NimitGuitar webboard

Full Version: ป้าเหมียว ? ภรรยาน้าแมว เสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ น้าแมว
ป้าเหมียวพักผ่อนให้สบายนะครับ ผมคงไปร่วมงานด้วยไม่ได้
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
ขอบคุณทุกท่านมากนะครับ เหมียวจะต้องดีใจที่เห็นว่ามีคนรักเขามากขนาดนี้
ผมขอเขียนเรื่องราวและระบายความในใจไว้ที่กระทู้นี้ด้วยครับ
==============

เหมียว..ผู้เป็นที่รัก

ผมกับเหมียวเป็นเพื่อนกันมาก่อนตั้งแต่ช่วงแรกๆที่เหมียวไปเรียนที่อเมริกา เราเป็นเพื่อนกันเรื่อยมาหลายปี จนกระทั่ง เหมียวเรียนจบและบินกลับมาเมืองไทยก่อนผม ช่วงที่ผมใกล้เรียนจบ เราคุย msn กันบ่อยขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ จนตกลงเป็นแฟนกัน ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ ที่เราคุยกันผ่านตัวหนังสือและโทรศัพท์ ส่งภาพให้ดู เราส่งโปสการ์ดหากันโต้ตอบเป็นกลอนแปดที่เราชอบแต่งกัน เราเฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอกัน ในวันที่ผมเดินทางกลับเมืองไทย ผมตื่นเต้นมาก คิดมาตลอดทางว่า ความสัมพันธ์ของเราจะดำเนินต่อไปอย่างไร

ก่อนที่ผมจะรู้จักและได้คบกับเหมียว ผมเองก็เคยมีแฟนแล้วก็เลิกกันไปอยู่ 2-3 คน ซึ่งก็คงเหมือนหลายๆคู่ ที่ใหม่ๆก็หวานชื่น พอนานไปก็เริ่มทะเลาะกัน ความรักเริ่มจืดจางและเลิกรากันไปตั้งแต่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

ณ เวลานั้น ใจผมบอกว่า ความรู้สึกที่ผมมีต่อเหมียวนั้นมันช่างต่างจากทุกคนที่ผมเคยคบมา มันเป็นความสุขที่เปี่ยมล้น แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้ผมตระหนักว่า นานวันเข้า ก็คงเป็นเหมือนที่ผ่านมา และเหมือนคู่อื่นๆ เราก็คงเห็นข้อเสียกันมากขึ้น ทะเลาะกันมากขึ้น ความรัก ความหวานมันก็คงค่อยๆจางไป กระนั้น ผมก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นเรื่องเลวร้ายอะไร ถ้าเรายังสามารถประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่ได้ เพราะความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตคู่ที่มีทั้งสุขและทุกข์ มันยังมีองค์ประกอบอื่นๆมากกว่าความรัก ความหวาน ณ เวลานั้น ผมเพียงรู้สึกว่า ถ้าความรักมันจืดจางลง ก็คงจะน่าเสียดายความรู้สึกสุขอย่างเปี่ยมล้นแบบนี้อยู่บ้าง

ด้วยความที่บ้านเราอยู่ไม่ไกลกันมาก ทำให้ผมไปหาเหมียวได้ค่อนข้างบ่อย เราเรียนรู้กันและกันมากขึ้น เรารู้จักครอบครัวของอีกฝ่าย น่าแปลกที่มันต่างจากที่ผมคิดไว้ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีราวกับภาพฝัน เราไม่เคยทะเลาะกันเลย อย่างมากก็แค่งอนเล็กๆ เราพบว่า เราเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่คล้ายๆกัน ครอบครัวของเราทั้งสองให้การต้อนรับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี และยิ่งเรารู้จักกันและกันมากขึ้น ความรู้สึกที่มีให้กันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ผมพบว่า ผมอยากใช้เวลาร่วมกับเหมียวทุกครั้งที่มีเวลาว่าง น่าแปลกที่ความรู้สึกอันเปี่ยมล้นนั้นคงอยู่นานมากกว่าที่ผมคิด เหมียวเองก็บอกว่า เหมียวรู้สึกเช่นเดียวกัน ...ยิ่งนานวัน เราก็ยิ่งเชื่อว่า อีกฝ่ายคือคนที่เรารอคอย

เราคบกันอยู่ประมาณปีเศษจึงแต่งงานกัน เหมียวย้ายมาช่วยงานธุรกิจของครอบครัวผม ในช่วงแรกเราทำงานกันคนละที่ ต่อมาทางโรงงานที่ผมดูแลขาดคน เลยให้เหมียวมาช่วยดูแลด้วยกัน นั่นทำให้ผมอยู่กับเหมียวแทบจะตลอดเวลาของชีวิต ตั้งแต่ตื่นนอน เดินทาง ทำงาน ทานข้าว กลับบ้าน จนถึงเวลานอน...

