NimitGuitar webboard

Full Version: โดนปฏิเสธวีซ่าอเมริกาT_T
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4 5 6
เมื่อประมาณ 20 กว่าปีที่แล้ว ป้าแดงเคยขอไม่ได้เหมือนกันค่ะ
แต่อีกต่อมาอีกประมาณสัก 5 ปี ก็ขอได้ค่ะ รายละเอียด จำไม่ได้แล้วค่ะ
(ไม่ได้ช่วยอะไรเล๊ยยยยย อิอิ) เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ ต้องมีสักหนทางซิเนอะ Big Grin
รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ต้องรอให้ทางโรงเรียนภาษาที่นั่นตอบรับ และเสียค่าเทอมก่อนไปเรียนด้วยนะครับ ถ้าตั้งใจจะไปเรียนอยู่แล้วก็โอครับ แต่ถ้าตั้งใจไปเที่ยวเฉยๆอาจจะต้องเสียค่าเรียน ซึ่งค่อนข้างแพงเอาเรื่อง

นู๋แจน ญาติอยู่รัฐไหน เมืองไหนครับ ที่อเมริกา บางเมืองมีโรงเรียนสอนภาษาราคาไม่แพง คิดเป็นเงินไทยไม่ถึง 1หมื่นบาทต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูก ถ้าเมืองที่ญาตินู๋แจนอยู่มีโรงเรียนภาษาราคาไม่แพง จะขอวีซ่าด้วยวิธีไปเรียนภาษาก็น่าจะโอเชอยู่

วิธีที่น้าป๋อว่าก็โอนะ ขอสั้นๆไปก่อน แล้วไปต่อที่นั่น บอกไปเลยว่ามีเงินจะไปเที่ยว ไปช๊อปปิ้ง และถือโอกาสเยี่ยมญาติ ใช้statement สวยๆ จดหมายรับรองจากที่ทำงาน(ถ้าทำงานอยู่) จดหมาย หรือหนังสือจดทะเบียนบริษัท (ถ้าที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว) ซึ่งเราเป็นทาญาติ หรือทำงานอยู่ด้วย อย่างที่น้าซ่าว่าไว้

ขอหนังสือเชิญจากญาติให้ที่สถานฑูต รับรองสถานะ ถ้าญาติทำธุรกิจส่วนตัวเช่นร้านอาหารก็ให้เค้ารับรองเรื่องเช่น ที่พัก พาเที่ยว พาช๊อปปิ้ง ประมาณนั้น และอาจจะรับรองว่า พอครบเวลาตามวีซ่าที่ขอ จะรีบไล่กลับเมืองไทยเลย .... จึ๊ย ^_^ เค้าจะได้ไม่คิดว่าเตรียมโรบินฮู๊ด

ไม่รูเวิร์คป่าวนะ รอน้าๆท่านอื่นที่เชี่ยวชาญมาให้คำแนะนำต่อนะคร๊าบบบ
จากคำแนะนำของน้าสรัญกะน้ารักป่วย...แค่นี้ก้อแน่นก้อพอแระคะ
ว่าจะแนะนำบ้างสะหน่อย ไม่เหลือห้ายเราออกโรงบ้างเลย ...งิๆ
คะ .. ที่สำคัญ statement ถ้า เอาของเราเอง หรอว่าของ parents (supporter)ก้อได้คะ ถ้ามีสัก7หลัก..ก้อชะลุยอ่ะคะ
อิอิ
SARUN Wrote:ตอนที่สัมภาษณ์
เหตุผลที่มักจะผ่าน คือ ไปท่องเที่ยว
เหตุผลที่มักไม่จะผ่าน คือ ไปเยี่ยมญาติ ไปเยี่ยมแฟน....แต่ถ้าไปเยี่ยมญาติจริงๆ ก็ให้ญาติทางฝั่งโน้นส่ง จม ยืนยันมาด้วยผ่านทางสถานทูต ก็จะเพิ่มความน่าเชื่อถือได้

เพราะ เมกามานกลัวหนีไปเป็น โรบินฮู๊ดดด...

