14-06-2010, 18:34
หวัดดีครับ หายไปพักใหญ่ครับ สงกรานต์ที่ผ่านมา ผมได้ไปทัศนศึกษากับครอบครัวมาครับ โดยได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น แบบแบกเป้ไปกัน 4 คน trip นี้ใช้เวลา 10 วัน รวมวันเดินทางด้วยครับ โดยจัดตารางท่องเที่ยวดังนี้ครับ
วันที่ 1 โตเกียวดิสนีย์ซี
วันที่ 2 โอซาก้า
วันที่ 3 เมืองนาระ
วันที่ 4 ปราสาทฮิเมจิ เมืองโกเบ
วันที่ 5 เมืองเกียวโต
วันที่ 6 สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ
วันที่ 7 เมืองเกียวโตอีกครั้ง
วันที่ 8 เมืองฮิโรชิมา
ก่อนออกเดินทางผมเจอนายคนนี้ครับ อารมณ์แกดีจริง ๆ ครับ ขอลายเซ็นต์แกมาด้วยนะครับ
พาหนะสำหรับ trip นี้ครับ ผมจองตั๋วเครื่องบินช้าหน่ะครับ เลยได้บินกับ เวียดนามแอร์ไลน์ ราคาปกติไม่แพงนะครับ ปลอดภัยครับ การบริการในเครื่องบินก็ได้มาตรฐานดีครับ อาหารอร่อย แต่ต้องไปต่อเครื่องบินที่ โฮจิมินต์ซิตี้ ครับ รอต่อเครื่อง 3 ชั่งโมงครับ
ภายในสนามบินครับ ผมมานอนรอที่นี่ 3 ชั่วโมงครับ อาคารผู้โดยสารไม่ใหญ่เท่าไรครับ เดินไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็สุดครับ ร้านค้าและร้านอาหาร รับเงินยูเอสดอลล่ากับเงินดอง และ บัตรเครดิตเท่านั้นครับ
ลูกสาวชอบแอร์คนนี้ครับ เลยขอถ่ายรูปด้วย น่ารักดีครับ
และแล้วผมก็ถึง สนามบินนาริตะโดยสวัสดิภาพครับ ที่เห็นเป็นรถขนส่งระหว่างอาคารครับ ไม่มีคนขับครับ
สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากที่ได้ลงจากเครื่องบินครับ คือ เข้าห้องน้ำครับ เป็นการทิ้งความทรงจำอันดีไว้กับสนามบินทุกแห่งที่เดินทางไปถึงครับ ผลก็คือจะไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นกรุ๊ปสุดท้ายครับ
หน้าร้าน Lawson ก่อนเข้าที่พัก
จากนั้นก็รีบไปที่นี่ครับ ผมไปถึงนาริตะประมาณ ?7 โมงเศษ ๆ ก็รีบขึ้นรถไฟไปที่พัก และก็ไปถึง ดิสนีย์ซีประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ครับ
รถไฟในดิสนีซีครับ
หน้าต่างก็มิคกี้ครับ
ประภาคาร ในสวนสนุก
ภูเขาไฟครับ เป็นเครื่องเล่นอินเดียนน่าโจนส์ ครับ สนุกสุด ๆ เครื่องเล่นในสวนสนุกนี้ ต้องรอนานมากครับ สนุกทุกเครื่องครับ แต่ก็สนุกสมกับรอคอยครับ
โรงแรมครับ
และก็จบวันแรกด้วยความสนุกครับ ผมออกจากดิสนีซีประมาณ 4 ทุ่ม ครับ ก็จนเค้าไล่เลยครับ สนุกครับ
วันที่ 2 ผมต้องออกเดินทางอีกครั้งครับ จากโตเกียว ไปโอซาก้า ระยะทางประมาณ 500 กม.ครับ เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลีกอีกที
บรรยากาศบนรถไฟครับ เวลาไปเที่ยวแบบนี้ต้องแบ่งกระเป๋าเป็นใบเล็ก ๆ แล้วถือคนละใบครับ คราวที่แล้วผมรวมของเป็นกระเป๋าเดียว เกือบตายแหนะครับ
ถึงสถานีรถไฟแล้วครับ
ผมนั่งรถไฟซินกันเซ็นครับ ไปโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ ระยะทางประมาณ 500 กม.ครับ (กทม.- เชียงใหม่)
นายตรวจครับ ก่อนเข้ามาตรวจ กับ จะออกจากขบวนรถ แกจะต้องโค้งคำนับทุกครั้ง
ระหว่างทางผมเจอสิ่งนี้ครับ นั่นคือ ภูเขาไฟฟูจิครับ ใหญ่มาก ๆ ครับ แต่วันที่ไปอากาศไม่ค่อยดีเลยเห็นแบบนี้ ทีแรกผมคิดว่าจะเห็นเหมือนภูเขาไกล ๆ เหมือนกับที่เราเห็นในรุป แต่ของจริง ใหญ่มาก ๆ ครับ
และแล้วผมก็มาเดินในโอซาก้าได้โดยสวัสดิภาพครับ
เดินเรื่อย ๆ
ย่านอเมริกามูระ มีแต่วัยรุ่นเต็มไปหมดครับ
ใครว่าญี่ปุ่นไม่มีของก๊อป
สาวโอซาก้าครับ น่ารักมั๊ยครับ ถ่ายระยะเผาขนเลยครับ
ช่วงเย็น ๆ ผมมาเดินที่นี่ครับ ใครไม่มาถ่ายแสดงว่าไม่ได้มาโอซาก้าครับ
คนเดินยังกะมด ที่สังเกตุได้นะครับ ถ้าไปเจอหลังคาโค้งแบบนี้ที่ไหน ตรงนั้นและถนนแห่งการชอปปิ้ง ที่หลายที่ในญี่ปุ่นครับ
อีกรูปครับ ย่านโทดงโบริ
ร้านนี้เลยครับ เป็นร้านที่ต้องมาถ่ายรูป ม่ายงั้นมาไม่ถึงโอซาก้า
ป้ายหน้าร้านสวย ๆ ครับ
ร้านนี้ขายปลาปักเป้าครับ ใครอยากลองเชิญเลยครับ ผมไม่กล้าครับ กลััวปากชา
ปลาตัวใหญ่ครับ
ช่วงเช้าผมไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้ามาครับ สวยตระการตาครับ
ภาพนี้ลูกสาวถ่ายครับ สวยดีครับ เป็นปลาที่อยู่บนหลังคาปราสาทครับ
อีกภาพครับ
ใครอยากใส่ชุดซามูไรใส่เกราะก็ถ่ายได้ครับ
ร้านราเม็ง ครับ อุไม่ (อร่อยสุด ๆ )
บรรยากาศภายในร้านอาหารครับ ไปเที่ยวแบบนี้สนุกไปอีกแบบอยากกินอะไร นั่งตรงไหนนานเท่าไรก็ได้ เพราะเราเป็นคนจัดตารางเที่ยวเอง วันนึงเที่ยวได้เต็มที่ครับ แต่ว่าจะเหนื่อยกว่าไปกับทัวร์นะครับ
ช่วงสาย ๆ ผมก็นั่งรถไฟไปเมืองนาระครับ
มัสคอตของเมืองนาระ เป็นเมืองแห่งกวางครับ
ศาลเจ้าระหว่างทาง
ถึงแล้้วครับ ไฮไลประจำวันนี้ วัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนาระ (เดินไกลจริง ๆ)
กระเบื้องหลังคา คล้าย ๆ บ้านเราเลยครับ เขียนชื่อ ทำบุญ
เสาโทริ ของศาลเจ้าครับ ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ผมชอบถ่ายมุมนี้ครับ
ถังเหล้าสาเกครับ เอาไว้บูชาเทพเจ้า ตามศาลเจ้าครับ