ก่อนหน้านั้น ผมเคยคิดว่า ผมคงอยู่กับใครทั้งวันขนาดนั้นไม่ได้ ผมยังอยากมีเวลาส่วนตัว มีโลกส่วนตัว ลึกๆในใจผมยังเกรงว่า นานไปอาจจะมีปัญหาที่เกิดจากตัวผมเอง...

แต่ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด ผมกลับพบว่า ผมมีความสุขมากกว่าเดิมที่ได้เจอเหมียวตลอดเวลา เหมียวเป็นที่ปรึกษาที่ดีเยี่ยมทั้งเรื่องที่ทำงาน เรื่องที่บ้าน เรื่องเพื่อน ทุกๆเรื่องที่ผมต้องการความเห็น เวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็จะโทรหากันอยู่เสมอ บ่อยครั้งที่เราบอกคิดถึงกัน ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆที่เราต้องห่างกัน

เราแต่งงานกันประมาณสองปี เหมียวก็ตั้งครรภ์ ตั้งแต่รู้ว่าท้อง เหมียวก็พยายามศึกษาหาข้อมูล เพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูก ระมัดระวังและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี และเมื่อถึงเวลา เหมียวก็ให้กำเนิดลูกสาวที่น่ารักของเรา-เปเป้ เปเป้เกิดมาแข็งแรง มีดวงตาโตสดใส และนับวันก็ยิ่งน่ารัก เหมียวทุ่มเทให้กับเปเป้มาก ยอมเสียเวลาและยอมลำบากกว่าอยู่เสมอ หากสิ่งนั้นจะดีและปลอดภัยกับลูกมากขึ้นแม้จะอีกเล็กน้อย เหมียวพูดอยู่เสมอว่า "เหมียวรักเปเป้มาก....มากเกินกว่าที่เหมียวเคยคิดตอนก่อนมีลูก เหมียวจะให้สิ่งดีที่สุดกับลูก" บ่อยครั้งที่เหมียวกอดเปเป้ แล้วบอกว่า "เปเป้ ม้ารักเปเป้นะ...ร้าก รัก" เปเป้ก็มักจะกอดคอเหมียวแน่นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ชีวิตคู่ของเราเปลี่ยนไปหลังจากมีลูก มันเป็นประสบการณ์ใหม่ของเราสองคน และแน่นอนว่า มันเป็นความแปลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุข ผมรู้สึกว่า เราแนบแน่นกันมากขึ้น เวลาขับรถไปข้างนอก เรามักจะพูดกันอยู่เสมอว่า ไม่น่าเชื่อเลยว่า จากวั้นนั้นที่เป็นเพื่อนกันเราจะมีวันนี้-วันที่มีเปเป้อยู่บนตักอย่างนี้ ตอนนั้นที่เราเป็นเพื่อนกัน เรายังไปที่โน่นที่นี่ด้วยกัน ตอนนั้น เรายังไม่ได้คิดอะไร แล้วเราก็ไม่ได้ติดต่อกันตั้งนาน ฯลฯ บทสนทนามักจะจบลงอย่างสั้นๆ พูดถึงเรื่องเก่าๆสมัยที่เราเป็นเพื่อนกัน ซึ่งมักจะเป็นเหตุการณ์ต่างๆ เวลาคุยเรื่องเหล่านี้ ถึงแม้เราจะไม่ได้พูดคุยถึงความรู้สึกมากนัก แต่ในใจเราสองคนรับรู้อยู่ตลอดว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มคบกัน มันเป็นการเดินทางร่วมกันที่เต็มไปด้วยความสุข

ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เราแทบไม่เคยทะเลาะกันเลย เมื่อมีปัญหาเราจะคุยกันดีๆ, ขอโทษ และให้อภัยกันอยู่เสมอ ผมยังจำได้ว่า ครั้งหนึ่ง เหมียวรู้สึกว่า เหมียวพูดกับผมแรงไป หลังจากนั้นไม่นาน ช่วงทานข้าวกลางวัน เหมียวพูดขึ้นมาว่า "โกรธมั้ย ที่เมื่อกี้เหมียวพูดกับแมวอย่างนั้น" แม้ผมจะรู้สึกไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้คิดโกรธเหมียวเลย เพราะอันที่จริงแล้ว เหมียวก็มีเหตุที่สมควรอยู่ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น เหมียวคำนึงถึงความรู้สึกผมจนมาเอ่ยปากขอโทษ ผมถามตัวเองและคิดว่า การแค่บอกว่าไม่โกรธ มันไม่ใช่ความรู้สึกทั้งหมดในเวลานั้น สุดท้ายผมไม่ได้ตอบเหมียวว่าโกรธหรือไม่ ผมบอกเหมียวว่า "เหมียว ตั้งแต่เราใช้ชีวิตร่วมกันมา เราไม่เคยเสียใจเลยสักครั้งที่เราได้แต่งงานกับเหมียว การได้แต่งงานกับเหมียวคือ สิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา" เหมียวหยุดนิ่งไปสักพัก น้ำตาไหลและพูดขึ้นมาว่า "เหมียวก็เหมือนกัน" ผมบอกรักเหมียว และเหมียวก็บอกรักผม นั่นเป็นความทรงจำที่ดีครั้งหนึ่ง และเป็นเรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เราใช้ชีวิตด้วยกันหลายปี ซึ่งผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า ความรักหลังแต่งงานจะยังคงเปี่ยมล้น และดูเหมือนว่ามันจะมากขึ้นเรื่อยๆเช่นนี้

ผมมักจะสมมตินั่นสมมตินี่มาถามเหมียวเล่นๆ เช่น ถ้าให้เลือกอย่างนี้แต่ต้องเป็นอย่างนั้น จะเอามั้ย หรือไม่ก็ ถ้าให้เงินเท่านี้แลกกับอันนี้เอามั้ย ฯลฯ หลายๆครั้งที่คำตอบของเหมียวคือ "เหมียวว่า ชีวิตตอนนี้เหมียวมีความสุขมากแล้ว เหมียวไม่คิดว่า เหมียวขาดอะไร หรือ เหมียวจะต้องการอะไรอีก" และผมเชื่อเช่นนั้นจริงๆ

ผมรู้ตัวดีว่า ผมไม่ใช่สามีที่สมบูรณ์แบบ ยิ่งถ้าเทียบกับการทำหน้าที่ภรรยาของเหมียวแล้ว นับว่า ยังขาดตกบกพร่องอยู่มาก แต่ผมเชื่อว่า เหมียวมีความสุขมากในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตร่วมกัน และผมเองก็มีความสุขมาก...มันเป็นชีวิตคู่ที่มีความสุขมาก

เหมียวไม่เพียงเป็นคนที่มีความสุข แต่ยังเป็นคนที่พยายามทำให้คนอื่นมีความสุขทุกครั้งที่มีโอกาส เหมียวมีความสุขที่ได้ทำ ที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุข เหมียวเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม ไม่เคยคิดร้ายกับใคร

ไม่ว่าจะในบทบาทไหน เหมียวก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม เหมียวเป็นลูกที่ดี ภรรยาที่ดี พี่น้องที่ดี เพื่อนที่ดี และแม่ที่ดี หรือ แม้แต่คนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกัน ถ้าเหมียวช่วยได้เหมียวก็พร้อมจะช่วยเหลือ

---
---
ส่วนตัวผมเองแล้ว การที่ผมใช้ชีวิตในแต่ละวันโดยที่มีเหมียวอยู่ด้วยแทบจะตลอดเวลา ทำให้เหมียวเป็นเหมือนอีกครึ่งชีวิตของผม เราทำงานด้วยกัน ทานข้าวด้วยกัน กลับบ้านเลี้ยงลูกด้วยกัน ไปฟิตเนส ไปตีแบด ไปเที่ยว ไปเดินห้าง ไปเยี่ยมญาติ, เยี่ยมเพื่อนด้วยกัน และผมไม่เคยเบื่อเลยที่จะได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับเหมียว ช่วงเช้าเหมียวจะเข้าออฟฟิศทีหลังผมเพราะเหมียวต้องส่งเปเป้ไปโรงเรียน และเคลียร์งานเอกสารที่บ้านก่อน เมื่อส่งเปเป้เสร็จ เหมียวก็จะโทรถามว่า กินอะไรยัง ให้แวะซื้ออะไรให้มั้ย ช่วงทานข้าวกลางวัน เรามักจะคุยกันเรื่องปัญหาในโรงงาน และคิดหาวิธีแก้ปัญหาด้วยกัน เลิกงาน เราก็กลับบ้านไปเล่นกับลูก หรือไม่ก็ไปฟิตเนสด้วยกันบ้าง พาเปเป้ไปข้างนอกบ้าง และก่อนนอนทุกคืน เหมียวจะเป็นคนแปรงฟัน และ ผมจะเปลี่ยนแพมเพอร์สให้เปเป้