แต่เคล๊ดลับเบื้องต้นเลย
1.Statement ต้องดี น่าเชื่อถือ
2.ต้องมีใบรับรองจากที่ทำงาน ว่าเรายังทำงานอยู่ แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่ หรือถ้าเรียนอยู่ ก็ต้องขอจากสถานศึกษานั้นๆ (ถ้าว่างงานอยู่....อย่าไปบอกให้เขารู้ล่ะ)

จบการรายงาน....


ตามที่น้าซ่าส์ว่าเลยครับ
ก็ให้ญาติทางฝั่งโน้นส่ง จม ยืนยันมา
ข้อนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

Statement ต้องดี
ไม่ได้หมายความว่าต้องมีเงินมาก แค่มีรายได้แน่นอนพอสมควรก็ใช้ได้แล้วครับ
หากยังเป็นนักศึกษาอยู่ ก็ควรมีเงินฝากในธนาคารสักแสนสองแสนครับ
ยืมยายยืมน้าให้โอนเงินเข้าธนาคารก่อนก็ได้ครับแล้วค่อยเอาไปคืนที่โน่นครับ
ขอ วีซ่า ไปบ้านเต่าต้องทำอย่าง ไร ครับ...
ต้องมีเงินอยู่ในธนาคารอย่างน้อย 6 เดือนนะคะ...
เพิ่งกลับมาจากเดินทางไกล...
หายหน้าไปสองอาทิตย์ บ้านนี้คึกคักเคลื่อนไหวจนตามแทบไม่ทัน...
นั่งไล่อ่านกระทู้มาตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ อยากสนทนาด้วยเกือบทุกกระทู้ แต่ไม่รู้จะคุยอะไร เพราะเหมือนคนหน้าใหม่...

สำหรับกระทู้นี้...
มีคำแนะนำว่า...
วีซ่า เข้าสหรัฐฯ มันพิเรนกว่าประเทศไหน ๆ ครับ...
ถ้ายื่นขออยู่นาน มันมักจะไม่ให้ หรือให้สั้น...
แต่ถ้ายื่นขอแบบว่าข้าไม่สนใจจะไปสักเท่าใด มันกลับให้วีซ่าอยู่นาน ๆ ! -บ้าดีไหม?

จากประสบการณ์...
ขอวีซ่า ประเภท Tourist ปัญหาน้อยที่สุด... โดยเฉพาะตอนสัมภาษณ์
ยื่น (โกหก) เข้าไปเที่ยว สัก 2 อาทิตย์ จะค่อนข้างผ่านง่ายกว่า บอกว่าไปเยี่ยมญาติ
Statement ต้อง 6 หลักขึ้นไป และอย่าแต่ง บ/ช (ยืมเงินคนอื่นมาใส่ใน บ/ช กระทันหัน) เพราะมันเห็นชัด ๆ ว่าเป็นการจงใจแต่ง บ/ช...

ทำการบ้าน เรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เผื่อไว้ให้มันสัมภาษณ์...
ลองดูครับ... เพราะ วีซ่า-อเมริกัน มันลมเพลมพัดจริง ๆ
ผมเคยขอแล้วไม่ผ่านเหมือนกัน
แต่พอขอแบบไม่ได้ก็ไม่แคร์ มันดันให้วีซ่าซะห้าปีเลย! เอากะมันสิ?!?...

...วีซ่า ที่ของ่ายที่สุด คงเป็น วีซ่า-บ้านเต่า...555...
อาทิตย์หน้าว่าจะไปยื่นขอที่ชายแดนหน้าประตูบ้าน....
nongjeab Wrote:ต้องมีเงินอยู่ในธนาคารอย่างน้อย 6 เดือนนะคะ...

