NimitGuitar webboard

Full Version: สาระดีๆ เอามาฝากครับ การยึดติด และ ปล่อยวาง
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
ยึดติด

โดย
พระไพศาล วิสาโล


สุด..ได้เลขท้าย ๓ ตัวมาจากหลวงพ่อ เลยแทงไป ๑๕ บาท ปรากฏว่าถูกเผง ได้มา ๖๐๐ บาท เขาดีใจมาก เที่ยวอวดใครต่อใครในหมู่บ้านว่าถูกหวย แต่พอรู้ว่า คอนซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ก็แทงหวย ๓ ตัวถูกเหมือนกัน แต่ได้เงินมากกว่าคือ ๒,๐๐๐ บาท เพราะแทงมากกว่า สุดเลยยิ้มไม่ออก หงอยไปทั้งวัน แถมยังโมโหตัวเองที่แทงน้อยไป

ใจ..ไปเที่ยวไนท์บาซ่า เห็นผ้าพื้นเมืองลายงาม ราคา ๕๐๐ บาท แต่เธอต่อได้ ๓๕๐ บาทจึงคว้าผ้าผืนนั้นกลับโรงแรมด้วยความดีใจ แต่พอรู้ว่าไก่เพื่อนร่วมห้องก็ซื้อผ้าแบบเดียวกันมา แต่ได้ราคาถูกกว่า คือ ๓๐๐ บาท ใจก็หุบยิ้มทันที ไม่รู้สึกโปรดปรานผ้าของตนอีกต่อไป

แม้เราจะมี ?โชค? หรือได้ของดีที่ถูกใจ แต่หากไปเปรียบเทียบกับของคนอื่นเมื่อใด สุขก็อาจกลายเป็นทุกข์ทันที หากรู้ว่าคนอื่นได้มากกว่า ได้ของดีกว่า หรือได้ของที่ถูกกว่า ส่วนของดีที่เราได้มากลับด้อยคุณค่าไปถนัดใจ บางครั้งอาจทำให้เราทุกข์กว่าตอนที่ยังไม่ได้ของนั้นมาด้วยซ้ำ

แต่เมื่อใดก็ตามที่ของชิ้นนั้นเกิดมีอันเป็นไป เช่นทำตกหล่นหรือถูกขโมยไป เราก็จะกลับมาเห็นคุณค่าของมัน และนึกเสียใจที่เสียมันไป จะกินจะนอนก็ยังนึกถึงมันด้วยความเสียดาย ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน กรณีที่เป็นสิ่งของเท่านั้น แต่ยังเกิดกับกรณีที่เป็นคนด้วย เช่น คนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่และลูก

ผู้คนจำนวนมากไม่เห็นคุณค่าหรือมีความสุขกับคนใกล้ชิด เพราะไปนึกเปรียบเทียบคนอื่นว่าเขามีพ่อแม่ คนรัก หรือลูกที่ดีกว่าเรา แต่วันใดที่เราเสียเขาไป เราถึงจะกลับมาเห็นคุณค่าของเขา
และเศร้าโศกเสียใจจนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว เฝ้าหวนคำนึงถึงวันคืนเก่าๆ ที่เขาเคยอยู่กับเรา

คนเรามักทุกข์เพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ยังไม่มี หรืออาลัยในสิ่งที่สูญเสียไป พูดให้ครอบคลุมกว่านั้นก็คือ ทุกข์เพราะใจยังติดยึดอยู่กับอนาคตและอดีต
อนาคตและอดีตที่ว่ามิได้หมายถึง สิ่งดีๆ ที่ยังไม่มีหรือที่เสียไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิ่งไม่พึงปรารถนาที่ (คาดว่า) รออยู่ข้างหน้า เช่นอุปสรรค และสิ่งไม่พึงปรารถนาที่พานพบ คำต่อว่า หรือการกระทำที่น่ารังเกียจ

คำตำหนิติเตียนไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้ หากเราไม่เก็บเอาคิดซ้ำคิดซาก คำพูดเหล่านั้นผ่านพ้นไปนานแล้ว แต่ที่ยังบาดใจเราอยู่ก็เพราะเราไม่ยอมปล่อยวางมันต่างหาก
ยิ่งคิดคำนึงถึงมันมากเท่าไรก็ยิ่งซ้ำเติมตัวเองมากเท่านั้น การเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง ทรยศ หักหลัง ก็เช่นกัน แม้เป็นอดีตไปนานแล้ว แต่เราก็ยังทุกข์อยู่กับเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ใช่เพราะเขายังทำเช่นนั้นกับเราอยู่แต่เป็นเพราะเราชอบย้อนภาพอดีต กลับมาฉายซ้ำในใจอย่างไม่ยอมเลิกรา ย้อนแต่ละทีก็เหมือนกับกรีดแผลลงไปที่ใจ

