NimitGuitar webboard

Full Version: เงิน... ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ทีุ่สุดของมนุษยชาติ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
เป็นเรื่องที่คัดมาจาก blog ของน้องคนหนึ่งซึ่งให้ข้อคิดน่าสนใจ เขากำลังจะเรียนจบดอกเตอร์ทางด้านวิศวกรรมโยธาในเร็วๆ นี้ งานอดิเรกก็มีถ่ายภาพ เล่าเรื่อง ขี่จักรยาน ทำกับข้าวเก่งซะด้วย อันที่จริงเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นอาจารย์สอนที่จุฬาฯ แต่ตอนนี้ไม่มีตำแหน่งว่าง คงต้องหางานที่อเมริกาไปพลางก่อน หวังว่าเราคงได้คนดีกลับมาเป็นแม่พิมพ์ของชาติในเร็ววันค่ะ

สนใจติดตามงานเขียนหรืองานถ่ายภาพของเขา แวะไปเยี่ยมชมและสนทนาได้ที่ http://jaktared.multiply.com ค่ะ

เงิน... ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ

วันนี้ไม่มีรูปถ่ายให้ดูครับ ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าหลังจากที่ defend dissertation ไปแล้ว กลับมีอะไรให้ทำมากมาย ไม่รู้ว่ามากยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำรึเปล่า แค่จัดบ้านที่รกๆอย่างเดียวก็กินเวลาไปร่วม 3 - 4 วันเห็นจะได้ พอมีเวลามากขึ้นก็เอาไปลงกับ TA class เพิ่มจากเดิม เอาไปอุด ปะ อะไรที่เคยทำแบบพอให้เสร็จไปก่อน ยิ่งช่วงนี้เริ่มใช้ google calendar จริงๆจังๆ ทำให้ "ตารางชีวิต" กลับแน่นเอี้ยดยิ่งกว่าเดิมซะอีก เพราะฉะนั้น เลยไม่มีรูปสิงสาราสัตว์ทั้งปวงให้ท่านๆได้ชมตามที่เคยคาดไว้ คิดว่าวันสองวันนี้อาจจะไปถ่ายบรรยากาศของ UT มาซักหน่อย ถ้าได้ฤกษ์เมื่อไหร่ทุกคนคงได้ชมกันแน่ครับ (ปล. ดอกสีชมพูที่คุณเหมียวให้ไว้เป็นการบ้านนี่ก็ยังไม่ลืมครับ รอ extender ring มาถึงมือก่อน ช่วงนี้งบน้อย ขอเก็บตังไว้ไปอลาสกาตอนช่วงหน้าร้อนดีกว่า)

พอคนเรามีเวลาว่างมากไปก็จะคิดครับ คิดไปเรื่อย แต่ไม่ได้คิดมากครับ พูดอย่างงี้เดี๋ยวจะงงอีก ข้างบนบอกว่าวุ่นกว่าเดิม มาย่อหน้านี้บอกว่าว่าง ไอ้ที่ว่างก็คือมันไม่มีอะไรที่ต้องคิดตลอดเวลาในหัวสมองครับ พูดงั้นก็ไม่ถูกอีกเพราะผมก็เป็นคนที่คิดอะไรตลอดเวลาเหมือนกัน (คนรอบตัวบางทีอาจงงว่าทำไมตานี่หน้าตาเครียดตลอด) แต่เอาเป็นว่าสิ่งที่คิดคงมีความสำคัญรองลงมาจากงานวิจัยที่ชี้ชะตาปริญญาเอก

นั่นเลยเป็นที่มาว่าทำไมอยู่ๆมาเขียนบลอกนี้ ฟังดูเครียด แต่ผมคงไม่อยากจะเขียนให้ผู้อ่านเครียดนัก เพราะอารมณ์ผู้เขียนไม่ได้เครียดเท่าไหร่ (ถ้าเครียดแล้วค่อยบรรเทาไปให้ผู้อ่านร่วมแบ่งปัน) เรื่องก็มีอยู่แค่ว่าผมนั่งหาตำแหน่งอาจารย์ในอเมริกาอยู่ มองหาตำแหน่งในเมืองเล็กๆ (จงใจเอาเมืองเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ๆ National Park ครับ) หนึ่งในนั้นก็เป็นมหาวิทยาลัยของพี่วีด้วย (ฮ่าๆๆ เห็นวิวสวยนัก แอบสมัครซะเลย) หาไปหามา ชักรู้สึกว่าเริ่มจะดึก เลยเอาผ้าไปลงเครื่องซัก ลงตอนนี้ อบเสร็จก็พอดี ราวๆตีหนึ่ง อาบน้ำอาบท่าคงได้นอนไม่เกินตีสอง กำลังดี

เอาผ้าไปยัดลงเครื่อง จัดแจงอะไรเสร็จสรรพก็เดินกลับมาห้อง มาล้างมือ อ้าว เหมือนเจอขุมทรัพย์โกโบริ ที่ "ชวริน" หาไม่เคยเจอซักที (สะกดชื่อแบบนี้แล้วกันครับ เดี๋ยวจะบ้าเลือดมาฟ้องผม) ไม่มีอะไรมากไปกว่าองุ่นที่แช่ไว้ตั้งแต่ตอนหัวค่ำ ตอนนี้สารเคมีคงละลายออกมากับน้ำที่ผสมโซเดียวไบคาร์บอเนต (เบคกิ้งโซดา) ไปเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาสำเร็จโทษองุ่นเม็ดดำๆเหล่านี้แล้วสิ