เดือนละเท่าไหร่ ครับ และสถานที่ขอวีซ่า อ่ะ ครับ
เตรียมเอกสารขอวีซ่า

1. หนังสือเดินทาง Passport ที่มีอายุการใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน นับจากวันเดินทาง

2.DS-2019 (รับจากทางเอเจนซี่)

3. Au pair Application (ฉบับถ่ายเอกสาร รับจากทางเอเจนซี่)

4. แบบฟอร์มการยื่นขอวีซ่า DS-156,DS-157,DS-158 (รับจากทางเอเจนซี่)

5.รูปถ่ายสี ขนาด 2 * 2 นิ้ว จำนวนสองรูป โดยมีฉากหลังสีขาว เห็นใบหูทั้งสองด้าน ไม่รับรูปถ่ายด่วน ไม่เคลือบมัน

6.หนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษาตัวจริง หรือปริญญาบัตร

7. ใบแสดงผลการเรียน (Transcript) ตัวจริง ภาษาอังกฤษ

8. จดหมายรับรองจากที่ทำงาน เป็นภาษาอังกฤษ

9.หนังสือรับรองการทำงานของพ่อและแม่ หรือผู้ที่ออกค่าใช้จ่าย กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัวให้ยื่นใบทะเบียนการค้าหรือ หนังสือจดทะเบียนรับรองบริษัท หรือห้างหุ้นส่วน ประทับตราบริษัทพร้อมเซ็นต์ชื่อ

10.หนังสือรับรองสถานภาพทางการเงินตัวจริง พร้อมสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน โดยมีตราประทับของทางธนาคาร รับรองทุกหน้า หรือ Bank Statement ย้อนหลัง 6 เดือน ในวันสัมภาษณ์ให้ยื่นสมุดบัญชีตัวจริง โดยมียอดเงินไม่ต่ำกว่าสองแสนบาท

11. ทะเบียนบ้านและสำเนา

12.ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่า


ขั้นตอนการขอวีซ่า USA ระบบใหม่
====================

ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ได้เริ่มใช้ระบบข้อมูลวีซ่า และขั้นตอนการ นัดวันสัมภาษณ์ที่ใช้ทั่วประเทศ ผู้ประสงค์ยื่นขอวีซ่าจะต้องทำการนัดหมายโดยผ่าน บริการเว็บไซต์และ Call Center สำหรับข้อมูลด้านวีซ่าและจองวันสัมภาษณ์ ทางอินเตอร์เน็ตหรือทางโทรศัพท์


ในการใช้บริการนี้ ผู้ประสงค์ยื่นขอวีซ่าต้องซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ทางอินเตอร์เน็ต หรือทางโทรศัพท์ โดยหักเงินทางบัตรเครดิตหรือจ่ายเงินผ่านที่ ทำการไปรษณีย์ที่ร่วมโครงการ เมื่อใช้รหัสประจำตัว (PIN) ผู้ประสงค์ยื่นขอ วีซ่าจะสามารถหาข้อมูล ด้านวีซ่าและจองวันสัมภาษณ์ เพื่อขอวีซ่าชั่วคราวสำหรับ สมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันไม่เกิน 5 คน



ข้อแตกต่างจากระบบเดิม

1. ไม่ต้องไปเข้าคิวแต่เช้าตรู่

2. ไม่ต้องไปหลายรอบ

3. วีซ่า J1 ไม่ต้องไปพร้อมกันทั้งกลุ่ม

4. ยื่นเอกสารแล้วได้สัมภาษณ์ทันที

5. จ่ายเพิ่มค่า Pin Code 400 หรือ 720 บาท และค่าซอง 50 บาท


การสมัครวีซ่าใหม่



ผู้สมัครที่ถูกปฏิเสธวีซ่าสามารถสมัครใหม่ได้เมื่อใดก็ได้ ในการสมัครวีซ่าใหม่ ผู้สมัครยังคงต้องปฏิบัติตามกระบวนการทั้งหมด กรอกแบบฟอร์มการสมัคร ชำระค่าธรรมเนียมอีกครั้ง ผู้สมัครที่ถูกปฏิเสธสามารถสมัครใหม่กี่ครั้งก็ได้ แต่การสมัครใหม่โดยยังขาดหลักฐานที่หนักแน่น และมีนัยสำคัญที่สามารถ แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ของถูกสมัคร อาจไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงผลการพิจารณาอนุมัติวีซ่า ทางสถานฑูตและสถานกงศุลสหรัฐอเมริกา มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่กงสุลผู้ที่ไม่เคยสัมภาษณ์ผู้สมัครดังกล่าวมาก่อนเป็น ผู้สัมภาษณ์ เพื่อให้การพิจารณามีความเป็นธรรม




