NimitGuitar webboard

Full Version: หนังดีๆน่าดูคะ เรื่อง ONCE
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3
ฉากที่พระเอกยิงใย ไปพันศัตรู ตอนที่ปล้นธนาคารอยู่ผมก็ชอบครับ...

แล้วอีกอันที่พระเอก ถูกตัวอะไรเข้ามาเกาะทำให้เปลี่ยนร่างเป็นสีดำ นี่ผมก็ว่าหนังเค้าทำเนียนมากเลยครับ
iiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiiii
hattaya111 Wrote:Rolleyes







เบรคโฆษณาประจำสถานี

http://parradee.blogspot.com/ บล๊อคสปอท ภารดี

บล๊อคสปอท ภารดี...ผัดกินให้อร่อย บล๊อคโคลี่นิดหน่อย เเครอทตัดสีลงไป ข้าวโพด เห็ดหอม

ใส่ซ๊อสน้ำมันหอยเล็กน้อย พริกไทดำทุบหยาบๆ ผัดลงในกระเทียมที่ลงกะทะร้อนๆ ส่งกลิ่นเเบบเริ่มสุกพอเหลือง

จากนั้นเอา บล๊อคสปอทภารดี ผัดลงไป ภาระดีๆ จะเเผ่สาร=\-===0++_ออกมา กลิ่นหอมน่ากิน

พร้อมด้วย วิตะมิน เกลือเเร่มากมาย ทดลองชิมตัวอย่างกันได้ที่นี่ครับ

[attachment=9435] http://parradee.blogspot.com/

ลองเข้าไปนะ ลองเเวะไปเยี่ยมของผมดู

จบโฆษณา เชิญกลับเข้ามารับชมรายการจากสถานีได้ต่อไปครับ

หนังเรื่อง Nineteenhundred ผมมาใช้หลักการคิดเเบบเดียวกันว่า

ทำยังไงให้สายกีตาร์ร้อน พอที่จะจุดไฟได้ เเต่งเพลงขึ้นมาเพลงนึง

the templess

เเต่งไว้นานเเล้ว ไม่มีในอัลบั้มไหน มีเเต่สมัยมีคนมาอัดเวลาเล่นที่ต่างๆ เเล้วมารวมใส่เเผ่นไว้ /น้องหนอน น่าจะมี ของผมหาไม่เจอเเล้ว

ถ้าน้อกิดอ่าน วันไหนจะเจอกันติดมาให้ยืมด้วยนะ

เจ้าของงานไม่มีเเล้ว.....เคยมีคนของเอามาจำหน่าย สัก100เผ่นได้ เอาเงินไปทำบุญ

เคยมีในงาน มีทติ้งนานเเล้ว สมัยกีตาร์ไทย

เจอกันคราวหน้า อย่าลืมขอนะ เเต่ต้องดู อารมณ์ ความเหมาะสม เเละ สุขภาพด้วย คาดว่าอีกไม่นานนี้จะเล่นไม่ไหว

เพราะโจทย์ของเพลงคือ... ทำยังไงก้อได้ที่จะทำให้สายร้อนขึ้นRolleyes

ถ้าได้ดูหนังมา จะเข้าใจ

Big Grin


เเต่ประโยคที่ผมจำได้ เเละ น่าจะเเอบมาใช้ในความคิดบ้างคือ

เราขอเท่าทันในลิ่มคีย์เปียโน 64ลิ่มคีย์ ที่เราเข้าใจ ก็อพอเเล้ว ไม่เข้าเดินไปสู่ ลิ่มคีย์เปียนโนของพระเจ้า

ที่จะไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่จะเป็นไป

เเล้วเค้าก็นั่งเล่นเพลงที่เเสนไฟเราะ โดยยกมือ มาวางในอากาศ เเล้วเล่น ดนตรีที่พาเขาเดินทางมาโดยตลอด ที่เขาเข้าใจต่อไป

เพราะเปียโน ตอนหลังไม่มีเเล้ว

อีกตอนคือ...ตอนที่ มีเพื่อนมาของานเล่นดนตรีบนเรือด้วย เเล้วทดสอบ /ออดิชั่น /โดยเค้าจับเพื่อนเป่าเเตรมานั่งข้างๆ

ปลดล๊อคขาเปียนโน ปล่อยให้เลื่อนไหลไป เเล้วร่วมเล่นดนตรีไปเรื่อยๆโดยไม่สนอะไร กับเรือที่โคลงไปมาจนเปียโน ไหลไปเรื่อยๆไม่หยุด