เหลือบไปข้างๆชามองุ่น พบส้มวาเลนเซีย (ไม่ใช่ว่าหรูต้องกินส้มวาเลนเซียนะครับ มันหาอะไรอื่นที่คล้ายๆส้มบ้านเราไม่ได้ จริงๆมีเป็นแบบคล้ายๆส้มเช้ง แต่เปลือกไม่แข็งเท่า นั่นก็อร่อย แต่พอดีไม่เห็นมีขาย) ส้มสามลูกนี้อยู่ในถุงพลาสติกที่เพิ่งจะเอามาใส่ส้มตอนหัวค่ำ (เพิ่งไปจ่ายตลาดมาตอนทุ่มกว่าๆ) ไม่น่าเชื่อว่าตอนห้าทุ่มจะไปอยู่ในถังขยะซะแล้ว ประโยชน์ใช้สอยมีอยู่ราวๆ 4 ชม เท่านั้น แต่ใช้เวลาอีกราวร้อยปีกว่าจะย่อยสลายได้

นั่นเลยเป็นสิ่งที่กระตุกต่อมความคิดจี๊ดๆขึ้นมาว่า ทั้งหมดแล้ว ล้วนเกิดมาจากหน่วยที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเป็นมาตรฐาน ให้คุณค่าของสิ่งของแต่ละสิ่ง บวกกับระบบเศรษศาสตร์ บวกกับอุตสาหกรรมภิวัฒน์ สิ่งเหล่านี้ทำให้การมองค่าของสิ่งต่างๆผิดไปจากความเป็นจริง มนุษย์ทุกวันนี้มองทุกอย่างแล้วตีัค่าว่า สิ่งนี้ถูก สิ่งนี้แพง สิ่งนี้สูงค่า สิ่งนี้ไร้ค่าโยนทิ้งได้ โดยหาได้นึกถึง "คุณค่า" ในของชิ้นหนึ่งๆไม่

ถุงพลาสติกที่ฉีกทิ้งไป ทางเศรษฐศาสตร์ หรือทางการเงิน มีมูลค่าไม่ถึง 10 cent ด้วยซ้ำ พวกเราทุกคนถึงพร้อมใจกันทิ้งได้โดยไม่มีเยื่อไย ที่จริงผมใช้กระเป๋าเป้จ่ายกับข้าวตั้งแต่ก่อนที่จะมารณรงค์ใช้ถุงผ้าด้วยซ้ำ แต่ไอ้ถุงที่ใส่ส้มนี่วันนี้ลืมคิดไปจริงๆครับ น่าจะหยิบแค่ส้มใส่รถเข็นมาแบบไม่มีถุงพลาสติก ไม่รู้จะเอามาทำไม ก็แค่ให้พนักงานคิดเงินกดรหัส ชั่งน้ำหนัก ก็คิดเงินได้แล้ว วุ่นวายหน่อยเพราะมีสามลูก แต่แค่นั้นประหยัดต้นทุนสิ่งแวดล้อมไปได้โขเลย

ผมว่าถ้าใครที่อ่านร่าย บ่น เล่า กล่าว ของผมในอัลบัมต่างๆมาเรื่อยๆคงคิดว่าผมเป็นพวกบูชาอเมริกันซะเหลือเกิน จริงๆก็ยอมรับนะครับว่าระบบความคิด ความรับผิดชอบต่อสังคม และหลายๆอย่างของอเมริกันเป็นสิ่งที่น่าชื่นชม คนไทยส่วนใหญ่จะรู้สึกอคติกับอเมริกันในฐานะที่ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลก เป็นมหาอำนาจ ระราน ก้าวก่าย วุ่นวายเค้าไปทั่วซึ่งก็จริง แต่นโยบายพวกนั้นมาจากผู้นำประเทศ ไม่ใช่สิ่งที่เป็นตัวแทนของอเมริกันชน แต่แม้ว่าจะมีสิ่งที่น่าชื่นชมอยู่มากมาย อเมริกันคือผู้ทำลายสิ่งแวดล้อมโลกตัวยงเลยทีเดียว

ประเทศนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลองมาอยู่สัก 4 ปีแบบผมก็จะรู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณของการเป็นเจ้าพ่อแห่ง "อุตสาหกรรมภิวัฒน์" (บัญญัติศัพท์ขึ้นมาเอง) ทุกวันนี้เวลาจะทำอะไรผมค่อนข้างจะคิด คิดว่าจะทำยังไงให้มีประสิทธิผลมากที่สุด (อาจจะเป็นเพราะด้วยความที่เป็นวิศวกรด้วย) ... อาบน้ำ ล้างจาน ซื้อกับข้าว เดิน กิน ฯลฯ ล้วนแล้วแต่มี optimization algorithm ติดเข้าไปด้วย