คำร้องขอวีซ่าของท่านได้ถูกปฎิเสธ


ทางเรามีความเสียใจที่จะแจ้งให้ท่านทราบว่า ท่านไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่า เข้าเมืองชั่วคราว คำร้องของท่านได้ถูกปฎิเสธภายใต้มาตรา 214 (บี) แห่งพระราชบัญญัติการตรวจคนเข้าเมือง และสัญชาติสหรัฐ กฎหมายมาตรานี้ ระบุไว้โดยเฉพาะว่า ?บุคคลต่างด้าวทุกคนจะถูก สันนิษฐานว่าเป็นบุคคล เข้าเมืองถาวร จนกว่าบุคคลผู้นั้น จะแสดงให้เป็นที่พอใจต่อเจ้าหน้ามี่กงศุล ณ เวลายื่นคำร้องขอวีซ่าว่า...บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ์ จะได้รับวีซ่าเข้าเมืองชั่วคราว?



ในการที่จะได้รับวีซ่าเข้าเมืองชั่วคราว (รวมถึงวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่ธุรกิจ และวีซ่านักเรียน) ท่านต้องแสดงให้เจ้าหน้าที่กงสุลเชื่อว่า ท่านมิได้มีจุดประสงค์ที่ จะเป็นบุคคล เข้าเมืองถาวร หมายความว่าท่านต้องแสดง ให้เจ้าหน้าที่กงสุล ที่ทำการสัมภาษณ์เชื่อได้ว่า ท่านจะไม่อยู่ในสหรัฐ เกินระยะเวลาที่ท่านได้รับอนุญาต หรือทำงานในสหรัฐ โดยไม่ได้รับ อนุญาต ตามพระราชบัญญัติ การ ตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ มาตรา 291ระบุว่า ?เมื่อใดก็ตามที่บุคคลใดยื่น คำร้องขอวีซ่า...ภาระการพิสูจน์จะตกอยู่กับบุคคลผู้นั้น ในการที่จะแสดง ว่าตนมีคุณสมบัติที่จะได้รับวีซ่าดังกล่าว?





ข้าพเจ้าจะสามารถพิสูจน์ได้อย่างไร



ท่านต้องแสดงให้เห็นว่าท่านมีเหตุผลจำเป็นที่จะทำให้ท่านต้องกลับมายังประเทศไทย (หรือถิ่นที่อยู่อื่นใดของท่านภายนอนสหรัฐ) หลังจากการเข้าไปเที่ยว ในสหรัฐสภาพแวดล้อมทาง ครอบครัว สังคม และอาชีพ มีความหลากหลายอย่างมาก ระหว่างผู้ยื่นคำร้องแต่ละท่านโดยที่สถานภาพของผู้ยื่น คำร้องแต่ละบุคคลแตกต่างกัน จึงไม่มีการ ?กำหนด? ได้ว่า เอกสารใดที่ท่านยื่นแล้ว สามารถประกันว่าท่านจะได้รับวีซ่า โดยปกติแล้วเอกสารต่างๆ มิได้มีความจำเป็นเสมอไป ผู้ยื่นคำร้องสามารถ ยื่นข้อมูลรายละเอียดใด ๆ ก็ตามที่จะพิสูจน์ ได้ถึงสถานะที่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ครอบครัว หรืออาชีพที่ผูกมัดในประเทศอันเป็นภูมิลำเนา ทางสถานฑูตไม่สามารถ บอกท่านว่าควรจะยื่นหลักฐานอะไร





