Grant Batson ได้ตอบมาดังนี้ครับ
First of all, thanks for your interest in our guitars and innovations. It seems that there needs to be some clarification on those comments. Your assumption is true about string tension. The "reduced string tension" we were referring to has more to do with the added "slack" the player feels in the strings while playing on the fretboard. The extra string length makes the strings feel a little more "light". We did not intend to indicate that the actual load of tension was reduced due to the extra length, but there is a feeling of more "flexibility" with the added length as the player experiences the fretboard.
I hope this helps to clarify what we were trying to say.
Thanks so much and please stay in touch.
Cheers!
ผมรู้สึกว่าเสียงของกีต้าร์ยี่ห้อนี้ออกจะค่อนข้างคมในฐานะของคนฟัง อาจเป็นเพราะไม่มี soundhole ก็เป็นได้ แต่ในฐานะของผู้เล่นก็ไม่ทราบว่าเสียงจะออกมาในลักษณะใด แต่ผมคิดเอาเองว่าเสียงคงจะนุ่มนวลกว่านี้ และผู้เล่นเท่านั้นที่จะรับรู้ถึงความไพเราะของเสียงที่ได้จากตัวกีต้าร์ยี่ห้อนี้ เนื่องจากผู้เล่นจะได้ยินเสียงจากกีต้าร์แบบเต็มๆจาก soundport และการที่ไม่มี soundhole ก็อาจทำให้เสียงกีต้าร์ไม่กระจายออกไปด้านอื่นนอกจากเข้าหน้าผู้เล่นแบบเต็มๆ (ในกรณีที่ไม่ต่อแอมป์นะครับ) ดังนั้นผมจึงคิดว่ากีต้าร์ยี่ห้อนี้เป็นกีต้าร์ที่ต้องการให้ผู้เล่นรับรู้ถึงอรรถรสของเสียงจากตัวกีต้าร์มากกว่าต้องการแบ่งปันให้ผู้ฟังได้รับรู้ถึงอรรถรสเช่นนั้น ฉะนั้นถ้าต้องการได้รับรู้ถึงความไพเราะจากกีต้าร์ยี่ห้อนี้ก็ต้อง "เล่นเอง" อย่างเดียว
(21-07-2010, 22:31)boobyblue Wrote: [ -> ]ผมไม่รู้ละว่าใครจะว่าไง?
แต่ผมชอบเสียงกีต้าร์batsonมากเลย
รู้สึกถูกจริตตัวเองดี....
http://www.batsonguitars.com/
ถ้าชอบก็น่าหาซื้อมาลองเล่นดูสักตัวนะครับ รึจะสั่งทำกับช่างไทยดี