วันนี้ไปปราสาทฮิเมจิครับ
เดินทางโดยซินกันเซ็นเหมือนเดิมครับ
ปราสาทฮิเมจิครับ สวยติดอันดับครับ
ทางเดินไปปราสาท และอุณหภูมิ ประมาณ 18 องศา เลยเดินได้ทั้งวันครับ
ระหว่างทางจะมีรูปปั้นแบบนี้ตลอดทางครับ น้องเนยเลยเป็นนางแบบไปเสียเลย
ช่วงบ่ายไปเมืองโกเบครับ หอคอยโกเบที่ไม่พังไปกับแผ่นดินไหว
ซากแผ่นดินไหว
เมืองโกเบที่สร้างใหม่หลังจากแผ่นดินไหว
ที่เมืองโกเบผมใช้รถเมล์ในการเดินทางครับ
วันนี้ไปเกียวโตครับ เหมือนเดิมครับ ชินกันเซ็น
ร้านค้าในสถานีรถไฟ ออกแบบให้มีกลิ่นอายของเมืองเก่า
วัดทองครับ
วัดเรียวอันจิ ซึ่งจะมีปริศนาหิน 15 ก้อน
แล้วผมก็ไปเจอเธอคนนี้
ย่านกิออน มีเกอิชา ผมเจอแต่ถ่ายเธอไม่ทันครับ
วันนี้ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ โอซาก้าครับ
จากภาพยนต์เรื่อง Water World
จูลาสสิคพาร์ค
อันนี้คนนะครับ แต่แต่งเหมือนแม่ย่านางเรือมากครับ
JAWS
Snoopy World
เกียวโตวันที่ 2 หอคอยเกียวโต อีกมุมนึงครับ
วันนี้ผมไปปราสาทนิโจครับ เป็นปราสาทของโชกุน ยุครุ่งเรือง ถ่ายได้แต่ข้างนอกด้านในเป็นห้อง ห้ามถ่ายแต่สวยมาก ครับถ้าไปเกียวโตห้ามพลาดครับ
ปราสาทนิโจได้ชื่อว่าเป็นปราสาทไนติงเกล เพราะว่าเวลาเดินจะได้ยินเสียงนกไนติลเกลร้อง เป็นเพราะระบบป้องก้นความปลอดภัย หากมีใครเดินเข้ามาในปราสาทได้ยินเสียงเอี๊ยดแอ๊ด เหมือนนกไนติลเกลร้อง และผมก็เอาภาพนกมาฝากด้วยครับ
เวลาเดิน เหล็กที่เป็นเดือยจะสีกับเหล็กอีกชิ้น เลยมีเสียงดังครับ
อันนี้เป็นศาลเจ้าครับจำชื่อไม่ได้แล้ว ผมเห็นว่าส้มดีครับ
วัดน้ำใส ครับ
ช่วงเช้าผมไปเกาะมิยาจิมาครับ ไปดูเสาโทริและวัดลอยน้ำ ส่วนบ่ายก็ไปพิพิธภัณฑ์ฮิโรชิมา
ข้ามไปเกาะโดยเรือเฟอร์รี่ครับ
เสาโทริ ลอยน้ำ
ช่วงบ่ายไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ปรมณู ขอบอกก่อนว่าน่ากลัวมาก
อะตอมมิคโดม
อนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ
ก่อนโดนระเบิด
หลังโดนระเบิด
รอยที่เห็นเค้าเล่าว่าเป็นรอยคนนั่งรอหน้าธนาคาร แล้วเกิดระเบิด คน ๆ นี้ หายวับไปกับตาหลังจากระเบิด แต่แสงระเบิดเดินทางมาถึงก่อนเลยทำให้เป็นรอยดำ ๆ อันนี้เป็นของจริงครับ
คน ๆ นี ได้รับสารกัมมันตรังสี เล็บที่งอกออกมาจะเป็นสีดำแบบนี้ครับ ที่เห็นหมายเลข 34 คือ ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์เค้าจะมีเสียงบรรยายให้เช่าครับ มีภาษาไทยด้วย พอไปถึงเลยอะไรก็กดตามเค้าจะบรรยายให้ทราบเรื่องครับ มีหลายภาษาครับ มีภาษาไทยด้วย แสดงว่าคนไทยไปเยอะครับ