แน่นอนครับ ทรัพย์ใดจะมีค่าไปกว่า "เวลาทรัพย์" เวลาคือทรัพยากรที่ไม่สามารถย้อนกลับมาใช้ใหม่ได้ (nonreversable resource) อเมริกันเห็นความสำคัญนี้เป็นอย่างยิ่ง (เพราะ เวลาทรัพย์ เอาไปใช้หาเงินทองได้) นวัตกรรมทั้งหลายที่อยู่ในชีวิตประจำวันของอเมริกันชนจึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการประหยัดเวลา ประหยัดแรงงานคน แต่ทั้งนี้ต้องแลกมาด้วยพลังงานมหาศาลจากน้ำมัน ถ่านหิน นิวเคลียร์ ฯลฯ

ถามว่า ถ้าทำน้ำหกบนโต๊ะ จะทำยังไงครับ พี่ไทยบอก "รีบเอาผ้ามาเช็ด" พี่กันบอกว่า "รีบเอา paper towel มาเช็ด" แล้วพี่ไทยทั้งหลายที่มาเรียนต่อแถวนี้ก็ทำตามพี่กัน... แน่สิครับ เช็ดแล้วทิ้ง ไม่ต้องซักให้เหนื่อย แต่ต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่ล่ะครับ ไอ้ paper towel เนี่ย กว่าจะตัดต้นไม้ กว่าจะเอามาฟอกใย ทำเยื่อกระดาษ บลา บลา บลา... พลังงานเท่าไหร่ไม่ทราบ รู้แต่แผ่นละไม่ถึง 1 cent ก็เช็ดแล้วทิ้งไปซะ ผมคงเป็นคนเดียวที่ใช้ผ้าเช็ดมือ ผ้าเช็ดโต๊ะ

ที่เห็นแล้วขัดหูขัดตาที่สุดคือวัฒนธรรมการกิน ที่ไม่เคารพอาหาร ไม่เห็นคุณค่าของชีวิตสัตว์ ถ้าลองคิดดูกันว่า เกิดต้องเลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ แล้วต้องฆ่ากินเอง หรือต้องปลูกข้าวกินเอง เราคงจะกินแบบไม่ซี้ซั้วกันเหมือนทุกวันนี้ เมื่อหมู วัว ไก่ ปลา กุ้ง ถูกแล่ ชำแหละ ตัดหัวออก เลาะกระดูกทิ้ง ก็เป็นชิ้นเนื้อที่ไม่มีวี่แวว ร่องรอยของความโหดร้ายระหว่างกระบวนการฆ่า ทุกอย่างถูกแพคลงบนจานโฟมพลาสติกปิดหน้าด้วยพลาสติกแรป ปะราคาไว้ด้านบน... ชีวิต ในมุมมองของคน มีค่าเป็นเงิน ... ดอลล์ บาท ฯลฯ

ยิ่งเวลาไปทานบุฟเฟ่กันด้วย ยิ่งสะใจไปกันใหญ่ หยิบพิซซ่ามากินแค่หน้า ทิ้งแป้งทั้งยวง คว้าซูชิมา กินแต่ปลา โยนก้อนข้าวทิ้ง กินกันกะให้เจ้าของร้านบุฟเฟ่จนให้ได้ ทั้งที่สุดท้ายต้องมานั่งปวดท้อง ดีไม่ดีต้องไปนั่งอ้วกออก ไม่มีใครเถียง ถ้าคุณจะมี "อำนาจซื้อ" แต่เงินไม่สามารถซื้อต้นทุนทางสิ่งแวดล้อม หรือต้นทุนชีวิตเหล่านั้นกลับมาได้

[color]นอกจากจะใช้เงินเป็นสิ่งวัดค่าสิ่งของ ชีวิตสัตว์แล้ว ในทีุ่สุดมนุษย์ก็แพ้ภัยตัวเอง เพราะเอาเงินมาวัดคุณค่าของคนแต่ละคนในที่สุด[/color] ถ้าพูดว่าคนคนหนึ่งประสบความสำเร็จ... คุณจะิคิดอะไรเป็นสิ่งแรก รวย รึเปล่าครับ ครอบครัวแตกเป็นเสี่ยง ชีวิตไม่มีความสุข แต่รวย คือประสบความสำเร็จ ???

ก็แค่อยากจะฝากไว้ว่าบางที เราควรจะเิลิกสนใจ "มูลค่า" แล้วไปใส่ใจกับ "คุณค่า" กันให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่ผ่านมาหลายพันปีของมนุษยชาติตั้งแต่ เมโสโปเตเมีย อารยธรรมลุ่มแม่น้ำคงคา โรมัน ฯลฯ ... ต่างดำเนินมาแบบผิดๆโดยตลอด

ถ้าตกงานจริงๆ คงต้องไปเขียนคอลัมน์ในนิตยสารล่ะมังครับ บ่นได้เป็นวรรคเป็นเวรขนาดนี้ แต่จะมีคนอื่นรึเปล่าก็อีกเรื่องนึง

อ่านเรื่องเล่าของน้องเขาแล้วเลยต้อง post เรื่องเกี่ยวเนื่องกันลงใน blog ของตัวเองด้วย ...ว่าไปตามนี้เลยค่ะ

