NimitGuitar webboard

ถ้าสนของใหม่ อยู่อเมริกา ผมแนะนำให้โทรไปหา Jim ที่ Guitarrodeo ครับ ใช้googleเอานะครับ หรือจะemailไปก็ได้ครับ

ผมลองresearchมาแล้ว ราคาอีตาจิมน่าสนใจสุดๆครับ บางอย่างถูกกว่ามือสองในอีเบย์อีก แน่นอนว่าบางรุ่นก็มีที่ราคาสูงกว่าเจ้าอื่น แต่ราคาโดยรวมต่ำกว่าที่อื่นครับ ลองถามดูครับ

ถ้าเอาราคาอีตาจิมมาเทียบนี่ ผมว่าเมืองไทยไม่ได้ถูกที่สุดในโลกหรอกครับ แต่ราคาก็ดีจริงๆนะครับ

กีต้าร์เซ็นเตอร์มันตั้งราคาแพง และเนื่องจากกีต้าร์ส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้โฆษณาราคาต่ำกว่าที่กำหนดไว้ เช่น 914CE ไปเจอwebไหนก็3999 หมด ไอ้ที่Guitar Center โฆษณาว่าถ้าไปเจอที่ไหนโฆษณาถูกกว่าเรา เอามาเคลมได้เลย เราจะขายถูกกว่านั้นด้วยส่วนต่างสิบเปอร์เซ็นต์จึงไม่มีประโยชน์อะไร

อย่าง914CE เนี่ย 3000 นิดๆก็ซื้อของใหม่ได้แล้วครับผม

อีกเรื่องนึงครับ taylorในเมืองไทยกำลังจะไปอยู่กับเจ้าไหน ใครรู้บ้างครับผม เสียดายแหะ ผมโทรไปLuckyบอกว่าเลิกแล้ววววววว

(20-04-2009, 21:31)got_st Wrote: [ -> ]ผมอยู่เมกาอะคับตอนนี้
ไปดู martin oooc-rgte aura มา 1650 เหรียญเองน่าจะลดได้อีกนะเพราะผม
แค่ถามเค้าก็ลดให้แล้วร้อยนึง จาก 1749 อะ
น้าคิดว่าไงคับกับรุ่นนี้ ติดตรงคอเล็กไปหน่อย เสียงไม่ค่อยดังเท่าไหร่ เพราะทรงมั้ง
ขอความเห็นหน่อย

ตัวนี้คุณ Yodchula เคยรีวิวไว้ในกระทู้นี้ครับ

http://www.nimitguitar.com/mybb/showthread.php?tid=566

ราคาเมืองไทยประมาณนี้

http://www.guitarthai.com/classified/que...QID=286038

ราคาที่คุณบอกถ้ารวม state tax เข้าไปน่าจะสูสีกันครับ

ราคาขายจริงของ Martin และ Taylor จะถูกกว่า list price 40% ครับแต่ต้องโทรฯไปถามเอง

ตอนนี้ Taylor กระจายตัวแทนจำหน่ายในบ้านเราเป็นหกเจ้าเลยครับรวมทั้งนครหลวงและเอเชียมิวสิคด้วย

http://www.taylorguitars.com/dealers/Int...y=Thailand

ไม่รู้จะมีรายการแยกกล่องขายต่างหากอีกหรือเปล่า

เรื่องsale tax ขอแนะนำนิดนึง เผื่อใครยังไม่ทราบ ใครทราบแล้วก็ขออภัยด้วยนะครับ

ถ้าสั่งเอาจากร้านในรัฐอื่นก็ไม่เสียครับ

เช่นสั่งจากร้านGuitarrodeo ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในมิเนโซต้าก็ไม่ต้องเสียsale tax

แต่อย่างคุณอยู่แคลิฟอร์เนีย จะไปสั่งจาก Guitar Center ในNew York ยังงี้ต้องเสียนะครับ เพราะอะไร เพราะว่า Guitar Center ประกอบกิจการในรัฐCalifornia ด้วย มีสาขาในแคลิฟอร์เนียตรึม

แต่ถ้าสั่งจากร้านที่ประกอบการอยู่รัฐเดียวแบบ Guitarrodeo คุณอยู่New York หรือ California คนละรัฐกับร้านก็ไม่เสียครับ ข้อด้อยก็คือคุณไปดูกีต้าร์โดยตรงไม่ได้ แต่ปกติร้านพวกนี้ถ้าเขาส่งกีต้าร์มา คุณไม่พอใจ คุณส่งคืนได้นะครับ แต่เสียค่าส่งเท่านั้นแหละ