ฝนดำของแท้ครับ เป็นฝนที่ตกหลังจากเกิดระเบิดแล้วครับ เป็นฝนกัมมันตรังสีครับ
เมืองฮิโรชิมา เป็นเมืองแห่งรถรางครับ มีทั่วเมืองเลยครับ
วันที่ 1 โตเกียวดิสนีย์ซี
วันที่ 2 โอซาก้า
วันที่ 3 เมืองนาระ
วันที่ 4 ปราสาทฮิเมจิ เมืองโกเบ
วันที่ 5 เมืองเกียวโต
วันที่ 6 สวนสนุกยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ
วันที่ 7 เมืองเกียวโตอีกครั้ง
วันที่ 8 เมืองฮิโรชิมา
ก่อนออกเดินทางผมเจอนายคนนี้ครับ อารมณ์แกดีจริง ๆ ครับ ขอลายเซ็นต์แกมาด้วยนะครับ
พาหนะสำหรับ trip นี้ครับ ผมจองตั๋วเครื่องบินช้าหน่ะครับ เลยได้บินกับ เวียดนามแอร์ไลน์ ราคาปกติไม่แพงนะครับ ปลอดภัยครับ การบริการในเครื่องบินก็ได้มาตรฐานดีครับ อาหารอร่อย แต่ต้องไปต่อเครื่องบินที่ โฮจิมินต์ซิตี้ ครับ รอต่อเครื่อง 3 ชั่งโมงครับ
ภายในสนามบินครับ ผมมานอนรอที่นี่ 3 ชั่วโมงครับ อาคารผู้โดยสารไม่ใหญ่เท่าไรครับ เดินไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็สุดครับ ร้านค้าและร้านอาหาร รับเงินยูเอสดอลล่ากับเงินดอง และ บัตรเครดิตเท่านั้นครับ
ลูกสาวชอบแอร์คนนี้ครับ เลยขอถ่ายรูปด้วย น่ารักดีครับ
และแล้วผมก็ถึง สนามบินนาริตะโดยสวัสดิภาพครับ ที่เห็นเป็นรถขนส่งระหว่างอาคารครับ ไม่มีคนขับครับ
สิ่งแรกที่ผมทำหลังจากที่ได้ลงจากเครื่องบินครับ คือ เข้าห้องน้ำครับ เป็นการทิ้งความทรงจำอันดีไว้กับสนามบินทุกแห่งที่เดินทางไปถึงครับ ผลก็คือจะไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นกรุ๊ปสุดท้ายครับ
หน้าร้าน Lawson ก่อนเข้าที่พัก
จากนั้นก็รีบไปที่นี่ครับ ผมไปถึงนาริตะประมาณ ?7 โมงเศษ ๆ ก็รีบขึ้นรถไฟไปที่พัก และก็ไปถึง ดิสนีย์ซีประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ครับ
รถไฟในดิสนีซีครับ
หน้าต่างก็มิคกี้ครับ
ประภาคาร ในสวนสนุก
ภูเขาไฟครับ เป็นเครื่องเล่นอินเดียนน่าโจนส์ ครับ สนุกสุด ๆ เครื่องเล่นในสวนสนุกนี้ ต้องรอนานมากครับ สนุกทุกเครื่องครับ แต่ก็สนุกสมกับรอคอยครับ
โรงแรมครับ
และก็จบวันแรกด้วยความสนุกครับ ผมออกจากดิสนีซีประมาณ 4 ทุ่ม ครับ ก็จนเค้าไล่เลยครับ สนุกครับ
วันที่ 2 ผมต้องออกเดินทางอีกครั้งครับ จากโตเกียว ไปโอซาก้า ระยะทางประมาณ 500 กม.ครับ เลยถ่ายรูปเป็นที่ระลีกอีกที