Thirty things to do with the paper bag
[Image: DSC00048.jpg]
ดอกเตอร์ช่างบ่น (คนเดียวกับตากล้องช่างจ้อ แต่คนละ function ...555) เขียนเรื่องเตือนสติพวกเราให้สนใจ ?คุณค่า? มากกว่า ?มูลค่า? มีตอนหนึ่งกล่าวถึงการเผลอทิ้งถุงพลาสติกไปก่อนที่จะใช้จน optimum อ่านแล้วนึกถึงอะไรบางอย่างที่ว่าจะทำแต่ก็ไม่ได้ทำสักที นั่นคือการถ่ายรูปถุงกระดาษใบหนึ่ง เพื่อเอา idea ดีๆ จากข้างถุงไปเผยแพร่ผ่าน website

แม้จะเล็งเห็น "คุณค่า" ของข้อความที่สื่อสารอยู่บนถุงใบนั้น ความที่มัวแต่คิดถึงเรื่อง "มูลค่า" ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งทีก็ต้องเอาแบบงามๆ หน่อย (ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มีฝีมืออะไรหรอกนะ) จึงได้แต่เงื้อแล้วก็ไม่ได้ตี idea ดีๆ ที่ว่าเลยยังไม่ได้ถูกกระจายไปไหน เสียประโยชน์อันพึงได้ไปกว่า 3 ปีแล้ว

วันนี้อ่านบทความท่านดอกเตอร์จบแล้วรู้สึกผิดเป็นกำลัง จึงเดินไปหยิบถุงกระดาษใบที่ว่ากับคว้ามือถือ เปิดไฟอ่านหนังสือส่องแค่พอให้กล้องจากมือถือโง่ๆ focus ได้ แล้วกดมันเลย ...เออ..แค่นี้ก็ใช้งานได้แล้วนี่หว่า รออะไรอยู่ตั้ง 3 ปีเนี่ย ???

ติดตามอ่านงานเขียนของดอกเตอร์ช่างบ่นได้ที่นี่ค่ะ http://jaktared.multiply.com/journal/item/18/18
คำเตือน : ห้ามอ่านเกินวันละ 2 เรื่องเพราะอาจเสพติด โปรดสังเกตคำเตือนบน website

____________________________________________________


ถุงกระดาษใบนี้ ได้มาจาก Tourist Information Centre ของเมือง Tanunda ใน South Australia เนื่องจากรูปถ่ายเก็บไม่หมด และตัวหนังสืออาจเล็กเกินไป จึงคัดข้อความที่อยู่ข้างถุงกระดาษมาลงไว้ให้อ่านกันชัดๆ หวังว่าคงเกิดประโยชน์โดยถ้วนหน้ากันค่ะ

Thirty things to do with this paper bag (อ่านแล้วทิ้งถุงใบนี้ไม่ลงถ้ายังไม่ได้ทำ 1 ใน 30 สิ่งต่อไปนี้ -- ผู้เขียน)

1. Put all your rubbish in it while you?re driving and then put it in a bin.
2. Put your bottles and aluminium cans in it to take to a recycling depot and receive your 5c back.
3. Use it to pack your smelly socks in.
4. Keep it in the boot for when you need a bag.
5. Take it to the shops for putting groceries in.
6. Breathe into it slowly to stop yourself hyperventilating.
7. Wear it on your head as a sunhat.
8. Pull it over face, tear a slit for your eyes and pretend you?re Ned Kelly. (Ned Kelly เป็นจอมโจรฮีโร่ของชาวออสซี่ ? ผู้เขียน)
9. Write ?Gucci? on the side and have a free designer handbag.
10. Fold it up really small and use it to chock-up a wonky table leg.
11. Tie string on one end and use it as a kite.
12. Use it as a parachute for Barbie doll.
13. Pull it over your head if you don?t want to be recognized by someone.
14. Tie it with a ribbon and you?ve got some very practical gift-paper.
15. Carry your dirty footy boots in it.
16. Carry your lunch in it.
17. Use it for sitting on the ground so your bottom won?t get dirty.
18. Use it as a mitt when you check your tyres so your hands don?t get dirty.
19. Cut it up and use it as notepaper.
20. Let the kids draw on it.
21. Keep all your holiday maps and brochures together in it.
22. Collect al your holiday keepsakes in it.
23. Use it as a tote bag on the beach
24. Use it as a bin liner where you?re staying.
25. Use it as a briefcase back at work.
26. Store your holiday photos in it.
27. Use it to carry bottles of wine out to dinner.
28. Use it for papier-mache sculpture.
29. Use it to prove you can fight your way out of a paper bag.
30. Put it out for recycling.

Everything has more than one use even a humble paper bag. So please think about that before you throw anything away. Could it be re-used? Could I be recycled? That way, you?ll help us reduce the tonne of waste that every single person produces in South Australia each year because our aim is zero waste.
Keep this bag to put other brochures in during your visit.
ส้าธุ อนุเเมวทนาด้วยคร้าบบ


สั้นๆนะครับ ถ้างั้น ความสุขของมนุษย์ คืออะไร ความสำเร็จของมนุษย์ คืออะไรหล่ะครับ

ตอบโดยมวลรวม อย่าตอบว่า.....โดยปัจเจกไม่สามารถระบุได้นะครับ



Seek for understand, then to be understood

810...... 610 เลขบังเอิญดีจังนะ
' เราควรจะเิลิกสนใจ "มูลค่า" แล้วไปใส่ใจกับ "คุณค่า" กันให้มากขึ้น '

ชอบคำนี้จัง...หวังว่าเมื่อน้องเค้าเรียนจบ คงไม่ถูกกระแสสังคมกลืนความคิดดีๆไปจากเค้านะัSmile

ส่วนถุงของป้าเนี่ย...มีเหลือสักใบสองใบไหมBig Grin
Hi all,
Very interesting topic, to say the least.
It's boiled down to human nature, GREEDINESS!!!!Sad
อ่านกระทู้นี้แล้วนึกถึงสามเหลี่ยม Maslow ที่คุ้นเคย...

