16-07-2009, 13:24
..นานมาแล้ว..
โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบ ๆเปล่า ๆ.. ไม่มีอะไรอยู่เลย
นอกจากน้ำแข็งก้อนใหญ่
กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว
น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุข..
จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็ง ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนม..ใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็ง ก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป
..........................................................
วันหนึ่ง..
นาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรง ถึงขั้นแตกหัก..
นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจ หนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า..
นาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน
ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก..
จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่..
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน
น้ำแข็งรู้ดีว่า ถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล..
แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่..
น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ แทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย
..................................................
ดวงจันทร์โคจรผ่านมา..
น้ำแข็งจึงถามว่า.. อีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง
ดวงจันทร์บอกว่า..
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทัน.. เพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก
เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก..
ทันทีที่รู้..
น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย........
...................................................................
สายเกินไป..
ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว
เมื่อน้ำแข็งมาถึง..
ก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้าย จากปากของนาฬิกาทราย
"..ฉันรักเธอ.."
ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที..
น้ำแข็งจึงเริ่มละลาย ในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน..
กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์
อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้
.........................................................
เพื่อนคนนึงส่งมาให้ แต่จำไม่ได้ว่ามาจากที่ไหน.. ต้องขอโทษด้วย..
อ่านแล้ว.. อยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆบ้าง
เผื่อว่าทุกวันนี้..
เราหลงลืมอะไรกันไปบ้างหรือเปล่าครับ..
โฟล์คน้อย..
โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบ ๆเปล่า ๆ.. ไม่มีอะไรอยู่เลย
นอกจากน้ำแข็งก้อนใหญ่
กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว
น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุข..
จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว
ความงดงามของน้ำแข็ง ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนม..ใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็ง ก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป
..........................................................
วันหนึ่ง..
นาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรง ถึงขั้นแตกหัก..
นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจ หนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง
เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า..
นาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน
ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก..
จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่..
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน
น้ำแข็งรู้ดีว่า ถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล..
แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่..
น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ แทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย
..................................................
ดวงจันทร์โคจรผ่านมา..
น้ำแข็งจึงถามว่า.. อีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง
ดวงจันทร์บอกว่า..
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทัน.. เพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก
เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก..
ทันทีที่รู้..
น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย........
...................................................................
สายเกินไป..
ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว
เมื่อน้ำแข็งมาถึง..
ก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้าย จากปากของนาฬิกาทราย
"..ฉันรักเธอ.."
ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที..
น้ำแข็งจึงเริ่มละลาย ในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน..
กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์
อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้
.........................................................
เพื่อนคนนึงส่งมาให้ แต่จำไม่ได้ว่ามาจากที่ไหน.. ต้องขอโทษด้วย..
อ่านแล้ว.. อยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆบ้าง
เผื่อว่าทุกวันนี้..
เราหลงลืมอะไรกันไปบ้างหรือเปล่าครับ..
โฟล์คน้อย..