บรรยากาศบนรถไฟครับ เวลาไปเที่ยวแบบนี้ต้องแบ่งกระเป๋าเป็นใบเล็ก ๆ แล้วถือคนละใบครับ คราวที่แล้วผมรวมของเป็นกระเป๋าเดียว เกือบตายแหนะครับ
ถึงสถานีรถไฟแล้วครับ
ผมนั่งรถไฟซินกันเซ็นครับ ไปโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ ระยะทางประมาณ 500 กม.ครับ (กทม.- เชียงใหม่)
นายตรวจครับ ก่อนเข้ามาตรวจ กับ จะออกจากขบวนรถ แกจะต้องโค้งคำนับทุกครั้ง
ระหว่างทางผมเจอสิ่งนี้ครับ นั่นคือ ภูเขาไฟฟูจิครับ ใหญ่มาก ๆ ครับ แต่วันที่ไปอากาศไม่ค่อยดีเลยเห็นแบบนี้ ทีแรกผมคิดว่าจะเห็นเหมือนภูเขาไกล ๆ เหมือนกับที่เราเห็นในรุป แต่ของจริง ใหญ่มาก ๆ ครับ
และแล้วผมก็มาเดินในโอซาก้าได้โดยสวัสดิภาพครับ
เดินเรื่อย ๆ
ย่านอเมริกามูระ มีแต่วัยรุ่นเต็มไปหมดครับ
ใครว่าญี่ปุ่นไม่มีของก๊อป
สาวโอซาก้าครับ น่ารักมั๊ยครับ ถ่ายระยะเผาขนเลยครับ
ช่วงเย็น ๆ ผมมาเดินที่นี่ครับ ใครไม่มาถ่ายแสดงว่าไม่ได้มาโอซาก้าครับ
คนเดินยังกะมด ที่สังเกตุได้นะครับ ถ้าไปเจอหลังคาโค้งแบบนี้ที่ไหน ตรงนั้นและถนนแห่งการชอปปิ้ง ที่หลายที่ในญี่ปุ่นครับ
อีกรูปครับ ย่านโทดงโบริ
ร้านนี้เลยครับ เป็นร้านที่ต้องมาถ่ายรูป ม่ายงั้นมาไม่ถึงโอซาก้า
ป้ายหน้าร้านสวย ๆ ครับ
ร้านนี้ขายปลาปักเป้าครับ ใครอยากลองเชิญเลยครับ ผมไม่กล้าครับ กลััวปากชา
ปลาตัวใหญ่ครับ
ช่วงเช้าผมไปเยี่ยมชมปราสาทโอซาก้ามาครับ สวยตระการตาครับ
ภาพนี้ลูกสาวถ่ายครับ สวยดีครับ เป็นปลาที่อยู่บนหลังคาปราสาทครับ
อีกภาพครับ
ใครอยากใส่ชุดซามูไรใส่เกราะก็ถ่ายได้ครับ
ร้านราเม็ง ครับ อุไม่ (อร่อยสุด ๆ )
บรรยากาศภายในร้านอาหารครับ ไปเที่ยวแบบนี้สนุกไปอีกแบบอยากกินอะไร นั่งตรงไหนนานเท่าไรก็ได้ เพราะเราเป็นคนจัดตารางเที่ยวเอง วันนึงเที่ยวได้เต็มที่ครับ แต่ว่าจะเหนื่อยกว่าไปกับทัวร์นะครับ
ช่วงสาย ๆ ผมก็นั่งรถไฟไปเมืองนาระครับ
มัสคอตของเมืองนาระ เป็นเมืองแห่งกวางครับ
ศาลเจ้าระหว่างทาง
ถึงแล้้วครับ ไฮไลประจำวันนี้ วัดหลวงพ่อโตแห่งเมืองนาระ (เดินไกลจริง ๆ)
กระเบื้องหลังคา คล้าย ๆ บ้านเราเลยครับ เขียนชื่อ ทำบุญ
เสาโทริ ของศาลเจ้าครับ ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว แต่ผมชอบถ่ายมุมนี้ครับ
ถังเหล้าสาเกครับ เอาไว้บูชาเทพเจ้า ตามศาลเจ้าครับ
วันนี้ไปปราสาทฮิเมจิครับ
เดินทางโดยซินกันเซ็นเหมือนเดิมครับ
ปราสาทฮิเมจิครับ สวยติดอันดับครับ
ทางเดินไปปราสาท และอุณหภูมิ ประมาณ 18 องศา เลยเดินได้ทั้งวันครับ
