25-10-2009, 03:07
ผมไม่รู้จักเพลงนี้มาก่อน
และได้รู้จักมันเป็นครั้งแรกเพราะ
ได้รับอีเมลแนะนำราบชื่อเพลงฉบับนึง ซึ่งชื่อเพลงนี้ก็อยู่ภายใน อีเมลนั้น
มันชวนสะดุดตามากๆ เพราะ ชื่อเพลง ย๊าววว ยาวว แถมไม่คุ้นอีก
เอ๊ เราก็ฟังเพลงมาไม่ใช่น้อยๆ ไหงไม่คุ้นเลยหว่า?
และด้วยวิทยาการที่พอจะหาได้จาก Youtube
เสียงกีต้าร์เพลงนี้ขึ้นมา แค่ช่วง Intro
เตะหูผมเปรี้ยงเลย โอ้โห มันช่างมีเสน่ห์ ยากเย็น และ เพราะมาก!
เพลงนี้ ถือว่าเป็นเพลงโปรดสุดๆ ของ Paul McCartney เพลงหนึ่งเลยทีเดียว
คงเป็นเพราะ เนื้อหาที่ว่าด้วย ส่งเสริม การรักภรรยา ซึ่งตรงกับนิสัยของ Paul ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นคนที่รักภรรยาและครอบครัวมากๆ คนหนึ่ง
เนื้อหา ก็คงแปลคร่าวๆได้ว่า "ฉันต้องการให้เธออยู่ทุกๆที่และให้เธออยู่ข้างๆฉันตลอดไป" ทำนองนี้
แต่ผมล่ะ ชอบประโยคขึ้นต้นที่ว่า
To lead a better life I need my love to be here...
การจั่วหัวเพลง มันช่างกระตุ้นความน่าติดตาม เหมือนเราดูหนังเลยครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ประมาณว่า "เอาละ ต่อไปนี้ ฉันจะลงหลักปักฐานเสียที (กับเธอคนนี้)." แต่เพราะอะไรนั่นหรือ ก็ลองๆ อ่านเนื้อไปแล้วกัน แปลและเข้าใจได้ไม่ยาก
อีกประโยคที่ผมว่าน่ารักมาก "Each one believing that love never dies
Watching her eyes and hoping I'm always there. To be there and everywhere" ใครฟังคงใจละลายเหมือนกันนะ
ยังไม่เคยได้ยินเพลงนี้ในงานแต่งงาน ถ้าใครลองเอาไปใช้ คงจะเข้าท่าไม่น้อย
เพลงนี้อยู่ใน album Revolver. (The Beatles 1966)
เพลงนี้น่าศึกษาสำหรับผู้ที่ฝึกหัดการตีคอร์ดให้ดูเท่ห์ หรือ เริ่มที่จะเขียนทำนองเพลงให้มีเสน่ห์!!!
แค่ตีคอร์ดเปล่าๆ ก็เรียกว่าเพราะแล้ว แถมเป็น เอกลักษณ์ของเพลงได้ด้วย แสดงว่ามีการร้อยเรียงคอร์ดมาอย่างดี อีกทั้ง ยังมีการแฉลบเปลี่ยนคีย์เพลง กลับไปกลับมาเล็กน้อยพอหวาดเสียว จาก G ไป Bb (ซึ่งทั่วๆไปมักจะเจอที่ว่า เปลี่ยนคีย์ไปเลยถาวร หรือไม่ก็ เปลี่ยนไปจนจบท่อนเพลง)
เพลงนี้เหมาะสำหรับ One Man Show จริงๆ เพราะ Solo อะไรก็ไม่จำเป็นต้องมีให้ยุ่งยาก เปลืองค่าแรงนักดนตรีอีกคน ก็เท่ห์ได้
ทำของยากๆ ให้ฟังดูง่ายๆซึ่งผมว่านี่แหละคือ เสน่ห์ ของเพลงนี้ และ ถือว่าเป็นเสน่ห์ในการเขียนเพลงของ The Beatles
[attachment=14545]
ณ ตอนนี้ รักเพลง Here, There and Everywhere เข้าซะแล้ว
และได้รู้จักมันเป็นครั้งแรกเพราะ
ได้รับอีเมลแนะนำราบชื่อเพลงฉบับนึง ซึ่งชื่อเพลงนี้ก็อยู่ภายใน อีเมลนั้น
มันชวนสะดุดตามากๆ เพราะ ชื่อเพลง ย๊าววว ยาวว แถมไม่คุ้นอีก
เอ๊ เราก็ฟังเพลงมาไม่ใช่น้อยๆ ไหงไม่คุ้นเลยหว่า?
