มันมีกี่แบบครับ แล้วแบบใหนเหมาะกับการใช้งานแบบใหนครับ
สงสัยน้า merlot กำลังซ่องสุมคิดการใหญ่...
ไม่ใหญ่หรอกครับ ผมมีความสุขแบบพอเพียง
เพิ่งมีเวลาตอบครับ ขอโทษที
ไมโครโฟนคือตัวที่เปลี่ยนความสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงให้เป็นคลื่นไฟฟ้า ไมโครโฟนสมัยใหม่แบ่งใด้เป็นสี่ชนิดครับ
1. Piezoelectric crystal พวกนี้นืยมใช้กับพวก pickup กีต้าร์โปร่งที่เขาเรียกว่า under saddle transducer
2. Ribbon พวกนี้เป็นแผ่นฟิล์มโลหะบางๆแขวนอยู่ในสนามแม่เหล็ก ส่วนใหญ่จะใช้ในสตูดิโอเพราะคุณสมบัติยอดเยี่ยม
แต่บอบบางครับ
3. Condenser เป็นแผ่นโลหะบางๆสองชิ้นกันด้วยฉนวน พวกนี้ต้องใช้ไฟเลี้ยงครับ ไมค์ประเภทนี้จะตอบสนองความถี่
ใด้ราบเรียบมากและมีความไวสูงเลยเป็นที่นิยมใช้ในห้องอัดแต่ถ้าไม่รวยจริงคงไม่กล้าใช้ตอนแสดงสดเพราะส่วนใหญ่ตก
โดนพื้นเมื่อไหร่ก็เดี้ยงเมื่อนั้นครับ
4. Dynamic คือไมโครโฟนพื้นบ้านที่ใช้กันทั่วไป ประเภทนี้ทนมือทนเท้ามากกว่าและไม่ต้องพึ่งไฟเลี้ยงอีกต่างหาก
แต่จะทนแค่ไหนก็ขึ้นกับการออกแบบโครงรับแรงกระแทก อย่างพวก Shure ของแท้นี่ทนทายาดแต่ของปลอมตก
นิดเดียวก็พังเพราะอย่างอื่นพอก้อปกันใด้แต่ระบบกันกระเทือนมันก้อปยากเพราะต้นทุนมันแพงครับ
คุณสมบัติที่สำคัญของไมโครโฟนก็คือมุมรับเสียงหรือ polar pattern ที่แบ่งออกเป็นสี่ประเภทคือ
1. Omnidirectional พวกนี้รับเสียงรอบทิศทาง ไม่นิยมใช้ในการแสดงสดเพราะหอนระเบิดแต่นิยมใช้ในห้องอัดที่ไม่มีเสียงรบกวน
เพราะมี frequency response ที่ flat กว่าเพื่อน
2. Bidirectional รับเสียงหน้าหลังแต่ไม่รับเสียงด้านข้าง พวก Ribbon จะมี pattern แบบนี้
3. Cardiod นิยมใช้กันมากสุดเพราะไม่รับเสียงด้านหลัง พวก Shure SM series เป็น pattern แบบนี้ครับ
4, Hypercardiod มุมรับเสียงแคบกว่าพวก cardiod พวก Shure Beta series ใช้ pattern นี้ พวกนี้เหมาะ
สำหรับนักร้องระดับอาชีพเพราะมันไม่รับเสียงด้านข้าง พวกที่ชอบร้องใส่ด้านข้างของไมค์ที่พบเห็นใด้ทั่วไปตามห้อง
คาราโอเกะหรือ concert AF5 ใช้ pattern นี่ไม่เหมาะแน่นอนครับ
ไมค์ cardiod ทุกตัวจะมี proximity effect คือเวลารับเสียงระยะไกล้มาก(ต่ำกว่าสี่นิ้ว) มันจะเพิ่มเสียงเบส ดังนั้นเรามักจะเห็น
นักร้องชายที่อยากให้เสียงตัวเองทุ้มใหญ่มักร้องกันไกล้จนแทบจะอมไมค์เข้าไปในปาก
มีไมค์บางรุ่นทึ่ออกมาแบบมาให้ proximity effect น้อยอย่างเช่น SM57, Beta 57 ไมค์พวกนี้มักจะนิยมใช้ในกลุ่มนักร้องสาว
ที่ไม่อยากให้เสีบงตัวเองออกมาเหมือนกระเทย ไมค์ที่ใช้จ่อแอมป์เขาก็นิยมใช้ SM57 แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะมันแฟลตกว่านะครับ
เพราะจะใช้ SM58 จ่อก็ใด้แล้วไปตัดเบสเอาที่ mixก็ใด้ แต่เขาใช่เพราะ headroom มันสูงกว่ามันเลย overload ยากกว่าพวก
ที่มี proximity effect
อ่านแล้วหายอยากไหมครับ ถ้ายังไม่หายก็ถามต่อใด้นะ
อ่านแล้วพอเข้าใจครับ....แต่ยังไม่รู้จะถามอะไรต่อ.. เดี๋ยวมีจะรีบวิงมาหาน้า Pood เลย
ขอบคุณครับ
