NimitGuitar webboard

Full Version: Summertime... by Hattaya & Friend..@The Fabric/Concert
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3




Summertime @The Fabric

Jeanne Sucharitaves - Voice
Wigorn 7day - Drums
Hattaya Saungsin - Guitar




Summertime" is the name of an aria composed by George Gershwin for the 1935 opera Porgy and Bess. The lyrics are by DuBose Heyward. The song soon became a popular jazz standard.
Gershwin is said to have based this song on a Ukrainian lullaby, Oi Khodyt Son Kolo Vikon (A Dream Passes By The Windows), which he heard in a New York City performance by Oleksander Koshetz?s Ukrainian National Chorus.
Gershwin began composing the song in December 1933, attempting to create his own spiritual in the style of the African American folk music of the period. It is sung multiple times throughout Porgy and Bess, first by Clara in Act I as a lullaby and soon after as counterpoint to the craps game scene, in Act II in a reprise by Clara, and in Act III by Bess, singing to Clara's baby.



Summertime เป็นเพลงที่เล่นกันอยู่แล้วสากลของทั่วไป ผมมักจะเล่นบรรเลงไม่ค่อยร้อง คุณวัน(นักร้องรับเชิญคนนี้)จริงต้องร้องในคีย์ที่สูงกว่านี้มากแต่ไม่ได้เจอกันนาน ไม่แน่ใจว่าคีย์ไหนแน่ เลยไถๆกันไปในคีย์ที่แกไม่ถนัดเท่าไหร่

ช่วงกลางเพลงที่มีผมร้องขึ้นมาท่อนหนึ่ง ก็ดันคีย์ผู้หญิงสูงมากอีกแทบไม่รอด ดีที่มีคำร้องท่อนเดียวไม่กี่คำ ไม่ได้มีเจตนาแกล้งเอาเพลงไทย(ปล่อยใจฝัน)มาเทียบกันเลย แค่จังหวะมันพอลงกันได้ใน samba ส่วนเนื้อร้องคิดว่าใครๆก็คงร้องได้ เนื้อหาเกี่ยวกับดนตรี กับการปล่อยๆก็สื่อสารกันไป


ปัญหาของเพลงจำพวกมีท่อน A ?Bวิ่งสลับไปได้ตลอดคือ ไม่รู้จะนัดกันจบตรงไหน อย่าง Amazing Grace ที่ผ่านไปก็ตะโกนให้คิวท่อนจบกัน ซึ่งความถนัดในการสื่อสารก็ต่างกันไป

จริงๆแล้วจะมีรูปแบบการเรียงท่อนของมันอยู่แล้วคร่าวๆ แต่บางครั้งเราอาจอยากเพิ่มเติมให้เกิดอะไรใหม่ๆก็สาดกันไป

บางครั้งก็จะมีการให้คิวโดยใช้คำเฉพาะ บางทีก็รู้กันด้วยความคุ้นเคยอยู่ในบางวงบางกลุ่ม
ซึ่งไม่มีถูกผิด ว่าต้องตามหลักการอะไรเขียนโน๊ตอะไรออกมา

วงแจ๊ส(อาจไม่ต้องแจ๊สก็ได้)บางวงอาจจะเป็นฟรีแจ๊ส หรืออะไรก็ตามทีเล่นๆกันไป ผู้นำเอามือมาชี้ที่หัว ทุกคนก็จะเข้าใจทันทีกลับมาเล่นกันในท่อนหัวเพลง(Head) จากที่มีคนทำแบบนั้นมาแล้วนิยม จึงเกิดการใช้คำนี้ท่าทางนี้ มีการบันทึกและเข้าใจตรงกันในสากลในความหมายที่มันเป็น

ผมมักจะรู้สึกตลกที่ผมจบเอกดนตรีสากล คะแนนที่ได้น่าจะต้นๆถึงดีมากๆ แต่จบมาเป็น10ปีแล้ว ผมยังไม่ไปรับใบเอกสารจบอะไรเลยนะ แม้แต่แผ่นเดียว

รูปก็ไปถ่ายเพราะอยากเฝ้าสมเด็จพระเทพฯท่าน แม่เองคนที่บ้านเองจะได้รู้ว่าเรียนจบแล้วหล่ะนะ ซึ่งรูปถ่ายผมยังไม่ได้ล้างเลยฟิลม์10กว่าม้วน จองรูปรับปริญญาก็ไม่ได้จอง