หยุดย้อนอดีตเมื่อใดใจก็หายเจ็บเมื่อนั้น

อดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง แต่จะมาถึงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้ แต่บ่อยครั้งเรากลับยึดมั่นสำคัญหมายอย่างเป็นจริงเป็นจัง ว่ามันจะต้องเกิด ขึ้นแน่ เท่านั้นยังไม่พอถ้าเป็นเรื่องแง่ลบด้วยแล้ว เรามักจะวาดภาพไปในทางเลวร้าย แล้วก็ยึดมันเอาไว้ไม่ให้คลาดไปจากใจ ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์

ชายผู้หนึ่งเดินขึ้นตึกไปหาหมอ เพื่อฟังผลตรวจโรค พอหมอบอกว่า พบก้อนมะเร็งระยะที่สองในปอดของเขา เขาก็ถึงกับทรุด เข่าอ่อนเดินไม่ได้ กลับถึงบ้านก็กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ซึมไปเป็นเดือน

ส่วนหญิงผู้หนึ่ง ป่วยกระเสาะกระแสอยู่นานหลายสัปดาห์ แล้ววันหนึ่งหมอก็บอกว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่ตับ จะอยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ปรากฏว่าผ่านไปแค่ ๑๒ วัน เธอก็สิ้นใจ ทั้งสองกรณีไม่ได้ทรุดฮวบเพราะโรคมะเร็งเล่นงาน แต่เป็นเพราะใจเสีย ทันทีที่ได้ยินข่าวร้าย ใจก็นึกภาพอนาคตของตัวเองไปในทางเลวร้าย ยิ่งผู้ป่วยรายที่สองด้วยแล้ว เธอนึกไปถึงวันตายของตัวเองเลยทีเดียว แถมยังปรุงแต่งไปในทางที่มืดมน เท่านั้นไม่พอเธอยังหมกมุ่นกับภาพดังกล่าวไม่หยุดหย่อน
ทั้งๆ ที่มันยังไม่เกิดขึ้น ผลก็คือถูกความทุกข์ท่วมทับจนมิอาจทานทนต่อไปได้
บ่อยครั้งเราเป็นทุกข์เพราะเรื่องที่ยังมาไม่ถึง เช่น การสอบไม่ติดหรือตกงาน โดยตัวมันเองไม่ก่อปัญหาแก่เรา มากเท่ากับใจที่ปรุงแต่งไปล่วงหน้า ว่านับแต่นี้ไปชีวิตจะลำบากยากแค้นเพียงใด แล้วจะอยู่ดูโลกนี้ต่อไปได้อย่างไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจพบว่าที่แท้เราตีตนก่อนไข้ไปเอง เพราะปัญหาต่างๆ ที่ตามมาไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ในที่สุด

การปล่อยวางดังกล่าว คือ หัวใจของการเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งหลาย เพราะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว ความทุกข์ทั้งมวลเกิดจากความยึดติด ยึดติดอดีตกับอนาคต ยึดติดสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นเอง ยึดติดปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต รวมทั้งยึดเอาปัญหาต่างๆ มาเป็นของตนที่สำคัญคือ การยึดติดในตัวตน เมื่อใดที่ปล่อยวางจากความยึดติดดังกล่าวได้ ความทุกข์ก็ไม่อาจทำอะไรเราได้อีกต่อไป

สติช่วยให้เรารู้ตัวเมื่อเผลอไปอาลัยอาวรณ์ในอดีต หรือวิตกกังวลกับอนาคต พาจิตกลับมาอยู่กับปัจจุบันเมื่อรู้ตัวว่า เผลอไปจมอยู่กับเหตุร้ายที่ผ่านไปแล้ว คอยทักท้วงใจไม่ให้หลงเชื่อความคิดปรุงแต่ง เพราะตระหนักว่า ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด ในยามที่เผลอกวาดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมใจจนหนักอึ้งสติช่วยให้เราแก้ปัญหาเป็นเปลาะๆ เป็นเรื่องๆไม่เอาปัญหาใดมาครุ่นคิดหากยังไม่ถึงเวลา (หรือไม่ใช่เวลา) ที่จะแก้ เวลาพักผ่อน ก็พักผ่อนเต็มที่ เมื่อถึงเวลาแก้ปัญหา ก็ใช้ปัญญาอย่างเต็มที่ ไม่มามัวตีโพยตีพาย หรือน้อยเนื้อต่ำใจว่า ?ทำไมถึงต้องเป็นฉัน??

