NimitGuitar webboard

Full Version: เรื่องเล่าเเบบหัทยา.... ดนตรีที่ว่างเปล่า
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
กลับมาเล่าอีกครั้งครับ



เรื่องเล่าเเบบหัทยา ..... ดนตรีที่ว่างเปล่า





จากที่ผ่านๆมาเหมือนชอบไปพูดในที่ๆไม่น่าพูด พิมพ์พ่นในที่ๆน่าจะไม่เกิดประโยชน์อะไร

อ่ะเรากลับมาพิมพ์เล่าเรื่องเเถวๆนี้อีกละกัน ที่ๆนี่เป็นเหมือนที่เเรกๆที่หัดพิมพ์หัดเล่าเรื่องอะไรออกมาเป็นอักษร


เวลาไม่มากนัก อยากคุยยาวๆนะครับ คิดถึงพี่น้องที่นี่มากเเต่ไม่ค่อยมีโอกาสดีๆเลยRolleyes

เข้าเรื่องละกัน มันคือประสพการณ์ที่ไม่รู้ว่าไปไงมาไง ผมเเค่ไม่สบาย รู้สึกอยากพักผ่อน ก็จึงเริ่มเดินทาง

จากนานๆที กลายเป็นทุกอาทิตย์อีกเเล้ว จริงๆเคยมีชีวิตเเบบนี้ช่วงหนึ่ง เเต่นั่นคือที่ๆเดียว ทะเลหัวหิน กลุ่มคนเดิมๆเรารู้จัก เราควบคุมได้

คราวนี้ต่างไป ทุกอาทิตย์เหมือนกัน เเต่ไม่ค่อยได้เล่นดนตรีนะ ต้องคอยไปเจอคนโน้นคนนี้ที่ไม่รู้จัก พูดคุยสื่อสารกับเเทบทุกๆคนที่ได้เจอใหม่ๆ


คราวนี้ก็เป็นการผจญภัยอีกครั้ง




ทำยังไงดีเมื่อต้องเเสดงดนตรีในที่ประชุมการเมือง....??

ผมเคยสงสัย เเล้ววันนึงก็ต้องเจอเองจนได้



9/ 05 /10 เเสดงดนตรีให้เวทีสนทนาปัญหาบ้านเมืองที่ธรรมศาสตร์

เสวนา "ล้อมวงผ่าวิกฤติระบบนิเวศประชาธิปไตย"

ผมไม่เคยย่างเข้าท่าพระจันทร์หรือธรรมศาสตร์มานานมากเเล้ว จำได้ล่าสุดไปมั่วๆเข้าห้องเรียนอบรมอะไรสักอย่างในศิลปกร


วันมีพี่ท่านนึงอัญเชิญไป ด้วยความที่เรากลัวเเต่งตัวไม่เหมาะสมเนื่องจากช่วงนี้จะใส่เเต่ชุดผ้าๆบางๆสั้นๆผ้าไทยพื้นเมืองผมจะนิยมมากๆ รองเท้ามิดชิด กางเกงขายาวนี้เเทบหาไม่เจอ ผมจึงคิดมากเรื่องจัดการเครื่องเเต่งตัวให้เหมาะกับงาน

เเต่เเล้วพอไปถึงที่ธรรมศาสตร์เเล้ว เจอพี่เค้าทัก...


"เอ้าหนึ่ง กีตาร์เอาไว้ไหนหล่ะ เห็นดูตัวปลิวๆ"


ผมรีบตอบเเบบเนียนๆไปว่า

" อ๋อ กระบี่อยุ่ที่ใจครับพี่ "

เเต่ในใจนั้นคิดว่า เวรละตรู ทำไงดีฟระเวลาก็ใกล้มาเเล้ว



เอาย่อๆนะครับเป็นอันว่า.....