แต่ผมรู้สึกตลกๆที่ทุกวันนี้ที่สถาบันก็จะทั้งพูดถึง ยกตัวอย่างทั้งความอะไรต่างๆไม่ว่าดีหรือร้าย สรุปใครๆก็จะรู้ว่าผมมาจากไหน สถาบันก็จะภูมิใจ จดจำ

หลายคนจบไปมีกระดาษมากมาย แต่ไม่มีตัวตน และไม่ได้น่าจำอะไรตรงไหนเลย ตั้งแต่ปี1สมัยเรียนHarmomyเบื้องต้น ผมขออาจารย์สอบโดยใช้เพลงที่แต่งเองกับเพลงที่ใช้ตามปกติcoverสอบๆกัน

หลังจากนั้นทุกคนก็ถูกเริ่มแกมบังคับนัยๆว่ามาตราฐานที่นี่จะต้องแต่งเพลงมาสอบ ซึ่งบางคนจะเป็นปัญหามากๆที่แต่งไม่ได้

เล่นมันแต่กระดาษเล่นได้แต่โน้ต แต่ไม่เคยบรรเลงศิลปะ ไม่เคยสร้างสรรค์ดนตรี คนพวกนี้มีอยู่มาก ไม่ได้ผิดอะไร

แต่การที่ไม่รู้ไม่สามารถไม่ควรจะเรียกสิ่งที่ผู้อื่นทำได้ในทางไม่ดี



ดนตรีนั้นเวลาคนปรบมือ คนจะปรบมือให้กับตัวตนของเรา ผลงานที่แสดงออก หรืออะไรก็สุดแท้แต่จุดประสงค์ในการแสดงนั้นๆ รูปแบบแนวทางแต่ละคนต่างกัน

แต่บางทีคนปรบมือให้การจัดองค์ประกอบที่ใครๆก็เล่นอ่านมันทำมันซ้ำกันทั้งโลก ต่างกันบ้างตรงการตีความ ศักยภาพของผู้ที่ถ่ายทอดขณะนั้น

คิดเล่นๆคงเหมือนที่ถ่ายเอกสารก็อปสำเนา ต่างกันเนื้อหาที่ความคมชัด หมึกลางเลือนแค่ไหน ความไวความคล่องในการพิมพ์

จริงๆแล้วไม่ได้ดูถูกนักก็อปปี้พวกคัดสำเนานะครับ ถ้าทำให้ดีกว่าให้เกิดอะไรใหม่ขึ้นกับโลกบ้างก็คงดี

ไม่ทราบคนพวกนี้ทานข้าวกับอะไรถึงได้มีทัศนคติเช่นนี้ นี่ยังไม่พูดถึงการเล่นวิธีคิดเลยนะครับ

ที่ทั้งชีวิตก็เล่นอะไรกันไปแบบไม่คิดอะไรใหม่ ผมพอจะนึกถึงวิถีชีวิตคนจำพวกนี้ออกเลยว่าต้องอยู่กับความซ้ำซากน่าเบื่อ ไม่ว่าจะเดินเหิน ทานข้าว เสพกามมีชีวิตยังไง

โลกคงไม่มีอะไรพัฒนากันอีก ถ้าคนจำพวกนี้ครอบครองด้วยจำนวนที่เกลื่อนเมือง




แต่ผมไม่ได้สนับสนุนการเล่นมั่วปาหี่กายกรรม ไร้คุณภาพไร้ยางอายในการถ่ายทอดรสนิยม

คนพวกนี้เหมือนยิ่งเล่นยิ่งมาดูถูก หรือประจานตัวเองกันออกมาเรื่อยๆ ที่น่าขำกว่านั้นคือก็หลอกลวงแหกตาได้เฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ รสนิยมวิสัยทัศน์ต่ำ เป็นผู้ด้อยโอกาส

อย่างว่าเรามันประเทศโลกที่สาม คนที่หลอกลวงพวกกันเอง ดูถูกกันเอง หากินบนความไม่รู้ของผู้อื่น คนแบบนี้ก็ยังลอยนวลหากินไปได้อย่างน่าขบขัน




การบันทึกการเขียนโน้ตเพื่อเกิดการสื่อสารทำซ้ำ ล้วนเกิดจากการวิเคราห์ต่างๆจากที่ผู้สร้างสรรค์ต่างๆทำเอาไว้แล้ว

เป็นการดีที่เรารู้จักความหมายการสื่อสารจากภาษาสากลนี้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มันเป็น

