NimitGuitar webboard

อืมห์...ไอ้รูสองรูที่อยู่ข้างหลอด แอมป์ ในโพรงเสียงมีไอ้ทำอะไร???

---

ทานโทษข้างบนพิมพ์ ว แหวน เป็น อ อ่าง
แล้วที่ตัวปรี บนกีตาร์ ดันมีรูอะไรมาให้ด้วย ใครรู้วิธีการใช้ หรือ มี ลิงค์ วิธีการใช้มันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดัง takamine เขาภูมิใจนัก ช่วยให้ความกระจ่างเป็นวิทยาทานแก่ผู้น้อยด้วยเถิด

วันนี้ นอนดึกนะครับ น้าวีรวิทย์ ฮ่าๆ เริ่มเสพและเพิ่มดีกรีขึ้นเรื่อยๆ ฮ่าๆๆ

เดี๋ยวรอกูรู มาตอบให้หายข้องใจครับ ชิลๆ

น้าป๊อป ก็รักษาสุขภาพด้วยละกัน หลังจาก set up ตามตำรา คชลักษณ์ เล่นไม่เสียบแอมป์ ยิ่งเล่นยิ่งชอบ แต่พอเสียบตู้แล้ว เสียง crafter bubinka กริ๊ง กว่าอีก สงสัยจะใช้ไม่เป็น

Cool Tube preamp เป็นนววัตกรรมใหม่ของ Takamine ที่ออกวางตลาดในปี
2004 ครับ



ในภาคปรีจะมีหลอด triode มาทำหน้าที่เป็นตัว overdrive เหมือนพวกแอมป์หลอด
ของกีต้าร์ไฟฟ้า หลักการของการ overdrive คือการทำให้เกิด harmonic
distortion ซึ่งทำให้มวลเสียงหนาขึ้นและอุ่นขึ้น

ภาครับสัญญาณของปรีตัวนี้ออกแบบมาให้รับสัญญาณจาก palathetic pickup
ที่ Takamine ใช้มาตั้งแต่ยุค '80s เพื่อ blend กับสัญญาณจาก Tri Ax pickup
ที่ LR Baggs ผลิตให้เพื่อใช้กับปรีรุ่นนี้โดยเฉพาะครับ



รูที่คุณเห็นความจริงเขาเอาใว้เสียบ input จาก Tri Ax pickup ครับ

---

Takamine รุ่นสูงๆนั้นเขาทำมาสำหรับนักดนตรีมืออาชีพที่ต้องเล่นผ่านชุด
PA นานาชนิดและต้องใช้อัดในสตูดิโออีกต่างหาก เขาจึงต้องออกแบบปรี
และปิ้คอัพให้รับมือใด้ทุกสถานการณ์ ถ้าคุณเคยฟังดนตรีสดตามร้านที่เสียงกีต้าร์ออกมาแข็งโป๊กและบางเฉียบคุณคงเข้าใจว่า cool tube circuit และ magnetic
pickup blend เขามีใว้ทำไม

Takamine ไม่เคยติดไม้ค์ไว้ในกีต้าร์เลยเพราะมันเสี่ยงต่อการหอนครับ กีต้าร์
ยี่ห้อนี้เบสจะบางเมื่อเทียบกับ Martin ทรงเดียวกันเพราะเวลาใช้ในห้องอัดหรือแสดงสดเสียงมันจะไม่บวมครับ ถ้าจะซื้อกีต้าร์ยี่ห้อนี้มาใช้โดยไม่คิดจะเสียบแอมป์ก็อย่าซื้อดีกว่าครับนอกจากรุ่น natural series หรือ limited edition ที่
เขาเน้นเสียงธรรมชาติเป็นหลัก

ถ้าสงสัยว่าเมื่อ cool tube เขาออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับ Tri Ax pickup แล้วพอ
มาถึงเมืองไทยเจ้า Tri Ax มันหายไปไหน คำตอบก็คือมันหนีไปอยู่ในลิ้นชักครับ
ถ้าจะเอาก็เพิ่มตังค์อีกแค่ 8,750 บาท แพงกว่ากล่องแข็งนิดเดียวเอง