ระหว่างทางจะมีรูปปั้นแบบนี้ตลอดทางครับ น้องเนยเลยเป็นนางแบบไปเสียเลย
ช่วงบ่ายไปเมืองโกเบครับ หอคอยโกเบที่ไม่พังไปกับแผ่นดินไหว
ซากแผ่นดินไหว
เมืองโกเบที่สร้างใหม่หลังจากแผ่นดินไหว
ที่เมืองโกเบผมใช้รถเมล์ในการเดินทางครับ
วันนี้ไปเกียวโตครับ เหมือนเดิมครับ ชินกันเซ็น
ร้านค้าในสถานีรถไฟ ออกแบบให้มีกลิ่นอายของเมืองเก่า
วัดทองครับ
วัดเรียวอันจิ ซึ่งจะมีปริศนาหิน 15 ก้อน
แล้วผมก็ไปเจอเธอคนนี้
ย่านกิออน มีเกอิชา ผมเจอแต่ถ่ายเธอไม่ทันครับ
วันนี้ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ โอซาก้าครับ
จากภาพยนต์เรื่อง Water World
จูลาสสิคพาร์ค
อันนี้คนนะครับ แต่แต่งเหมือนแม่ย่านางเรือมากครับ
JAWS
Snoopy World
เกียวโตวันที่ 2 หอคอยเกียวโต อีกมุมนึงครับ
วันนี้ผมไปปราสาทนิโจครับ เป็นปราสาทของโชกุน ยุครุ่งเรือง ถ่ายได้แต่ข้างนอกด้านในเป็นห้อง ห้ามถ่ายแต่สวยมาก ครับถ้าไปเกียวโตห้ามพลาดครับ
ปราสาทนิโจได้ชื่อว่าเป็นปราสาทไนติงเกล เพราะว่าเวลาเดินจะได้ยินเสียงนกไนติลเกลร้อง เป็นเพราะระบบป้องก้นความปลอดภัย หากมีใครเดินเข้ามาในปราสาทได้ยินเสียงเอี๊ยดแอ๊ด เหมือนนกไนติลเกลร้อง และผมก็เอาภาพนกมาฝากด้วยครับ
เวลาเดิน เหล็กที่เป็นเดือยจะสีกับเหล็กอีกชิ้น เลยมีเสียงดังครับ
อันนี้เป็นศาลเจ้าครับจำชื่อไม่ได้แล้ว ผมเห็นว่าส้มดีครับ
วัดน้ำใส ครับ
ช่วงเช้าผมไปเกาะมิยาจิมาครับ ไปดูเสาโทริและวัดลอยน้ำ ส่วนบ่ายก็ไปพิพิธภัณฑ์ฮิโรชิมา
ข้ามไปเกาะโดยเรือเฟอร์รี่ครับ
เสาโทริ ลอยน้ำ
ช่วงบ่ายไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ปรมณู ขอบอกก่อนว่าน่ากลัวมาก
อะตอมมิคโดม
อนุสาวรีย์เด็กหญิงซาดาโกะ
ก่อนโดนระเบิด
หลังโดนระเบิด
รอยที่เห็นเค้าเล่าว่าเป็นรอยคนนั่งรอหน้าธนาคาร แล้วเกิดระเบิด คน ๆ นี้ หายวับไปกับตาหลังจากระเบิด แต่แสงระเบิดเดินทางมาถึงก่อนเลยทำให้เป็นรอยดำ ๆ อันนี้เป็นของจริงครับ
คน ๆ นี ได้รับสารกัมมันตรังสี เล็บที่งอกออกมาจะเป็นสีดำแบบนี้ครับ ที่เห็นหมายเลข 34 คือ ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์เค้าจะมีเสียงบรรยายให้เช่าครับ มีภาษาไทยด้วย พอไปถึงเลยอะไรก็กดตามเค้าจะบรรยายให้ทราบเรื่องครับ มีหลายภาษาครับ มีภาษาไทยด้วย แสดงว่าคนไทยไปเยอะครับ
ฝนดำของแท้ครับ เป็นฝนที่ตกหลังจากเกิดระเบิดแล้วครับ เป็นฝนกัมมันตรังสีครับ
เมืองฮิโรชิมา เป็นเมืองแห่งรถรางครับ มีทั่วเมืองเลยครับ