ซึ่งครูอาจารย์ต่างๆก็เน้นบอกเน้นสอนให้ทำตามแต่สิ่งที่ตัวเองเคยได้รับมา

การเรียนการสอนดูจะมีแต่ความวิบัติ อัตคัดภูมิปัญญา ผู้ถ่ายทอดความรู้กลายเป็นถ่ายทอดความไม่รู้ไม่เข้าใจให้เป็นแบบอย่างถ่ายทอดกันออกไป

จะว่าไปแล้วมันคือความล้มเหลวของระบบการเรียนการสอนเลยด้วยซ้ำ

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอนุบาลจนแก่ตาย ดำเนิน และทำซ้ำกันไปเป็นห่วงโซ่ที่น่าเป็นห่วงมาก

การสอนให้คิด ให้พัฒนาสิ่งใหม่ๆถูกปิดกั้นตั้งแต่การวางรากฐานระบบการศึกษาสมัยเริ่มวางระบบโดยต่างชาติ

การกลัวความสร้างสรรค์การแตกแถวควบคุมไม่ได้ ยากแก่การปกครอง เป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับผู้ที่ต้องการครอบงำความคิด

การท่องจำ รู้แค่เขาบอกเป็นสิ่งที่ฝังรากลึก ซึ่งยากต่อการพัฒนาสร้างสร้างสิ่งใหม่

บทความที่เขียนไม่ตั้งใจโจมตีต่อว่าใคร เพียงแต่อยากให้ลองหันมาคิดในมุมสร้างสรรค์จากการเรียนรู้อย่างถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น