ซึ่งเรื่องทั้งหมด ดำเนินเรื่องโดยการบอกเล่าเรื่อง โดยเพื่อนนักเป่าทรัมเป็ตคนนี้เเหละ

อีกตอนที่สำคัญมากๆ /สำหรับผม/ คือตอนที่เค้าโดนมาติดต่ออัดเสียง เเต่เค้าไม่ยอมลงไปบันทึกเสียงบนบก ต้องยกเครื่องมาอัดเเผ่นในเรือ

ตอนอัดก็คิดไม่ออก .....

เเต่ทันใดนั้น มีผู้หญิงที่ไม่รู้จักเดินผ่านมา เขาเริ่มเล่นดนตรี บรรยายความงดงามของความรู้สึก

จ้องมองเธอเดินไปมาด้วยกิริยาต่างๆ ดั่งเธอเป็นกระดาษบันทึกโน๊ต ที่เขาอ่านเเละเล่นมันออกมา ...

.....จนผู้หญิงคนนี้เดินลงเรือไป

/เเค่นึกถึงยังน้ำตาคลอเลย จริงๆ มันอาจเป็นเรื่องไร้สาระ ปกติ เเต่ถึงตอนนี้ สะอื้นทุกครั้งที่ดู

เหมือนตอนดู forest gump ตอนท้ายเรื่อง ที่พระเอกถามว่า

**เเล้วลูกที่เกิดเป็นเเบบเขาไม้ **หรือ อาจจะเป็นการที่คนปัยญาอ่อนคนนึง เล่าถึงความรู้สึก

ที่เค้าไม่เเน่ใจว่านี่เเหละความรัก ต่อนางเอก เเต่จริงๆ...นั่นยิ่งกว่าการเข้าใจเสียอีก เป็นรักที่บริสุทธิ์

ถึงจะปัญญาอ่อน เเต่ ก็รู้ว่ารักคืออะไร.../



ทำไมหนังที่บอกเล่าเรื่องสวยงามของชีวิต ที่มีความเป็นศิลปะสูง ในบท ในการเเสดง ไม่เน้นลูกสูตร ไม่หวังเเต่พานิชย์ จึงมีน้อยมากในยุคปัจจุบันน้อSad



ดีนะนอนน้อยมาก ไม้ต้องใช้น้ำตาเทียม เเค่คิดถึงสิ่งที่เคยประทับใจมาเกือบ10ปี ยังใช้เเทนได้