ยังไงใช้วิธีนี้ก็ประหยัด tax ไป5-9% แล้วแต่รัฐครับ

ปล. คุณpood ขอemailปรึกษานอกรอบนิดนึงนะครับ

run out ถ้าหมายถึงไม้ 2 ข้าง บุ๊คแมช ลายถี่ได้มาตฐาน แทปปิ้งเสียงได้ความกังวาลตามต้องการ เอ็กซ์เรย์ด้วยแสงแล้วไม่มีตำหนิหรือช่องว่างด้านใน ผ่านการเลื่อยแบบควอเตอร์ซอว์และมีเกรนเอียงได้มุม (ประมาณ 60 - 80 องศา) เพื่อต้านแรงดึงหรือแรงเฉือนระหว่างเกรน และไม่ให้ไม้แตกหรือฉีกจากแรงดึงสาย อย่างในภาพที่เห็น Taylor 710CE L9 ตัวนี้

งานนี้เลือกกีต้าร์เข้าบ้านที หูตูบเลยครับ

ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นมุมเอียงของแสงที่ตกกระทบไม้หน้า ซึ่ง englemann จะมี cross silk เยอะมาก และระยับสะท้อนแสงได้ดีกว่า sitka ครับ

ถ้าดูอย่าง red spruce ตัวนี้ สีไม้ 2 ข้างก็ไม่เท่ากันครับ

กีต้าร์เกรดสะสม ผมไม่ค่อยรู้เรื่องมากว่าเลือกกันยังไง (ส่วนใหญ่เอาเสียง และราคาขายต่อครับ) รบกวนขอความรู้ด้วยครับ

http://www.gbase.com/files/store_images/...wae_so.jpg

ขยายภาพให้ครับ..

D-45GE เลยนะนั่น..

[quote='Katayoot' pid='83982' dateline='1240301411']
run out ถ้าหมายถึงไม้ 2 ข้าง บุ๊คแมช ลายถี่ได้มาตฐาน แทปปิ้งเสียงได้ความกังวาลตามต้องการ เอ็กซ์เรย์ด้วยแสงแล้วไม่มีตำหนิหรือช่องว่างด้านใน ผ่านการเลื่อยแบบควอเตอร์ซอว์และมีเกรนเอียงได้มุม (ประมาณ 60 - 80 องศา) เพื่อต้านแรงดึงหรือแรงเฉือนระหว่างเกรน และไม่ให้ไม้แตกหรือฉีกจากแรงดึงสาย อย่างในภาพที่เห็น Taylor 710CE L9 ตัวนี้

กีต้าร์เกรดสะสม ผมไม่ค่อยรู้เรื่องมากว่าเลือกกันยังไง (ส่วนใหญ่เอาเสียง และราคาขายต่อครับ) รบกวนขอความรู้ด้วยครับ


อ่านข้อความด้านบนแล้วยังไม่ค่อยจะเข้าใจครับ

1. โรงงานเขามีการ x-ray ไม้ด้วยหรือครับ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยครับ

2. True quartersawn เป็นการเลี่อยมุม 90 องศาไม่ใช่หรือครับ หากเลื่อยมุม 60-80 องศาแล้วมันจะต้านแรงดึง (tension?) และแรงเฉือน (shear?) ใด้ดีกว่าเพราะอะไรครับ

3.ไม้หน้าแตกจากแรงดึงของสายใด้ด้วยหรือครับ ผมนึกว่ามันแตกใด้เพราะการหดตัวของไม้ (shrinkage crack) ตามแนวนอนหรือแตกจากการกระแทก ( punctured shear) เท่านั้น


ผมไม่ทราบเหมือนกันครับว่ากีต้าร์สะสมเขาเลือกกันยังไงในเมืองไทย ถ้าเป็นเมืองนอกเขาเลือกกันว่าตัวไหนน่าจะมีกำไรสูงสุดเมื่อขายต่อในอนาคตแต่ข้อนี้ใช้ในบ้านเราไม่ใด้เพราะเราไม่มีตลาดนักสะสม

ผมว่าคนที่มีกีต้าร์หลายตัวในบ้านเรานั้นซื้อด้วยกิเลศมากกว่าโดยไม่ค่อยคำนึงเรื่องราคาขายต่อ ถ้าซื้อในเมืองไทยไม่ว่ามือหนึ่งหรือมือสองนี่ขายต่อไม่มีทางใด้กำไรครับเพราะผู้ซื้อเขารู้ว่าเราซื้อมาราคาเท่าไหร่ ถ้าซื้อเมืองนอกโดยบินไปเลือกเองก็ไม่มีทางใด้กำไรหากบวกค่าเดินทางเข้าไปในต้นทุนด้วย