Recorded versions (in alphabetic order)
1. Cem Adrian on his 2005 album Ben Bu Sarkiyi Sana Yazdim
2. Luis Arcaraz (released by RCA Victor Records as catalog number 20-4416, with the flip side "It's the Talk of the Town"[1])
3. Chet Baker - on Chet Baker Quartet Plays Standards
4. Fantasia Barrino on her debut album Free Yourself
5. Art Blakey - A Jazz Message (1963)
6. Brainbox on their debut album Brainbox (1969)
7. Eva Cassidy on the 2008 release Somewhere
8. Charlotte Church on her self-titled album
9. John Coltrane - My Favorite Things (1960)
10. Perry Como (released by RCA Victor Records as catalog number 20-4530, with the flip side "While We're Young"[2])
11. Sam Cooke in 1957
12. Bing Crosby & Matty Malneck (originally recorded July 8, 1938 and released by Decca Records as catalog number 2147B, with the flip side "You Must Have Been a Beautiful Baby"[3]; re-released in 1947 by Decca Records as catalog number 24542, with the flip side "Love Walked in"[4])
13. Bob Crosby & his Orchestra (recorded October 21, 1938, released by Decca Records as catalog number 2205B, with the flip side "I'm Free (What's New?)"[3])
14. Miles Davis, on his album Porgy and Bess (1958).
15. Deep Dive Corp. on their EP Summertime, 2000.
16. Doc Watson recorded 1973, appears on the album Elementary Doc Watson/Then and Now, re-released in 1997 on the Collectables label. Recorded 1987-91 Doc Watson and David Grisman and released on the album Doc and Dawg by Acoustic Disc in 1997. More recent recordings with grandson Richard Watson.
17. The Doors on their live album, Friday April 10 at Boston Arena, and an instrumental version on Live at the Matrix 1967.
18. Tal Farlow on his 1969 album The Return of Tal Farlow (Prestige Records).
19. Frances Faye (recorded about 1954,released by Capitol Records as catalog number 2842, with the flip side "Mad about the Boy"[5])
20. Ella Fitzgerald, recorded in 1960, live in Berlin, on the Verve Records album Mack the Knife: Ella in Berlin
21. Flowers on their album Challenge!
22. Peter Gabriel on the album The Glory Of Gershwin, produced by George Martin, 1994
23. Al Gallodoro (recorded in 1951, released by Columbia Records as catalog number 39472, with the flip side "Hora Staccato"[6])
24. Wayne Hancock on his album Thunderstorms and Neon Signs
25. Richard Hayes (with the Eddie Sauter orchestra) (released by Mercury Records as catalog number 5833, with the flip side "Junco Partner (A Worthless Cajun)"[7])
26. Billie Holiday (recorded July 10, 1936, released by Columbia Records as catalog number 37496, with the flip side "Billie's Blues"[8])
27. Anne Jamison (recorded July 14, 1939, released by Decca Records as catalog number 2876A, with the flip side "Looking for a Boy"[9])
28. Jazzamor on their album Lazy Sunday Afternoon
29. Scarlett Johansson for "Unexpected Dreams ? songs from the stars" and later performed on Live EPs released at the time of her debut album Anywhere I Lay My Head
30. Janis Joplin released this song with Big Brother and the Holding Company. Some live versions have erroneously been credited with having Jimi Hendrix guesting on guitar, though in actuality the guitarists were James Gurley and Sam Andrew. [10]
31. Sammy Kaye's Orchestra (released by RCA Victor Records as catalog number 20-2390, with the flip side "June Is Busting Out All Over"[11])
32. Ang?lique Kidjo, released on Keep on Moving: The Best of Ang?lique Kidjo (2003)
33. Jerry Kruger and her Orchestra (recorded April 25, 1939, released by Vocalion Records as catalog number 4927, with the flip side "Rain, Rain Go Away"[12])
34. Guy Lombardo and his Royal Canadians (recorded November 10, 1937, released by Victor Records as catalog number 25716, with the flip side "I'll See You in My Dreams"[13])
35. Gordon MacRae (Recorded 1959) from the album 'Fascinatin' Rhythm: Capitol Sings George Gershwin.
36. Paul McCartney on his 1988 album Choba B CCCP
37. Me First and the Gimme Gimmes on their album Are a Drag, 1999
38. Colin Meloy on his album Colin Meloy Sings Sam Cooke
39. Yehudi Menuhin and St?phane Grappelli- Menuhin and Grappelli Play Gershwin, (1988)
40. Charles Mingus on Mingus Three, 1957
41. Joni Mitchell & Herbie Hancock on a Gershwin's 100th anniversary birthday tribute album Gershwin's World.
42. Morcheeba on Red Hot + Rhapsody: The Gershwin Groove, 1998.
43. Willie Nelson on Revolutions of Time...The Journey 1975/1993, 1995.
44. Charlie Parker String Ensemble (recorded November 30, 1949, released by Mercury Records as catalog number 11038, with the flip side "I Didn't Know What Time It Was"[14])
45. Oscar Peterson trio on Night Train vol.3, released by Verve Records as catalog number 711 071, 1969.
46. Jane Pickens (recorded June 19, 1940, released by Columbia Records as catalog number 35580, with the flip side "Negro Spirituals"[15])
47. Courtney Pine on the album The Glory Of Gershwin, produced by George Martin, 1994
48. Boyd Raeburn and his Orchestra (released by Guild Records as catalog number 111, with the flip side "March of the #oyds"[16])
49. Red Saunders and his Orchestra (recorded December 31, 1953, released by Blue Lake Records as catalog number 101, with the flip side "Riverboat"[17])
50. Nina Simone, 1999 album, "The Amazing Nina Simone/Nina Simone at Town Hall"
51. Skamp on their 1999 album Angata
52. Charlie Spivak and his Orchestra (recorded December 19, 1944, released by RCA Victor Records as catalog number RCA201500, with the flip side "I Got Plenty of Nothin'"[18])
53. Billy Stewart, 1966, released as a single.
54. Sublime on their song "Doin' Time" from their self-titled album.
55. Ten Years After on their album Undead, 1968.
56. The Twilight Singers on their 2004 album "She Loves You"
57. Sarah Vaughan (recorded in December, 1949, released by Columbia Records as catalog number 38701, with the flip side "I'm Crazy to Love You"[19])
58. Millicent Wood on her album Moonglow
59. The Zombies on their 1965 debut album, Begin Here
[edit] References
1. ^ RCA Victor Records in the 20-4000 to 20-4499 series
2. ^ RCA Victor Records in the 20-4500 to 20-4999 series
3. ^ a b US Decca Records in the 2000 to 2499 series
4. ^ US Decca Records in the 24500 to 24999 series
5. ^ Capitol Records in the 2500 to 2999 series
6. ^ Columbia Records in the 39000 to 39499 series
7. ^ Mercury Records in the 5500 to 5912 series
8. ^ Columbia Records in the 37000 to 37499 series
9. ^ US Decca Records in the 2500 to 2999 series
10. ^ [1]
11. ^ RCA Victor Records in the 20-2000 to 20-2499 series
12. ^ Vocalion Records in the 4500 to 4999 series
13. ^ Victor Records in the 25500 to 25900 series
14. ^ Mercury Records in the 11000 to 11101 series
15. ^ Columbia Records in the 35500 to 35999 series
16. ^ Guild Records discography
17. ^ Blue Lake Records discography
18. ^ RCA Victor Records in the 20-1500 to 20-1999 series
19. ^ Columbia Records in the 38500 to 38999 series
แหร่มมากพี่..