ความต้องการของมนุษย์ในด้านต่างๆ มักจะพัฒนาไปตามขั้นตอน เมื่อมีสิ่งหนึ่งก็จะต้องการอีกสิ่งหนึ่งเป็นขั้นบันได ถ้าดูจากภาพ "เงิน" ไม่อยู่ในความต้องการของมนุษย์เลยครับ

แต่เงินเป็นสิ่งซึ่งสามารถแลกมาซึ่งกับความต้องการบางประการ.....

[Image: fffw.png]
By fenderstrato93

1. Physiological Needs เป็นเหมือน basic needs: ต้องการอากาศหายใจ, อาหารและน้ำ, เครื่องนุ่งห่มม ยารักษาโรคม มีความต้องการทางเพศ, การพักผ่อน, ต้องการการขับถ่าย

2. Safety Needs ต้องการความมั่นคงและความปลอดภัยทางร่างกาย, การงาน, ครอบครัว ตลอดจนทรัพย์สิน

3. Love-Belonging อยากมีความรัก ต้องการถูกรัก อย่างเป็นเจ้าของ อยากโดนเป็นเจ้าของ

4. Esteem พึงพอใจกับความสำเร็จของตนเอง มั่นใจในตนเอง เคารพในสิทธิ์ผู้อื่น มีผู้อื่นเคารพยกย่องและศรัทธาในความดี

5. Self-Actualization เป็นบันไดขั้นที่ตระหนักในการดำรงอยู่และมีคุณค่าของตน ขั้นนี้ถือเป็นขั้นเทพ ที่ไปกดความคิดไม่ดีทั้งหลาย (ที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะมีความพร้อมในการทำชั่วสูง) เป็นขั้นของศีลธรรม ละความชั่ว ปราศจากอคติทั้งปวง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและพร้อมจะแก้ไขปัญหาต่างๆ พร้อมจะแบ่งปัน ช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์ มีศักยภาพในด้านต่างๆสูง จริงใจ เปิดเผย ตรงไปตรงมา เรียกสั้นๆว่า ขั้นเทพ นั่นเอง Big Grin

เท่าที่ดู มนุษย์ที่สร้างปัญหา หรือก่อความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากๆ เพราะขาดขั้นที่ 5 คือ คุณธรรมและศีลธรรมที่ไม่อาจสั่งสอนกันได้

ป.ล. ผมดูจากภาพแล้วอธิบายเอาเองตามที่เคยอ่านมานานมากๆๆแล้วนะครับ ผิดถูกอย่างไรก็ขออภัยไว้ก่อน
(25-02-2009, 02:07)hattaya111 Wrote: [ -> ]สั้นๆนะครับ ถ้างั้น ความสุขของมนุษย์ คืออะไร ความสำเร็จของมนุษย์ คืออะไรหล่ะครับ

ตอบโดยมวลรวม อย่าตอบว่า.....โดยปัจเจกไม่สามารถระบุได้นะครับ
เฮ้ย! ทำไมรู้ล่ะว่าจะตอบแบบนี้ ..ก็มันจริงนี่นา ความสุขอยู่ที่ความรู้จักพอ แต่ความรู้จักพอของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากันอีก ..สรุปว่าเป็นปัจเจกไม่สามารถระบุได้ ..อิอิ.. Big Grin
(16-03-2009, 14:59)karn Wrote: [ -> ]' เราควรจะเิลิกสนใจ "มูลค่า" แล้วไปใส่ใจกับ "คุณค่า" กันให้มากขึ้น '

ชอบคำนี้จัง...หวังว่าเมื่อน้องเค้าเรียนจบ คงไม่ถูกกระแสสังคมกลืนความคิดดีๆไปจากเค้านะัSmile