ความทุกข์นั้นไม่ได้อยู่ที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเรา แต่อยู่ที่ว่าเรามีท่าทีหรือรู้สึกอย่างไรกับมันต่างหาก

แม้ปัญหาจะหนัก แต่ถ้าเริ่มต้นจากการยอมรับมันว่า เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ปฏิเสธผลักไสมันหรือก่นด่าชะตากรรม ตั้งสติให้ได้แล้วหาทางแก้ไขมัน แต่ขณะที่มันยังไม่หายไปไหน ก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน

ไม่หวนนึกถึงอดีตอันผาสุก หรือปรุงแต่งอนาคตไปในทางเลวร้าย ขณะเดียวกันก็ไม่หมกมุ่นอยู่กับปัญหา หากปล่อยวางมันบ้าง ความสุขก็หาได้ไม่ยาก

นายทหารผู้หนึ่งไปเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ในฐานที่ทรงเคยเป็นอุปัชฌาย์ของตนมาก่อน พอไปถึงประโยคแรกที่กราบทูลก็คือ ?หนักครับ ช่วงนี้แย่มากเลยครับ?
ว่าแล้วเขาก็ทูลเล่าปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาในชีวิต

สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงฟังอยู่นาน แทนที่จะตรัสแนะนำหรือปลอบใจ พระองค์กลับรับสั่งให้เขานั่งคุกเข่า ยื่นมือสองข้าง แล้วพระองค์ก็เอากระดาษแผ่นหนึ่งวางบนฝ่ามือของเขา
?นั่งอยู่นี่แหละ อย่าไปไหนจนกว่าข้าจะกลับมา?

รับสั่งเสร็จพระองค์ก็เสด็จเข้าไปในตำหนัก นายทหารนั่งในท่านั้นอยู่นาน จาก ๑๐ นาทีเป็น ๒๐ นาที สมเด็จพระสังฆราชก็ยังไม่เสด็จออกมา เขาเริ่มเหนื่อย มือและขาเริ่มสั่น กระดาษชิ้นเล็กๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ จนประคองแทบไม่ไหว พอสมเด็จพระสังฆราชเจ้าเสด็จกลับมา ก็ทรงถามว่า ?เป็นไง??

คำตอบของเขาคือ ?หนักครับ พระเดชพระคุณ เมื่อยจนจะทนไม่ไหว?
?อ้าว ทำไมไม่วางมันลงเสียละ?? สมเด็จรับสั่ง
?ก็ไปยอมให้มันอยู่อย่างนั้น มันก็หนักอยู่ยังงั้นนะซี มันจะเป็นอื่นไปได้ยังไง?

กระดาษที่เบาหวิว แต่หากถือไว้นานๆ ไม่ยอมปล่อย ก็กลายเป็นของหนักไปได้ แต่ปัญหาถึงจะใหญ่โตเพียงใด ถ้าไม่ยึดถือเอาไว้ ก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้
ใช่หรือไม่ว่าหินก้อนใหญ่จะกลายเป็นของหนัก และสร้างทุกข์ให้แก่เราก็ต่อ เมื่อเราแบกมันเอาไว้เท่านั้น เมื่อมีสติรักษาใจ รู้เท่าทันความคิด ไม่เผลอยึดติดจนจิตหนักอึ้ง แม้งานจะยาก อุปสรรคจะเยอะ ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้

คัดลอกจาก...ยึดติด [สารคดี กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑]
โดย พระไพศาล วิสาโล
ขอบคุณครับ ผมเองก็ชอบธรรมะ Delivery ของท่าน

เป็นธรรมะที่ง่ายๆ แต่เข้าถึงและซึ้งใจ

ลองอ่านกันดูนะครับ Shy

http://www.dhammadelivery.com/index.php
Smile สาธุWink
ขอบคุณครับ ดีมากๆBig Grin
(03-11-2008, 23:13)pood Wrote: [ -> ]http://www.youtube.com/watch?v=d9D2y-CF1Xo

ขอบคุณครับน้า pood
ที่ช่วยหา music มาประกอบบทความ
เข้ากันเป็นอย่างดี
(03-11-2008, 21:01)Paiman Wrote: [ -> ]กระดาษที่เบาหวิว แต่หากถือไว้นานๆ ไม่ยอมปล่อย ก็กลายเป็นของหนักไปได้ แต่ปัญหาถึงจะใหญ่โตเพียงใด ถ้าไม่ยึดถือเอาไว้ ก็ไม่ทำให้เราทุกข์ได้
ใช่หรือไม่ว่าหินก้อนใหญ่จะกลายเป็นของหนัก และสร้างทุกข์ให้แก่เราก็ต่อ เมื่อเราแบกมันเอาไว้เท่านั้น เมื่อมีสติรักษาใจ รู้เท่าทันความคิด ไม่เผลอยึดติดจนจิตหนักอึ้ง แม้งานจะยาก อุปสรรคจะเยอะ ก็ยังเป็นสุขอยู่ได้

อาลัย ใช้กับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเเล้ว

อาวรณ์ ใช้กับ ที่ยังไม่เกิด

Coolอนุโมทนา กับการมอบบทความดีๆครับ