ปล.ไอ้เสื้อเขียวใส่หมวกนั่นมันเพื่อนผมนี่นา.. amp zniper อ่ะ..
เล่นดี ร้องดีครับ

(05-12-2009, 01:31)Grid.. Wrote: [ -> ]ปล.ไอ้เสื้อเขียวใส่หมวกนั่นมันเพื่อนผมนี่นา.. amp zniper อ่ะ..

อ้าวเพื่อนกริดเหรอ วันก่อนได้ไปแจมที่ห้องสมุดมา ตีเก่งเนอะ
อ่านไปที่เเรกนึกว่าจะรอดเเล้ว

เคริ้มได้สักพัก ใกล้จะจบ โดนเลยตรูรร เอิ้กกๆๆๆ
...




-ขอคัดมาวางอีกที กลัวไม่ได้อ่านครับ

.....ใครคิด หรือ เห็นอย่างไรขยาย หรือ สื่อสารกันบ้าง


ผมเองไม่ได้คิดว่ามันถูก เเต่มันเป็นความคิดเห็นของผมที่สื่อสารออกมา คิดว่าน่าจะมีประโยชน์จึงนำมาสื่อกัน





บางครั้งก็จะมีการให้คิวโดยใช้คำเฉพาะ บางทีก็รู้กันด้วยความคุ้นเคยอยู่ในบางวงบางกลุ่ม
ซึ่งไม่มีถูกผิด ว่าต้องตามหลักการอะไรเขียนโน๊ตอะไรออกมา

วงแจ๊ส(อาจไม่ต้องแจ๊สก็ได้)บางวงอาจจะเป็นฟรีแจ๊ส หรืออะไรก็ตามทีเล่นๆกันไป ผู้นำเอามือมาชี้ที่หัว ทุกคนก็จะเข้าใจทันทีกลับมาเล่นกันในท่อนหัวเพลง(Head) จากที่มีคนทำแบบนั้นมาแล้วนิยม จึงเกิดการใช้คำนี้ท่าทางนี้ มีการบันทึกและเข้าใจตรงกันในสากลในความหมายที่มันเป็น

ผมมักจะรู้สึกตลกที่ผมจบเอกดนตรีสากล คะแนนที่ได้น่าจะต้นๆถึงดีมากๆ แต่จบมาเป็น10ปีแล้ว ผมยังไม่ไปรับใบเอกสารจบอะไรเลยนะ แม้แต่แผ่นเดียว

รูปก็ไปถ่ายเพราะอยากเฝ้าสมเด็จพระเทพฯท่าน แม่เองคนที่บ้านเองจะได้รู้ว่าเรียนจบแล้วหล่ะนะ ซึ่งรูปถ่ายผมยังไม่ได้ล้างเลยฟิลม์10กว่าม้วน จองรูปรับปริญญาก็ไม่ได้จอง

แต่ผมรู้สึกตลกๆที่ทุกวันนี้ที่สถาบันก็จะทั้งพูดถึง ยกตัวอย่างทั้งความอะไรต่างๆไม่ว่าดีหรือร้าย สรุปใครๆก็จะรู้ว่าผมมาจากไหน สถาบันก็จะภูมิใจ จดจำ

หลายคนจบไปมีกระดาษมากมาย แต่ไม่มีตัวตน และไม่ได้น่าจำอะไรตรงไหนเลย ตั้งแต่ปี1สมัยเรียนHarmomyเบื้องต้น ผมขออาจารย์สอบโดยใช้เพลงที่แต่งเองกับเพลงที่ใช้ตามปกติcoverสอบๆกัน

หลังจากนั้นทุกคนก็ถูกเริ่มแกมบังคับนัยๆว่ามาตราฐานที่นี่จะต้องแต่งเพลงมาสอบ ซึ่งบางคนจะเป็นปัญหามากๆที่แต่งไม่ได้

เล่นมันแต่กระดาษเล่นได้แต่โน้ต แต่ไม่เคยบรรเลงศิลปะ ไม่เคยสร้างสรรค์ดนตรี คนพวกนี้มีอยู่มาก ไม่ได้ผิดอะไร