ก็เอาตัวรอดไปได้อีกงานจนได้ครับ ก็พอทนได้ในเเบบที่เห็น^^


จบเลวมากหักดิบสุดๆ...5555 เวลาผมหายไปไหนหมดนะนี่Sad



สิ่งที่รู้สึกคือ...หนักใจเเต่สุขใจอย่างประหลาด กับผู้ทรงความรู้มากมายนี่หล่ะนะ

เราจะได้พูดในเเบบของเราเเล้ว....เย้ๆๆๆๆๆๆๆCool

เเต่จะพูดคุยยังไงดีฟระ Sadนั่นคือคำถามในใจตอนเเรก



"เเต่ชั้นก็คือชั้นนี่เเหละ อย่าคิดอะไร ให้ใจมันทำงานของมันซะ................"



นัยยะของ lennon จึงถูกขยายเล่าขานอีกครั้ง....โดยเจ้าบ้าคนนี้ในที่สุดBig Grin



พอดีเปิดกล้องอัดไว้ก็เลยตัดตอนมาบางส่วนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น หวังว่าคงจะมีสาระประโยชน์บ้าง



เเล้วเจอกันอีกครับ มีตอนต่อนะดนตรีปิดประชุมนี้ ดูละจะฮา^^





อีกตอนนะครับตอนที่ 2



หนักใจเเต่สุขใจอย่างประหลาด?

กับผู้ทรงความรู้มากมายนี่หล่ะ... เราจะได้พูดในเเบบของเราเเล้ว....?

เเต่จะพูดคุยยังไงดีฟระ นั่นคือคำถามในใจตอนเเรก เเต่ชั้นก็คือชั้นนี่เเหละ อย่าคิดอะไร ให้ใจมันทำงานของมันซะ"



คราวนี้เหมือนต้องกล่าวปิดงานด้วยเสียงดนตรีSad

นักวิชาการ ดร. นักโน่นนี่สารพัดเเสดงความคิด ความเห็นกันไปเเล้ว

ชั้นจะเล่นอะไรออกไปได้ฟระเนี่ย?? ความกดดันน้อยๆทวีตัวมากขึ้นเมื่อใกล้ถึงเวลา

เเต่ชั้นรู้ ชั้นคือ ชั้นเองนี่เเหละ

เเล้วทุกสิ่งก็ผ่านไปอย่างน่าพอใจ^^



เเล้วเราก็ใช้ดนตรีของเราเเสดงความคิดเห็นได้^^ ดีใจที่ได้ทำอะไระดีๆเเบบนี้



อยากให้ได้ดูนะครับว่าเล่าเรื่องจบงานนั้นได้อย่างไร


ดีใจที่เป็นคนไทยที่มีพี่น้องรักชาติบ้านเมืองอย่างนี้

หลังจากเเสดงอะไรนั่นไปก็งานเข้าหล่ะครับ อะไรยังไง มีเวลาจะหนีมาเล่าสู่กันฟัง

เเล้วเจอกันอีกครับ ^^



ป.ล ปะติดปะต่อน่าดูครับ จริงๆเขียนไปลงที่อื่นไว้เเต่อยากเอามารวบรวมที่นี่ให้เป็นเรื่องราวต่อเนื่อง


ขอพลังจงอยู่คู่ท่านครับ พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง



หัทยา สงวนสิน
โอ้ววว...ชอบเพลงเดียวกันเลย

เวลาผมสันสน....ความสงัด....คือบทเพลงที่ไพเราะที่สุดWink
(14-05-2010, 12:25)karn Wrote: [ -> ]โอ้ววว...ชอบเพลงเดียวกันเลย

เวลาผมสันสน....ความสงัด....คือบทเพลงที่ไพเราะที่สุดWink


มีครั้งนึงหลายปีก่อนในงานคอนเสิร์ตของพี่มาโนช พุฒตาล เเกสั่งตัดไฟทั้งห้องนั้น(สนามกีฬาในร่ม ไทย-ญี่ปุ่น กว้างมากๆ)

ให้คนฟังเเกดีดกีต้าร์ตัวเดียวบนเวที คนหลา่ยพันต้องเงียบตั้งใจฟัง ผมเห็นเเละนับถือความเงียบ การพึ่งพาตนเองโดยธรรมชาติเลยงานนั้น

คิดถึงเสมอ เเข็งเเรง สุขภาพดีนะครับพี่ Big Grin

ขออภัยตอบช้านะครับพี่ชาย^^