กีตาร์ที่บ้านผมไม่มี onboard เลยซักตัว เริ่มคิดถึงตะหงิดๆจัง เวลาเล่นสดนี่บู๊ได้ทุกสถานการณ์จริงๆ แต่ต้องศึกษาการปรับพอสมควรครับ

ไม่งั้นจะกลายเป็น ปรับมันทุกเพลง (เพื่อหาเสียงที่ใช่ แต่ไม่เจอซักที)

แต่ถ้าขั้นเทพฯ จะปรับทุกเพลงเหมือนกัน แต่ปรับแป๊บเดียว เหมือนเปลี่ยนกีตาร์ได้หลายต่อหลายตัวเลย

จริงๆถ้านครหลวงฯขายรวมเป็นแบบ full option รวมกล่องแข็งด้วย แล้วคิดราคาพิเศษ อาจจะขายดิบขายดี (ซึ่งปกติก็ขายดีอยู่แล้ว) เป็นเทน้ำเทท่าเลยก็ได้

โอ ต้องขอบคุณน้า กฤษณ์มากที่ให้ความรู้แก่ผม อ่านที่น้ากฤษณ์เขียนแล้วเหมือนการอ่านหนังสือ ต่วยตูน สมัยเด็กๆ คือเอาข้อมูลจริงๆต่างๆที่ค้นคว้ามา ไม่ว่าจะเป็นทางประวัตฺศาสตร์ หรือวิชาการ มาเรียบเรียงใหม่ อ่านง่าย เข้าใจง่าย อ่านสนุก แถมมีรูปประกอบ มีลิงค์ อ้างอิง จนต้องกลับไปหาที่ น้ากฤษณ์ โพสไว้เมื่อก่อนมา เซฟอ่านเพลินไปเลย ขอบคุณน้าครั้งครับ (น้าน่าจะรวมเล่ม เกี่ยวกับประวัติกีตาร์ ทำมาปีละยี่ห้อ ก็ยังดี )

(16-09-2008, 23:06)วีรวิทย์ Wrote: [ -> ]โอ ต้องขอบคุณน้า กฤษณ์มากที่ให้ความรู้แก่ผม อ่านที่น้ากฤษณ์เขียนแล้วเหมือนการอ่านหนังสือ ต่วยตูน สมัยเด็กๆ คือเอาข้อมูลจริงๆต่างๆที่ค้นคว้ามา ไม่ว่าจะเป็นทางประวัตฺศาสตร์ หรือวิชาการ มาเรียบเรียงใหม่ อ่านง่าย เข้าใจง่าย อ่านสนุก แถมมีรูปประกอบ มีลิงค์ อ้างอิง จนต้องกลับไปหาที่ น้ากฤษณ์ โพสไว้เมื่อก่อนมา เซฟอ่านเพลินไปเลย ขอบคุณน้าครั้งครับ (น้าน่าจะรวมเล่ม เกี่ยวกับประวัติกีตาร์ ทำมาปีละยี่ห้อ ก็ยังดี )

เห็นด้วยกับน้าวีรวิทย์คับ ผมเองอ่านแล้วก็ยังได้ความรู้เหมือนกัน
ทั้งคอลัมม์ความรู้ของน้า pood และคำแนะนำดีๆ จากน้าปู น้าป๋อ น้า kim
น้าป๊อป และอีกหลายท่านทีมิได้เอ่ยนาม เพราะยังจำชื่อได้ไม่หมดเลยคับ

ผมว่าจะรวบรวมกระทู้ที่น้ากฤษโพสไปทำ ป.โท อิอิ

(28-09-2008, 16:06)Bearclaw Wrote: [ -> ]ผมว่าจะรวบรวมกระทู้ที่น้ากฤษโพสไปทำ ป.โท อิอิ

เป็นความรู้มากมายจริงๆคับ