แต่การที่ไม่รู้ไม่สามารถไม่ควรจะเรียกสิ่งที่ผู้อื่นทำได้ในทางไม่ดี



ดนตรีนั้นเวลาคนปรบมือ คนจะปรบมือให้กับตัวตนของเรา ผลงานที่แสดงออก หรืออะไรก็สุดแท้แต่จุดประสงค์ในการแสดงนั้นๆ รูปแบบแนวทางแต่ละคนต่างกัน

แต่บางทีคนปรบมือให้การจัดองค์ประกอบที่ใครๆก็เล่นอ่านมันทำมันซ้ำกันทั้งโลก ต่างกันบ้างตรงการตีความ ศักยภาพของผู้ที่ถ่ายทอดขณะนั้น

คิดเล่นๆคงเหมือนที่ถ่ายเอกสารก็อปสำเนา ต่างกันเนื้อหาที่ความคมชัด หมึกลางเลือนแค่ไหน ความไวความคล่องในการพิมพ์

จริงๆแล้วไม่ได้ดูถูกนักก็อปปี้พวกคัดสำเนานะครับ ถ้าทำให้ดีกว่าให้เกิดอะไรใหม่ขึ้นกับโลกบ้างก็คงดี

ไม่ทราบคนพวกนี้ทานข้าวกับอะไรถึงได้มีทัศนคติเช่นนี้ นี่ยังไม่พูดถึงการเล่นวิธีคิดเลยนะครับ

ที่ทั้งชีวิตก็เล่นอะไรกันไปแบบไม่คิดอะไรใหม่ ผมพอจะนึกถึงวิถีชีวิตคนจำพวกนี้ออกเลยว่าต้องอยู่กับความซ้ำซากน่าเบื่อ ไม่ว่าจะเดินเหิน ทานข้าว เสพกามมีชีวิตยังไง

โลกคงไม่มีอะไรพัฒนากันอีก ถ้าคนจำพวกนี้ครอบครองด้วยจำนวนที่เกลื่อนเมือง




แต่ผมไม่ได้สนับสนุนการเล่นมั่วปาหี่กายกรรม ไร้คุณภาพไร้ยางอายในการถ่ายทอดรสนิยม

คนพวกนี้เหมือนยิ่งเล่นยิ่งมาดูถูก หรือประจานตัวเองกันออกมาเรื่อยๆ ที่น่าขำกว่านั้นคือก็หลอกลวงแหกตาได้เฉพาะคนที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจ รสนิยมวิสัยทัศน์ต่ำ เป็นผู้ด้อยโอกาส

อย่างว่าเรามันประเทศโลกที่สาม คนที่หลอกลวงพวกกันเอง ดูถูกกันเอง หากินบนความไม่รู้ของผู้อื่น คนแบบนี้ก็ยังลอยนวลหากินไปได้อย่างน่าขบขัน




การบันทึกการเขียนโน้ตเพื่อเกิดการสื่อสารทำซ้ำ ล้วนเกิดจากการวิเคราห์ต่างๆจากที่ผู้สร้างสรรค์ต่างๆทำเอาไว้แล้ว

เป็นการดีที่เรารู้จักความหมายการสื่อสารจากภาษาสากลนี้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่มันเป็น

ซึ่งครูอาจารย์ต่างๆก็เน้นบอกเน้นสอนให้ทำตามแต่สิ่งที่ตัวเองเคยได้รับมา

การเรียนการสอนดูจะมีแต่ความวิบัติ อัตคัดภูมิปัญญา ผู้ถ่ายทอดความรู้กลายเป็นถ่ายทอดความไม่รู้ไม่เข้าใจให้เป็นแบบอย่างถ่ายทอดกันออกไป

จะว่าไปแล้วมันคือความล้มเหลวของระบบการเรียนการสอนเลยด้วยซ้ำ

สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกอนุบาลจนแก่ตาย ดำเนิน และทำซ้ำกันไปเป็นห่วงโซ่ที่น่าเป็นห่วงมาก

การสอนให้คิด ให้พัฒนาสิ่งใหม่ๆถูกปิดกั้นตั้งแต่การวางรากฐานระบบการศึกษาสมัยเริ่มวางระบบโดยต่างชาติ

การกลัวความสร้างสรรค์การแตกแถวควบคุมไม่ได้ ยากแก่การปกครอง เป็นสิ่งน่ากลัวสำหรับผู้ที่ต้องการครอบงำความคิด