แน่นอนว่า การจากไปของเหมียวมีผลกระทบกับชีวิตผมอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมที่ผมทำอยู่ในชีวิตประจำวัน หรือแผนการที่วางไว้ว่าจะทำร่วมกัน ทุกๆที่ ทุกๆอย่างที่ผมดำเนินชีวิตอยู่ มีเหมียวอยู่ในนั้นทั้งหมด ความเคยชินเหล่านั้นที่ต่อเนื่องมาหลายปี อยู่มาวันหนึ่งก็หายไปโดยที่ไม่มีเวลาตั้งตัว และที่โหดร้ายสำหรับผมมากคือ มันเป็นความเคยชินที่เต็มไปด้วยความสุข และ การหายไปนั้นไม่มีวันกลับคืน...มันคือ ครึ่งชีวิตที่หายไป

ผมไม่อาจจะบรรยายความเสียใจที่เกิดขึ้นครั้งนี้ออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ผมเชื่อว่า เหมียวจะต้องอยากเห็นผมก้าวต่อไปอย่างเข้มแข็ง อยากให้ผมมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุข..ถึงแม้ทุกอย่างจะต่างไปจากช่วงเวลาที่เหมียวยังอยู่ เหมียวอยากเห็นผมเลี้ยงเปเป้ให้ดีที่สุด ให้เป็นคนดีอย่างที่เค้าพยายามและตั้งใจมาตลอด

เหมียว...เหมียวจะอยู่ในใจเราตลอดไป เราภูมิใจและดีใจที่ชาตินี้ได้เกิดมาใช้ชีวิตร่วมกัน ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นานนักแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่เรามีความสุขมากๆ ชาติหน้าขอให้เราได้เกิดมาคู่กันอีก ชาตินี้เหมียวไม่ต้องห่วงนะ หลับให้สบาย เราจะดูแลเปเป้ให้ดีที่สุด

รักเหมียวตลอดไป
แมว
ขอแสดงความเสียใจด้วยจริงๆครับ
ผมเจอคุณเหมียวครั้งแรกตอนจูงมือน้องเปเป้ไปงานที่บ้านพี่ป๋อ มีโอกาสพูดคุยกันไม่นาน
ผมเจอเด็กเล็ก สิ่งแรกที่มองคือ ดวงตา และคำถามแรกที่ผมถามเค้าคือ เด็กคนนี้(เปเป้) ตาโตสวย เป็นประกาย เหมือนใครครับ
ตอนแรกนึกว่าเหมือนแม่ แต่เค้าบอกว่า เหมือนพ่อ จากนั้นก็พูดคุยกันอีกสองสามประโยคแล้วก็แยกกันไป

ในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ผมเสียพ่อ พี่สาว 2 คน น้องชาย 1 คน รวม 4 คนแล้ว
เข้าใจถึงความสูญเสียดี แต่ความรู้สึกสูญเสียภรรยาของน้าแมวน่าจะมากกว่าผมร้อยหลายเท่า
เพราะส่วนของผมเป็นช่วงเวลาที่รู้ถึงเหตูการณ์ที่จะเกิดขึ้น และพร้อมเตรียมใจตลอดเวลา
อีกทั้ง..ผมเติบโตมาแบบต่อสู้ เจอเรื่องร้ายๆมาเยอะจึงมองทุกอย่างเป็นสัจธรรม ไม่ฟูมฟาย

ยังมีหนทางที่ยาวไกลที่ต้องเดินไปพร้อมกับเปเป้ ขอเป็นกำลังใจให้ครับ..Wink
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ....คนสองคนหากเกิดมาคู่กันแล้วไม่มีอะไรพรากจากกันได้หรอกครับ.....
ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งอีกครั้งนะครับ
ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ
The LORD is my shepherd, I shall not be in want.
He makes me lie down in green pastures,
he leads me beside quiet waters,

he restores my soul.
He guides me in paths of righteousness
for his name's sake.

Even though I walk
through the valley of the shadow of death,
I will fear no evil, for you are with me;
your rod and your staff, they comfort me.

You prepare a table before me
in the presence of my enemies.
You anoint my head with oil;
my cup overflows.

Surely goodness and love will follow me
all the days of my life,
and I will dwell in the house of the LORD
forever.

ขอพระเจ้าสถิตย์อยู่กับครอบครัวของน้าแมวตลอดไปครับ
ด้วยความเคารพ
เด่น
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
Pages: 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14