และด้วยวิทยาการที่พอจะหาได้จาก Youtube
เสียงกีต้าร์เพลงนี้ขึ้นมา แค่ช่วง Intro
เตะหูผมเปรี้ยงเลย โอ้โห มันช่างมีเสน่ห์ ยากเย็น และ เพราะมาก!
เพลงนี้ ถือว่าเป็นเพลงโปรดสุดๆ ของ Paul McCartney เพลงหนึ่งเลยทีเดียว
คงเป็นเพราะ เนื้อหาที่ว่าด้วย ส่งเสริม การรักภรรยา ซึ่งตรงกับนิสัยของ Paul ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นคนที่รักภรรยาและครอบครัวมากๆ คนหนึ่ง
เนื้อหา ก็คงแปลคร่าวๆได้ว่า "ฉันต้องการให้เธออยู่ทุกๆที่และให้เธออยู่ข้างๆฉันตลอดไป" ทำนองนี้
แต่ผมล่ะ ชอบประโยคขึ้นต้นที่ว่า
To lead a better life I need my love to be here...
การจั่วหัวเพลง มันช่างกระตุ้นความน่าติดตาม เหมือนเราดูหนังเลยครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ประมาณว่า "เอาละ ต่อไปนี้ ฉันจะลงหลักปักฐานเสียที (กับเธอคนนี้)." แต่เพราะอะไรนั่นหรือ ก็ลองๆ อ่านเนื้อไปแล้วกัน แปลและเข้าใจได้ไม่ยาก
อีกประโยคที่ผมว่าน่ารักมาก "Each one believing that love never dies
Watching her eyes and hoping I'm always there. To be there and everywhere" ใครฟังคงใจละลายเหมือนกันนะ
ยังไม่เคยได้ยินเพลงนี้ในงานแต่งงาน ถ้าใครลองเอาไปใช้ คงจะเข้าท่าไม่น้อย
เพลงนี้อยู่ใน album Revolver. (The Beatles 1966)
เพลงนี้น่าศึกษาสำหรับผู้ที่ฝึกหัดการตีคอร์ดให้ดูเท่ห์ หรือ เริ่มที่จะเขียนทำนองเพลงให้มีเสน่ห์!!!
แค่ตีคอร์ดเปล่าๆ ก็เรียกว่าเพราะแล้ว แถมเป็น เอกลักษณ์ของเพลงได้ด้วย แสดงว่ามีการร้อยเรียงคอร์ดมาอย่างดี อีกทั้ง ยังมีการแฉลบเปลี่ยนคีย์เพลง กลับไปกลับมาเล็กน้อยพอหวาดเสียว จาก G ไป Bb (ซึ่งทั่วๆไปมักจะเจอที่ว่า เปลี่ยนคีย์ไปเลยถาวร หรือไม่ก็ เปลี่ยนไปจนจบท่อนเพลง)
เพลงนี้เหมาะสำหรับ One Man Show จริงๆ เพราะ Solo อะไรก็ไม่จำเป็นต้องมีให้ยุ่งยาก เปลืองค่าแรงนักดนตรีอีกคน ก็เท่ห์ได้
ทำของยากๆ ให้ฟังดูง่ายๆซึ่งผมว่านี่แหละคือ เสน่ห์ ของเพลงนี้ และ ถือว่าเป็นเสน่ห์ในการเขียนเพลงของ The Beatles
[attachment=14545]
ณ ตอนนี้ รักเพลง Here, There and Everywhere เข้าซะแล้ว
