NimitGuitar webboard

Full Version: เผื่อว่าทุกวันนี้.. เราหลงลืมอะไรกันไปบ้างหรือเปล่า
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2
..นานมาแล้ว..
โลกเป็นเพียงวัตถุทรงกลมเรียบ ๆเปล่า ๆ.. ไม่มีอะไรอยู่เลย

นอกจากน้ำแข็งก้อนใหญ่
กับนาฬิกาทรายเรือนยักษ์ ที่มีปลายเปิดสามารถปล่อยทรายออกได้อย่างเดียว

น้ำแข็งกับนาฬิกาทรายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ร่วมทุกข์ร่วมสุข..
จนทั้งคู่เติบใหญ่เข้าสู่วัยหนุ่มสาว

ความงดงามของน้ำแข็ง ทำให้นาฬิกาทรายแอบชื่นชมหลงใหล
แต่ทุกครั้งที่พยายามแสดงความสนิทสนม..ใกล้ชิด
ความเย็นชาจากน้ำแข็ง ก็ทำให้นาฬิกาทรายต้องผิดหวังทุกทีไป

..........................................................

วันหนึ่ง..
นาฬิกาทรายทะเลาะกับน้ำแข็งอย่างรุนแรง ถึงขั้นแตกหัก..
นาฬิกาทรายร้องไห้เสียใจ หนีไปอยู่อีกซีกโลกหนึ่ง

เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า..
นาฬิกาทรายกับน้ำแข็งก็ยังไม่คืนดีกัน
ต่างคนต่างอยู่คนละซีกโลก..

จนมาวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่..
ทำให้โลกจะต้องแตกออกเป็นสองส่วน
น้ำแข็งรู้ดีว่า ถ้าโลกแตกเป็นสองส่วนแล้ว
ก็คงไม่ได้เจอกับนาฬิกาทรายตลอดกาล..

แต่ด้วยทิฐิที่มีอยู่..
น้ำแข็งจึงเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ แทนที่จะออกตามหานาฬิกาทราย

..................................................

ดวงจันทร์โคจรผ่านมา..
น้ำแข็งจึงถามว่า.. อีกซีกโลกเป็นอย่างไรบ้าง

ดวงจันทร์บอกว่า..
นาฬิกาทรายกลับมาไม่ทัน.. เพราะโลกกำลังจะแยก
จึงปล่อยทรายออกมาปกคลุมรอยแตกของโลก
เพื่อยึดไว้ไม่ให้แยกออกจากกัน
โดยหวังว่าจะได้กลับมาพบน้ำแข็งอีก..

ทันทีที่รู้..
น้ำแข็งก็รีบออกตามหานาฬิกาทราย........

...................................................................

สายเกินไป..
ทรายกำลังจะหมดจากตัวนาฬิกาแล้ว

เมื่อน้ำแข็งมาถึง..
ก็ได้ยินเพียงคำพูดสุดท้าย จากปากของนาฬิกาทราย

"..ฉันรักเธอ.."

ความเย็นชาที่มีในตัวน้ำแข็งหมดลงทันที..


น้ำแข็งจึงเริ่มละลาย ในขณะที่ทรายเม็ดสุดท้ายร่วงลงสู่พื้นดิน..

กลายเป็นน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์
อยู่คู่กันมาจนทุกวันนี้


.........................................................

เพื่อนคนนึงส่งมาให้ แต่จำไม่ได้ว่ามาจากที่ไหน.. ต้องขอโทษด้วย..

อ่านแล้ว.. อยากแบ่งปันให้เพื่อน ๆบ้าง
เผื่อว่าทุกวันนี้..
เราหลงลืมอะไรกันไปบ้างหรือเปล่าครับ..

โฟล์คน้อย..
ขอบคุณครับพี่เอก.. Smile
สองคนข้างบนมาพร้อมกัน ในอดีต...อันน่าสะพรึงกลัว
อ่านแล้วก็ซาบซึ้งดีครับแต่คิดไปคิดมาแล้วยังไม่รู้เลยว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอย่างไร ถ้าน้ำแข็งไม่ตาย นาฬิกาทรายไม่เดี้ยง โลกนี้ก็คงไม่มีทะแลและหาดทรายที่สวยงามใช่ไหมครับ กระทู้นี้คงไม่ใด้มีความหมายเหมือนกระทู้ "ตอกตะปู" ของน้าโจ๊กนะครับ แค่คิดก็เสียวแล้วเพราะกระทู้ส่วนใหญ่ผมอ่านแล้วก็ลืมแต่กระทู้นั้นจำใด้ทุกตัวอักษรเลย
ผมหลงลืมที่จะเก็บเงินไว้สำหรับอนาคต ใช้มันตะบี้ตะบันจนไม่มีเก็บ..