คนที่เราเรียกกันว่า "นักสะสม" ในเมืองไทยนั้นแบ่งเป็นสามประเภทครับ

1. เศรษฐี... นักสะสมประเภทนี้น่าจะมีเยอะที่สุดแต่พวกเราไม่ค่อยรู้จักเพราะเขาไม่ขายกีต้าร์แต่ซื้ออย่างเดียว บางคนมี Martin เป็นร้อยตัว ถ้าคุณมีเงินเป็นพันล้านจะแบ่งมาซื้อกีต้าร์ซักสิบล้านก็ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกครับ

2. ไม่รวยแต่ใจรัก....พวกนี้ต่อทุนด้วยการขายออกบ้างเพื่อเอาสตางค์ไปซื้อใหม่ บางคนไม่ใด้คิดจะสะสมด้วยซ้ำแต่กลายเป็นนักสะสมจำเป็นเพราะตัดใจขายตัวที่เสียงดีไม่ใด้และตัวที่เสียงไม่ดีที่ซื้อมาโดยไม่ใด้ลองเสียงก็ขายไม่ออก เงินทองก็ร่อยหรอไปเรื่อยๆเพราะต่อให้ขายใด้กำไรสองเท่าตัวแต่กำไรก็ไปจมอยู่กับตัวที่ขายไม่ออกหรือไม่ยอมขายหมด

3. พ่อค้า...ประเภทนี้สะสมเพราะสั่งกีต้าร์มาขายแล้วขายไม่ออกครับ ส่วนใหญ่เขาไม่เดือดร้อนเพราะมีรายใด้ทางอื่นอยู่แล้วและราคาต้นทุนของเขาถูกมากด้วย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับน้า pood

เดี๋ยวผมจะลองหาข้อมูลเรื่องคุณสมบัติไม้หน้าอีกทีครับ

ไม้หน้าของโรงงานอย่าง Taylor หรือ Martin เค้าจะเอาไม้หน้าไปทาบบนกระจกเหมือนทาบฟิล์ม X-ray ครับ แล้วตรวจสอบความผิดปกติ จากนั้นก็ใช้ดินสอ เขียนระบุว่าควรจะเป็นไม้หน้ารุ่นอะไรครับ

ดูใน youtube ทัวร์โรงงานฯ อ่ะครับ

ส่วนเรื่องการซื้อกีต้าร์ ถ้าอย่างที่น้า pood บอกมา ของผมกิเลสล้วน ๆ ครับ ขาดแต่ตังค์ เพราะถ้ามีตังค์ 100 ผมคงเหลือทำอย่างอื่นซัก 10 ที่เหลือซื้อกีต้าร์หมดแน่

เอ๊ะ....แต่แปลกนะครับ
ที่พี่กฤษณยกตัวอย่างกีตาร์ Taylor ที่อเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Ebay ตัวนี้ (โพสต์ที่ 4)
http://cgi.ebay.com/ws/eBayISAPI.dll?Vie...0405051245
Taylor Acoustic/Electric .. 2004 710CE Short Scale

ผมก็เห็นว่าเป็น Run Out เหมือนกัน
ทำให้เห็นว่าไม่เฉพาะที่ส่งมาขายที่เมืองไทย อเมริกาก็มีขายเหมือนกัน
เอ๊ะยังไงกันนะครับ งง งง งง
เห็นทีผมจะต้อง Run Away กับรุ่นนี้หรือไร
ผมจะเฝ้าติดตามอีกซักตัวสองตัวซิว่า จะเป็น Run Out - Special Edition หรือเปล่า

ใครก็ได้ โปรดอธิบายเพิ่มเติมหน่อยครับ สมาชิกจะได้ข้อมูลชัดเจนมากขึ้น

ผมเข้าใจว่า grain runout คือความห่างของgrainไม้ระหว่างตรงกลางของกีตาร์ถึงขอบรึเปล่าครับ ถ้ามี runout หมายถึงgrainตรงขอบแผ่นจะห่างกว่าตรงกลางไม่ใช่หรือครับเหมือนพวก adirondack น่ะครับที่ตรงกลางลายจะถี่แต่ตรงขอบลายจะห่างเพราะหาไม้สวยยากครับ

แล้ว.. ถ้ามัน run out นี่มันจะดีหรือไม่ดีครับน้า gttle..