ดีนะเช้านี้






จบโฆษณา เชิญกลับเข้ามา รับชมรายการจากสถานีได้ต่อไปครับ
โห .. น้า1 คะ โฆษณายาวกว่าหนัง 2 เรื่องอีกนะเนี่ย คริๆๆๆ
ข้อมูลเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่จะดูหนังเรื่องนี้ อีกรอบ
Once คือภาพยนตร์เพลงสัญชาติไอริชที่กำกับและเขียนบทโดย จอห์น คาร์นี่ย์คนทำหนังที่ยังไม่ได้มีผลงานเป็นที่รู้จักในวงกว้างนอกจากในบ้านเกิดเท่านั้น
[attachment=9439]
นำแสดงโดย เกล็น แฮนซาร์ด (สมาชิกวงร็อคไอริชชื่อ The Frames และจอห์น คาร์นี่ย์เคยเป็นมือเบสให้วง The Frames) และมาร์เกตา เออร์โกลว่า (นักดนตรีหญิงชาวเชค) ทั้งคู่เคยร่วมงานดนตรีกันมาก่อนหน้านี้แล้ว และเป็นคนแต่งเพลงและร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เองทั้งหมด
[attachment=9440]
แรกเริ่มเดิมทีจอห์น คาร์นี่ย์ เอาเรื่องราวของแฮนซาร์ดเกี่ยวกับการเล่นดนตรีเพื่อนำไปสร้างหนัง รวมถึงให้แฮนซาร์ดช่วยแต่งเพลงประกอบให้ด้วย ตอนนั้นคาร์นี่ย์วางตัวนักแสดงนำชายไว้เรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือ ซิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ย์ แต่เมอร์ฟี่ย์ปฏิเสธที่จะแสดงคู่กับเออร์โกลว่าที่ไม่มีพื้นฐานการแสดงเลย และแสดงความอึดอัดที่จะร้องเพลงของแฮนซาร์ด จึงถอนตัวไปในที่สุด
[attachment=9442]
แฮนซาร์ด จึงได้บทพระเอกไปแทน โดย คาร์นี่ย์ให้สัมภาษณ์"แม้ตอนแรกผมจะอยากใช้นักแสดงฝีมือดีที่สามารถร้องเพลงได้มาแสดง แต่ต่อมาผมก็คิดได้ว่าควรทำกลับกัน นั่นคือใช้นักดนตรีฝีมือดีที่สามารถแสดงได้แทน"
[attachment=9438]
หนังเรื่องนี้ใช้ทุนสร้างเพียง 1.6 แสนเหรียญเท่านั้นจากคณะกรรมการภาพยนตร์ไอริช บวกกับเงินส่วนตัวของผู้กำกับคาร์นี่ย์เอง โดยใช้เวลาถ่ายทำเพียง 17 วัน
ผู้กำกับประหยัดเงินทุนโดยใช้แสงธรรมชาติและถ่ายทำที่บ้านเพื่อน ๆ
ฉากปาร์ตี้ดนตรีถ่ายทำในห้องพักของแฮนซาร์ดเอง โดยมีเพื่อน ๆ ของเขาแสดงเป็นนักดนตรีแถมแม่ของเขา (แคทเธอรีน แฮนซาร์ด) ก็เข้าฉากโชว์ร้องเพลงเดี่ยวด้วย
ส่วนฉากถนนเมืองดับลินนั้นเป็นการลักลอบถ่ายทำโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ทีมงานใช้เลนส์ยาวในการถ่ายทำเพื่อที่คนทั่วไปจะได้ไม่รู้ว่ากำลังมีการถ่ายทำภาพยนตร์กันอยู่
และบทสนทนาบางตอนก็เป็นการค้นสดของ แฮนซาร์ดและเออร์โกลว่า
มีอยู่ฉากหนึ่งที่เออร์โกลว่าพูดกับแฮนซาร์ดเป็นภาษาเชคโดยไม่มีซับไตเติ้ลว่า แปลว่า ฉันรักคุณ แต่ และขณะถ่ายทำแฮนซาร์ดเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าประโยคนั้นแปลว่าอะไร

หนังส่งผลให้ แฮนซาร์ด(เกิด :ปี1970) กับ เออร์โกลว่า (เกิด :ปี1988) ซึ่งมีอายุห่างกัน 18 ปี กลายเป็นคู่รักกันในที่สุด
[attachment=9441]
สตีเว่น สปีลเบิร์ก กล่างว่า "จะมีกี่ครั้งในชีวิตที่หนังเรื่องหนึ่งจะสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่คุณได้"

Once ก็ทำเงินเฉพาะในอเมริกาไปแล้วถึง 14 ล้านเหรียญฯ จากการฉายแบบจำกัดโรงเท่านั้น
เรื่องนี้น่ารักดีครับ..
เนื้อเรื่องก็ง่ายๆ แต่แนวทางชัดเจน
มุมนึงของนักดนตรีที่คิดว่าง่ายๆ สั้นๆ แต่กว่าจะได้พบเจอหนทางไปของตัวเองก็มีของแถมเป็นเรื่องเป็นราว
ผ่านอะไรให้จดจำ รำลึก ฝังใจ เยอะเชียว..สุดท้ายก็ไปตามฝัน ทั้งฝันใหม่และฝันเดิม



ทากาฯอะไรไม่รุ เสียงดีโคตรๆ
แปลกใจผสมทึ่งมาหลายครั้งแล้วว่าน้า Sarun ช่างรอบรู้กว้างขวางมากเหลือหลาย ข้อมูลดีจริงๆ
ผมเลยได้รู้ละว่านางเอกพูดภาษาเช็คว่าอะไรในตอนนั้นื และทำให้ผมสุขใจว่าอย่างน้อยนายพระเอก
ก็ได้นางเอกมาเป็นแฟนในชีวิตจริงละน่า ^^

หนังดีจริงๆครับ ธรรมชาติ ไหลลื่นและสมจริง เพลงเพราะ ไม่เพ้อฝัน เมื่อไรนะเมืองไทยจะมีคนเขียนบท
เจ๋งๆและหานักแสดงดีๆมาทำอย่างนี้ได้บ้าง
Pages: 1 2 3