ส่วนถุงของป้าเนี่ย...มีเหลือสักใบสองใบไหมBig Grin
น้องเค้า strong พอตัว ผมว่ากระแสสังคมคงไม่ได้แอ้มน้องเค้าง่ายๆ นะครับน้ากาน แต่ถ้าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ละไม่แน่ เพราะน้องเค้าอยู่ Texas ง่ะ Tongue
(28-04-2009, 10:05)napman Wrote: [ -> ]Hi all,
Very interesting topic, to say the least.
It's boiled down to human nature, GREEDINESS!!!!Sad
GREED...หนึ่งในบาปต้น 7ประการ (7original sin) นึกถึงหนังเรื่อง Se7en ที่ Brad Pitt เล่นเมื่vxu 1995 เลยค่ะ ดูแล้วไม่กล้าทำบาป -.-"
(28-04-2009, 17:28).::.pOoH.::. Wrote: [ -> ]เท่าที่ดู มนุษย์ที่สร้างปัญหา หรือก่อความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากๆ เพราะขาดขั้นที่ 5 คือ คุณธรรมและศีลธรรมที่ไม่อาจสั่งสอนกันได้
มันน่าเศร้าตรงที่มันไม่อาจสั่งสอนกันได้นี่แหละน้าปุ๊ Sad
(05-05-2009, 20:49)myakira Wrote: [ -> ]
(25-02-2009, 02:07)hattaya111 Wrote: [ -> ]สั้นๆนะครับ ถ้างั้น ความสุขของมนุษย์ คืออะไร ความสำเร็จของมนุษย์ คืออะไรหล่ะครับ
ตอบโดยมวลรวม อย่าตอบว่า.....โดยปัจเจกไม่สามารถระบุได้นะครับ

เฮ้ย! ทำไมรู้ล่ะว่าจะตอบแบบนี้ ..ก็มันจริงนี่นา ความสุขอยู่ที่ความรู้จักพอ แต่ความรู้จักพอของแต่ละคนมันก็ไม่เท่ากันอีก ..สรุปว่าเป็นปัจเจกไม่สามารถระบุได้ ..อิอิ.. Big Grin



โขนมาเลยนะ ป้าเเมวakira คงไม่ค่อยรู้จัก ไม่ค่อยได้สื่อสาร เเต่เดาทางได้อ่ะ

อุ้ย เดี๋ยวพระนางจะเคือง ต้องเรียก หนูมาย....


(28-04-2009, 10:05)napman Wrote: [ -> ]Hi all,
Very interesting topic, to say the least.
It's boiled down to human nature, GREEDINESS!!!!Sad
GREED...หนึ่งในบาปต้น 7ประการ (7original sin) นึกถึงหนังเรื่อง Se7en ที่ Brad Pitt เล่นเมื่vxu 1995 เลยค่ะ ดูแล้วไม่กล้าทำบาป -.-"

นึกถึงตอนจบ จำสิ่งที่อยู่ในกล่องได้ไหม เป็นใครจะไม่ยิง

ไม่ได้ดูนานมาก จำลางๆ ภาพสวยมาก เเต่จบได้เจ็บปวดทรมานใจสุดๆ


(28-04-2009, 17:28).::.pOoH.::. Wrote: [ -> ]เท่าที่ดู มนุษย์ที่สร้างปัญหา หรือก่อความเดือดร้อนให้กับผู้คนจำนวนมากๆ เพราะขาดขั้นที่ 5 คือ คุณธรรมและศีลธรรมที่ไม่อาจสั่งสอนกันได้
มันน่าเศร้าตรงที่มันไม่อาจสั่งสอนกันได้นี่แหละน้าปุ๊ Sad


ก็เขาดื้อไงครับป้าเเมว....ไม่สร้างความเดือดร้อนต่อสังคมหมู่มาก เเต่ดื้อ เเละ เกเร 5555 เอๆๆๆ คล้ายใครน้อ...Big Grin


จำที่คุยได้ไหม

การเรียนรู้เข้าใจในตัวตน การมองเห็นคุณค่าในตัวตน + โอกาส = การใช้เวลาในชีวิต; ชีวิตการทำงาน; ชีวิตครอบครัว; etc

การใช้เวลาต่างๆที่ต้อง เเลก ต้อง เลือกมา เเปลค่าผกผันกับ+ จังหวะ เเละโอกาส= เพื่อสนองคุณค่า การเข้าใจตัวตน

คุณค่า=? ต้องถามว่า กับสิ่งใด เเง่ไหนนะ

เช่นตัวอย่าง.....

ลูกที่เป็นที่รัก ก่อกองทรายได้สวยที่สุด มีคุณค่ากับคนพบเห็นมากมาย เเต่ไร้สาระคุณค่าใด ในความคิดพ่อ

อาจจะเเปลความหมายผกผันไปตาม= โอกาสการสื่อสาร การบอกค่าความหมาย ความรู้สึกที่เเท้จริงของลูกต่อคุณพ่อก็ได้นะ


สำคัญคือ ความเข้าใจ การสื่อสาร เเละ การให้โอกาสทางความคิด = ความรู้ ความเข้าใจ



ซึ่งสำคัญที่สุด คือ ความเข้าใจ

เมตตา อภัย รักด้วยความเข้าใจ จะนำไปสู่โลกในจินตนาการ


you may say I'm a dreamer(เท่ห์ดี มีคุณค่าทางใจ เลยลอกเขามาอ่ะ....คริๆๆๆBig Grin)
ขอแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมานะครับ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนกัน
ถ้าขัดแย้งกันบ้างคงไม่ว่ากัน
--------

เนื้อหาที่เขียนมามีหลายประเด็นน่าสนใจให้คิดต่อนะครับ
แต่ผมคิดว่า ออกจะตื้นเขินเกินไปที่จะสรุปออกมาเป็นประโยคดังหัวข้อกระทู้ที่ว่า
"เงิน...ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ"
ในความเห็นผม ดูเหมือนจะเป็นประโยคที่ตั้งใจเขียนแรงๆเพื่อดึงความสนใจ
..ซึ่งทำให้เนื้อหาดีๆดูด้อยค่าลงไป