การท่องจำ รู้แค่เขาบอกเป็นสิ่งที่ฝังรากลึก ซึ่งยากต่อการพัฒนาสร้างสร้างสิ่งใหม่

บทความที่เขียนไม่ตั้งใจโจมตีต่อว่าใคร เพียงแต่อยากให้ลองหันมาคิดในมุมสร้างสรรค์จากการเรียนรู้อย่างถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น
1.ถึงนิ้วเขาจะสั้น แต่ไม่คิดสั้น คิดยาวมาก
2.ถึงเขาจะคิดยาว แต่ไม่ไร้สาระ คิดเยอะมาก
3.ถึงเขาจะคิดเยอะ แต่ไม่หยาบ คิดละเอียดมาก
4.ถึงเขาจะคิดละเอียด แต่ไม่คิดเล็กคิดน้อย ยอมรับฟังคนอื่นมาก
5.ถึงเขาจะรับฟังคนอื่นมาก แต่รู้จักคัดเอามาปรับปรุง มีความเป็นตัวเองมาก
6.ถึงเขาเป็นตัวเองมาก แต่เขาก็แบ่งปันความรู้และความรู้สึกกับผู้อื่น ใจกว้างมาก
7.ถึงเขาจะใจกว้าง แต่นิ้วเขาก็สั้นมากBig Grin
มันส์



ตอบฮาๆนะครับ



(08-12-2009, 22:09)ไข่ไก่ Wrote: [ -> ]1.ถึงนิ้วเขาจะสั้น แต่ไม่คิดสั้น คิดยาวมาก
2.ถึงเขาจะคิดยาว แต่ไม่ไร้สาระ คิดเยอะมาก
3.ถึงเขาจะคิดเยอะ แต่ไม่หยาบ คิดละเอียดมาก
4.ถึงเขาจะคิดละเอียด แต่ไม่คิดเล็กคิดน้อย ยอมรับฟังคนอื่นมาก
5.ถึงเขาจะรับฟังคนอื่นมาก แต่รู้จักคัดเอามาปรับปรุง มีความเป็นตัวเองมาก
6.ถึงเขาเป็นตัวเองมาก แต่เขาก็แบ่งปันความรู้และความรู้สึกกับผู้อื่น ใจกว้างมาก
7.ถึงเขาจะใจกว้าง แต่นิ้วเขาก็สั้นมากBig Grin



ชอบมากๆครับ ว่าจะตอบนานเเล้ว เพิ่งมีเวลา ก่อนจะต้องยิงยาวไม่รู้จะพักเมื่อไหร่

ก่อนอื่นต้องขอขอบพระคุณมากที่มาตอบครับBig Grin


เเต่................


Big Grin ท่าทางห่วงผมเรื่องขนาดมากเลยนะครับคุณหมอ

ต้องลองละมั้งครับ ยาว สั้น เล็ก ใหญ่ ....

เอ...เเต่จะลองเเบบไหนได้นะSad



เรื่องเป็นตัวเองนั่นเเหละครับ น่าจะเป็นบทสรุป

มันเป็นปัจเจก ไม่มีรูปเเบบเเน่นอน อ่อน เเข็งตามอารมณ์

หรือ ถามคนเคยใช้งานดู


5555555


Big Grin
(31-12-2009, 16:10)k9918 Wrote: [ -> ]มันส์

มันน่าโดนอัดหละสิ 55555^^





เจ้าชู้ (Sabyedee)....ภาพเคลื่อนไหว&เพลงDemoจากอดีตชาติของนายหัทยา



เจ้าชู้ /Sa bye dee song from Parradee first mv


งานอดิเรก ในช่วงเวลาเรียนรู้ชีวิตอย่างหนัก เเม้ใบไม้หล่นสักใบก็มีค่ามาก




ไปลงในอากาศไว้ คิดอะไรไม่ออกเขียนไว้ในนั้นสั้นๆว่า''

''ขอขอบคุณเพื่อนจากเเดนไกล (Suki)sukunya Wangsomnuk

ที่ทำให้ยิ้มเเย้มกับการเล่นดนตรีอีกครั้ง เพลงที่หยิบมาลงกับรูปvdoนี้เป็นเดโมเมื่อ 5ปีก่อน

หัทยายังไม่ตกหลุมรักใครนะเฟ้ยยย''




5555555555555555555^^




เเล้วจะมาเล่าให้ฟังคับ ที่มาที่ไป

คิดเห็นยังไงติชม ก่นด่าตามอัธยาสัยนะครับพี่น้อง



http://www.youtube.com/watch?v=gujWhfjJiQU
(08-12-2009, 16:56)hattaya111 Wrote: [ -> ]ผมมักจะรู้สึกตลกที่ผมจบเอกดนตรีสากล คะแนนที่ได้น่าจะต้นๆถึงดีมากๆ แต่จบมาเป็น10ปีแล้ว ผมยังไม่ไปรับใบเอกสารจบอะไรเลยนะ แม้แต่แผ่นเดียว