นิทานของน้าเอกโฟล์คซอง น่าจะพูดถึงเรื่องรัก โลภ โกรธ หลง หรือเปล่า?
ซึ่งเรื่องที่กล่าวมามันหมดจากตัวผมไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เก็บไว้ก็แค่กิเลสอย่างเดียว Sad
ต้องขอโทษพี่กฤษณ์ และเพื่อน ๆก่อนนะครับ..
ที่เนื้อเรื่องอาจทำให้คิดไปได้ต่าง ๆ

เจตนาเดิมของเจ้าของเนื้อหานั้น.. ผมไม่แน่ใจครับ..
แต่ความรู้สึกที่ผมสัมผัส.. ผมคิดถึงครอบครัว..
(ซึ่งอาจดูเป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวไปบ้าง..)

.........................................................

หลายวันก่อนผมทำให้ภรรยาต้องเสียใจ.. ด้วยความหวังดี
จนเกือบทำให้อาการเธอทรุด..

บางครั้งการเจ็บป่วยไม่สบายนาน ๆ.. อาจทำให้เกิดความรู้สึกท้อแท้..
เราพูดคุยกันในเรื่องบางเรื่อง.. ที่อาจทำให้สิ่งประจำวันในชีวิตบางอย่างเปลี่ยนไป

เธอรู้สึกเป็นภาระให้กับผม และลูก..
ผมปลอบใจเธอ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร..

ไม่คิดว่าเธอจะคิดมาก.. จนอาการกำเริบ..
แต่เราก็ผ่านมันไปได้..

.......................................

จังหวะเดียวกับที่ผมได้อ่านเรื่องน้ำแข็งกับนาฬิกาทรายนี้..
ผมรู้สึกถึงเรื่องของทิฐิของคนเรา..
ความทิฐิในตัวมนุษย์.. มีทั้งส่วนที่ดี และส่วนที่ไม่ดี

การที่ผมเฝ้าดูแล ปลอบใจ.. จนเกือบกลายเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่เธอคิด..
นั่นคือสิ่งที่ผมต้องทบทวน..

การขัดแย้งในความคิด ความรู้สึก.. ไม่ว่าจะด้วยจากความหวังดี หรืออัตตาตัวตน..
อาจนำไปสู่ความผิดพลาด.. เหมือนเนื้อหาของน้ำแข็งและนาฬิกาทราย..

ระยะทางที่ห่างกันของน้ำแข็งและนาฬิกาทราย
ก็อาจคล้ายเป็นช่องว่างระหว่างตัวเรา และคนที่เรารัก..

การที่ดวงจันทร์โคจรผ่านมา..
เปรียบเหมือนวูบหนึ่งของความรู้สึก..ที่เตือนสติเรา..
ว่าเรากำลังทำอะไร..

บางครั้งเมื่อเรารู้สึกตัว.. คิดได้..
อาจทำให้เราพลาด.. หรืออาจสามารถแก้ไขบางสิ่งได้ทัน..

ความเข้าใจกันของคนเรา.. คงไม่แตกต่างไปจาก..
การที่น้ำแข็งและนาฬิกาทราย.. เปิดใจ ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง..

ซึ่งถึงแม้ในท้ายที่สุด..
จะเหลือเีพียงน้ำทะเลที่อ่อนโยน คอยโอบอุ้มผืนทรายที่บริสุทธิ์

แต่ก็ยังได้ให้ความชุ่มชื้น ความสดใส กับทุกสิ่ง.. กับทุกชีิวิตที่ยังคงอยู่..

ผมถึงได้ตั้งชื่อกระทู้ไว้ว่า..
"..เผื่อว่าทุกวันนี้.. เราหลงลืมอะไรกันไปบ้างหรือเปล่า.."

เพราะผมไม่อยากให้เวลาของเรากับคนที่เรารัก
หล่นหายไปในระยะทางของน้ำแข็งและนาฬิกาทราย..

เพื่อไว้เตือนสติตัวเอง.. และอาจได้เป็นประโยชน์กับเพื่อน ๆบ้าง..

..............................................

ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ..
โฟล์คน้อย..
เกิดมาเพื่อคู่กัน การอยู่ดูแลกันไปในยามใครทุกข์ ลึกๆคือความสุขที่แท้จริง
ทำวันนี้ด้วยกันให้ดีที่สุด ก็สมศักดิ์ศรีที่เกิดมาร่วมกันแล้วครับ
มาเสี้ยมให้รักกันใช่มั๊ยล่า...รู้นะ Big Grin
Thank you Little Folk,
Sometimes we're spinning so fast in our own circles and didn't give ourselves enough time for any thought to the persons we loveSad

Thanks again for reminding us.Wink
ชื่นชมน้าโฟล์คน้อยครับ

....ละเอียดอ่อน และพยายามเข้าใจตัวเองและคนที่เรารัก
เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขที่สุด

การอยู่ร่วมกัน บางครั้งไม่ต้องอ้างหลักการ ใช้เหตุผลอะไรมากมาย
แค่ใช้ใจสัมผัสใจ..
Pages: 1 2