ผมคิดว่า ถ้าว่ากันตามบริบทของเนื้อหาที่เขียนมา คงต้องมองเงินแบบแยกออกเป็นสองส่วน คือ ในส่วนที่มนุษย์เลือกเอามาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการสำหรับการอยู่ร่วมกัน
และในส่วนที่เงินส่งผลต่อพฤติกรรมและจิตใจของมนุษย์

สำหรับสังคมมนุษย์ เมื่อมีคนมาอยู่รวมกันมากๆแล้ว
ด้านดีของเงินก็มีมากมาย และในระดับหนึ่ง มันก็ทำหน้าที่จัดระบบ ระเบียบให้กับการอยู่ร่วมกันได้เป็นอย่างดี
และมันก็เหมือนสิ่งอื่นๆบนโลกนี้ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับว่า เราจะใช้มันในทางไหน

ถ้าจะบอกว่า เงินคือความผิดพลาด เพราะมันทำให้คนละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือ ทำให้คนโลภจนทำผิดศีลธรรม
ผมก็ออกจะสงสัยว่า ความผิดพลาดนั้นอยู่ที่เงินจริงหรือ
ผมรู้สึกคล้ายๆว่า เราขับรถไปไหนสักแห่ง พอโดนชนขึ้นมาได้รับบาดเจ็บ ก็บอกว่า เนี่ยแหละ เพราะมนุษย์สร้างรถขึ้นมาใช้ รถคือความผิดพลาด
...เปรียบเทียบอย่างนี้อาจจะสุดโต่งไปหน่อยนะครับ แต่คงพอจะทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
ผมมองว่า เงินก็เป็นเพียงสื่อกลางที่นำมาใช้ในการแลกเปลี่ยนในสังคม เหมือนรถที่เป็นเพียงเครื่องมือพาเราไปสู่จุดหมาย
หนทางแก้ไข คงไม่ใช่เลิกใช้เงินเป็นสื่อกลาง หรือว่า เลิกใช้รถเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
ก็คงต้องมาดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ถ้าเป็นรถก็อาจจะมีการออกกฎจราจร หรือ รณรงค์เรื่องเมาแล้วขับ,เรื่องห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ

ถ้าจะพูดถึงเรื่องเงินในประเด็นของมูลค่าเงินในการแลกเปลี่ยนสิ่งของอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีผลทำให้คนละเลยเรื่องสิ่งแวดล้อมไปจนถึงทำผิดศีลธรรม
สิ่งที่อาจจะทำได้ ก็มีหลายวิธีนะครับ ตั้งแต่อ่อนไปถึงแข็ง เช่น การให้ความรู้,ส่งเสริมการพัฒนาด้านจิตใจ,ส่งเสริมนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม หรือ ตรากฎหมายขึ้นมาและมีบทลงโทษ ฯลฯ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคิดว่า พลาสติกย่อยสลายได้ยากมากใช้เวลาหลายร้อยปี และคิดว่า ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย
ก็อาจจะมีการจำกัดการใช้พลาสติก, มีข้อกำหนดเข้มงวดในการตั้งโรงงาน, เก็บภาษีสูงขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า นโยบายเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อราคาถุงพลาสติกและจะทำให้คนใช้น้อยลง

สรุปแล้ว ผมคิดว่า เราสามารถควบคุมการใช้ทรัพยากรด้วยการใช้กุศโลบายที่เหมาะสมผ่านกลไกทางเศรษฐศาสตร์ โดยตัวของมันเองนั้น,เงินก็เป็นเพียงเครื่องมือตัวหนึ่ง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันยังไง

ส่วนที่พูดถึงอารยธรรมโลกที่บอกว่า ดำเนินมาอย่างผิดพลาดนั้น ผมเข้าใจว่านัยยะที่ต้องการจะสื่อคือ เงินส่งผลต่อความล่มสลายของอารายธรรมต่างๆที่เคยมีมาตั้งแต่โบราณกาล
ผมมีความเห็นว่า อารยธรรมต่างๆในประวัติศาสตร์โลกนั้น ที่ล่มสลายไปเกิดจากหลายๆปัจจัย
(ตรงนี้เราคงพูดกันถึงอารยธรรมที่เสื่อมลงไปเอง,ไม่ไช่ที่ถูกรุกรานจนสูญสลายไป)
ตามที่ผมเข้าใจ สาเหตุส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของอำนาจนิยมมากกว่าทุนนิยม
อันที่จริง อำนาจและเงินตรานั้นกี่ยวข้องกันอยู่เยอะทีเดียว เพราะสองสิ่งนี้มักจะมาพร้อมๆกัน
เพียงแต่ว่า สิ่งที่ทำให้อาณาจักรต่างๆล่มสลายไป ไม่ได้มาจากการใช้ระบบเงิน หรือ แม้กระทั่ง-ถ้าจะพูดว่าสาเหตุเกิดจากคนในสังคมบ้าเงิน หรือวัตถุนิยม-ก็ยังไม่ใช่ซะทีเดียว
ผมคิดว่า สาเหตุหลักๆเกิดจากการที่ชนชั้นปกครองต้องการรักษาอำนาจและประกาศความยิ่งใหญ่
และควรกล่าวไว้ด้วยว่า อำนาจนิยมก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในหลายๆปัจจัย

คราวนี้มาถึงส่วนที่สองที่ผมพูดถึงไว้แต่แรก คือ ในแง่ที่ว่าเงินส่งผลต่อพฤติกรรมมนุษย์
ในอีกนัยหนึ่งของบทความนี้ พยายามจะบอกว่า สังคมทุกวันนี้ มนุษย์ให้ความสำคัญกับเงินมากเกินไป ในส่วนนี้ผมเห็นด้วยครับ
แต่เพื่อความเป็นธรรมก็คงต้องบอกไว้ด้วยว่าในแง่ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมมนุษย์นั้น
เงินก็มีส่วนทำให้คนเกิดความมุ่งมั่น, ตั้งใจหาเลี้ยงชีพ, สร้างผลผลิต, สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆออกมาให้โลก
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดความโลภจนทำผิดศีลธรรม หรือ ละเมิดสิทธิของคนอื่น, ยังมีคนอีกมากที่ยอมรับในค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับผลผลิตที่ตัวเองสร้างขึ้นมา

สิ่งใดๆก็ตามถ้ามันสามารถคงอยู่ได้มายาวนาน ผมคิดว่า ก็เหมือนเป็นการพิสูจน์ว่า มันมีข้อดีมากกว่าข้อเสียและเหมาะสมที่จะนำมาใช้ในสังคม อย่างน้อยก็ในช่วงเวลานั้นๆที่ยังมีการใช้มันอยู่

แต่ใช่ครับ ทุกวันนี้ มนุษย์ให้ความสำคัญกับเงินมากเหลือเกิน เพราะความสะดวกสบายที่ได้รับจากการมี และ การได้รับการยอมรับจากสังคม(ขั้น 4ของพีระมิดมาสโลว์ (ดูรูปจากความเห็นน้าปุ๊..หุหุ))
ทัศนคตินี้คงเปลี่ยนได้ยากนะครับ แต่น่าจะค่อยๆเปลี่ยนได้ ถ้าคนส่วนใหญ่ในสังคมหันมาชื่นชมและยอมรับคนที่ใช้ชีวิตอย่างไม่ฟุ้งเฟ้อ
ยิ่งใช้ได้คุ้มค่าและพอดี ยิ่งเป็นที่ชื่นชม,น่านิยม อะไรแบบนั้น และ เมื่อมีมากเกินพอที่ตัวเองจะใช้ได้หมดก็แสดงน้ำใจเผื่อแผ่แก่เพื่อนมนุษย์ ก็ยิ่งได้รับการยอมรับ
แต่ควรกล่าวไว้ด้วยว่า ถึงขั้นนี้ก็ยังเป็นการยึดติดกับชื่อเสียงและการยอมรับนะครับ
หนทางที่จะไปสู่ขั้นที่ทุกคนสามารถเข้าถึงศีลธรรมอย่างแท้จริง (ขั้นที่ 5 - ดูภาพประกอบน้าปุ๊อีกรอบ)จะเป็นไปได้อย่างไร ผมก็ยังนึกไม่ออก..


--------------

ขอบคุณน้าปุ๊ สำหรับภาพประกอบครับ ..Tongue
hattaya111 Wrote:สำคัญคือ ความเข้าใจ การสื่อสาร เเละ การให้โอกาสทางความคิด = ความรู้ ความเข้าใจ
ถึงได้มีคนบอกว่าเราควรจะสร้างสังคมให้เป็นสังคมของการให้โอกาสไง Rolleyes
Maew Wrote:ขอแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมานะครับ ถือว่ามาแลกเปลี่ยนกัน
ถ้าขัดแย้งกันบ้างคงไม่ว่ากัน
ด้วยความยินดีครับน้าแมว ช่วยๆ กันคิด จะได้มีความหลากหลายและมีทางเลือกมากขึ้น

เห็นด้วยกับน้าแมวนะครับว่าเงินไม่ใช่ปัญหา แต่วิธีการใช้หรือค่านิยมบางอย่างแบบที่น้าแมวเรียกว่าอำนาจนิยม เป็นตัวพาให้เกิดความปั่นป่วน เรื่องการปรับกระบวนความคิดของสังคมก็ใช้ว่าจะทำได้ง่ายๆ ดูอย่างดอกเตอร์คนหนึ่งที่รู้ช่องโหว่ของกฎหมายดีพอที่จะช่วยดำเนินการเลี่ยงภาษีให้กับคนรวยๆ นั้น ทุกวันนี้คนก็ยังให้ความเคารพนับถือและเขาก็ยังอยู่ในสังคมได้ รายการโทรทัศน์ดีๆ สำหรับเยาวชนก็ไม่ค่อยมีคนดู sponser ก็หายาก ภาวะเศรษฐกิจที่บีบคั้นก็พรากเวลาพ่อแม่ไปจากลูกๆ อีก แล้วใครจะติดอาวุธทางปัญญาให้เจ้าตัวเล็กยังนึกไม่ออกเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องพยายามสร้างสิ่งดีๆ กันต่อไปเท่าที่ทำได้ครับ