รูปก็ไปถ่ายเพราะอยากเฝ้าสมเด็จพระเทพฯท่าน แม่เองคนที่บ้านเองจะได้รู้ว่าเรียนจบแล้วหล่ะนะ ซึ่งรูปถ่ายผมยังไม่ได้ล้างเลยฟิลม์10กว่าม้วน จองรูปรับปริญญาก็ไม่ได้จอง

แต่ผมรู้สึกตลกๆที่ทุกวันนี้ที่สถาบันก็จะทั้งพูดถึง ยกตัวอย่างทั้งความอะไรต่างๆไม่ว่าดีหรือร้าย สรุปใครๆก็จะรู้ว่าผมมาจากไหน สถาบันก็จะภูมิใจ จดจำ

หลายคนจบไปมีกระดาษมากมาย แต่ไม่มีตัวตน และไม่ได้น่าจำอะไรตรงไหนเลย ตั้งแต่ปี1สมัยเรียนHarmomyเบื้องต้น ผมขออาจารย์สอบโดยใช้เพลงที่แต่งเองกับเพลงที่ใช้ตามปกติcoverสอบๆกัน

หลังจากนั้นทุกคนก็ถูกเริ่มแกมบังคับนัยๆว่ามาตราฐานที่นี่จะต้องแต่งเพลงมาสอบ ซึ่งบางคนจะเป็นปัญหามากๆที่แต่งไม่ได้

เล่นมันแต่กระดาษเล่นได้แต่โน้ต แต่ไม่เคยบรรเลงศิลปะ ไม่เคยสร้างสรรค์ดนตรี คนพวกนี้มีอยู่มาก ไม่ได้ผิดอะไร

ผมเองก็รู้สึกตลกเหมือนกันครับ
เพิ่งไปรับปริญญาที่ มหาวิทยาลัย (ตั้งใจจะเอาไปฝากพ่อ เพราะเค้าอยากได้มาก)
วันรับปริญญาผมก็ไม่ได้ไป เพราะรู้สึกว่าอยากให้ท่านพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จเร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลง เพราะก็ทราบอยู่ว่าไอ้กระดาษแผ่นนี้ มันแทบไม่มีประโยชน์ในการดำรงค์อยู่ของผมเลย และหลังจากจบมา ผมก็มีโอกาสตามเสด็จของพระเทพ ทำให้ไม่เสียดายงานรับปริญญาของตัวเองเลยครับ

ปัจจุบัน ผมยังคงนำงานที่คนอื่นทำ มาเรียบเรียงใหม่ อาจจะดูเหมือนการคัดสำเนา แต่ผมรู้สึกว่า มันน่าจะสื่อสารให้คนที่ไม่ได้เล่นดนตรี เข้าใจอะไรกับดนตรีบรรเลงได้บ้าง
จนทุกวันนี้ ผมแทบไม่รู้แล้วว่าจะ Improvise เป็นมั้ย
ผมเองก็จบปริญญามาด้วยผลการเรียนอันดับท๊อปของรุ่น โดยไม่เข้ารับปริญญา ทรานสคริปก็ยังไม่ได้ไปเอา เพราะไม่ได้รู้สึกว่ามันคือความสำเร็จอะไร สำหรับผมการเรียนจบในระบบไม่ได้สำคัญอะไรนัก มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้ในชีวิตอีกมากมายก่ายกอง ที่สำคัญคือการรู้จักตัวเอง เราถูกสอนมาทั้งชีวิตให้รู้จักแต่เรื่องนอกตัว แบกโลกภายนอกไว้มากมายแต่อาจไม่เคยรู้จักตนเอง ไม่เคยพบความสุขภายในตนเองเลย

ใครมีลูกมีหลาน ใครเป็นครู อย่าทำร้ายเขาทางอ้อมด้วยวิชาการมากเกินไป เหมือนที่เด็กหลายๆ คนทุกวันนี้(หรือแม้แต่เราในอดีต)เผชิญอยู่ ให้เขามีเวลา มีอิสระภาพในการสร้างสรรค์จากตัวตนของเขาจริงๆ จะดีที่สุดครับ
Pages: 1 2 3