ข้าพเจ้าสามารถอุทธรณ์ได้กับผู้ใด



ท่านไม่สามารถอุทธรณ์ได้ แต่ท่านสามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าครั้งต่อไปด้วยตนเองได้ หากท่านประสงค์จะให้คำร้องของท่านได้รับการพิจารณาอีกครั้ง การตัดสินว่าท่าน มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้รับวีซ่าหรือไม่ จะกระทำเฉพาะในเวลาที่มีการสัมภาษณ์ ตามกฎหมายระบุให้เจ้าหน้าที่กงสุลประจำสถานฑูตสหรัฐ เท่านั้นที่จะเป็นผู้อนุมัติ หรือปฎิเสธวีซ่า





ทางเจ้าหน้าที่กงสุลจำเป็นต้องตรวจเอกสารทั้งหมดของข้าพเจ้าหรือไม่



ไม่จำเป็น เจ้าหน้าที่กงสุลอาจตรวจดูเอกสารเป็นบางฉบับ ตามที่ท่านได้ยื่นมาในชั้นต้น เพื่อยืนยันข้อมูลที่ท่าน (ก) ได้ให้ไว้ในแบบคำร้องขอวีซ่า (ดีเอส 156 และแบบสอบถามเพิ่มเติม ดีเอส 157) และหรือ (ข) ได้ให้ไว้เมื่อท่านตอบคำถามระหว่างการสัมภาษณ์ของท่าน





ผู้อุปถัมภ์สามารถรับประกันการเดินทางกลับของข้าพเจ้าหรือไม่



ไม่ได้ ไม่มีข้อบัญญัติในพระราชบัญญัติการตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐ ที่อนุญาตให้ ญาติ นายจ้าง เพื่อน หรือบุคคลใด ?รับประกัน? การเดินทางกลับของท่าน โดยไม่คำนึงว่าใครเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางของท่าน เจ้าหน้าที่กงสุล จะพิจารณาสถานการณ์ เฉพาะตัวของท่าน และตัดสินว่าท่านมีคุณสมบัติตาม กำหนดในอันที่จะได้รับวีซ่าเข้าเมืองด้วยตนเอง
LittleNomad Wrote:วีซ่า เข้าสหรัฐฯ มันพิเรนกว่าประเทศไหน ๆ ครับ...
ถ้ายื่นขออยู่นาน มันมักจะไม่ให้ หรือให้สั้น...
แต่ถ้ายื่นขอแบบว่าข้าไม่สนใจจะไปสักเท่าใด มันกลับให้วีซ่าอยู่นาน ๆ ! -บ้าดีไหม?

ลองดูครับ... เพราะ วีซ่า-อเมริกัน มันลมเพลมพัดจริง ๆ
ผมเคยขอแล้วไม่ผ่านเหมือนกัน
แต่พอขอแบบไม่ได้ก็ไม่แคร์ มันดันให้วีซ่าซะห้าปีเลย! เอากะมันสิ?!?...
จริงครับ ไม่รู้มันเอาอะไรเป็นเกณฑ์ และลมเพลมพัดอย่างน้าอ้วนว่าไว้
ผมขอไปเที่ยวรอบแรก(ตอนนั้นขอพร้อมแคนาดา) มันให้ 1 เดือน แล้วผมมีเหตุหมั่นไส้มันนิดหน่อยเลยเที่ยวแต่แคนาดา พอปีถัดไปขอใหม่อีกรอบตอนเดือนกุมภา ยื่นเอกสารม้วนเดียวจบ ไม่เรียกสัมภาษณ์ ...สรุปว่ามันให้ผม 10 ปีซะงั้น

น้องที่ทำงานผมคนนึง ไปยื่นปีเดียวกันแต่เป็นเดือนมีนา มันเรียกสัมภาษณ์ซะยับเลยกว่าจะยอมให้ VISA ทั้งๆ ที่เราทำงานที่เดียวกัน อายุงานต่างกันนิดเดียว พื้นฐานการเงินใกล้เคียงกัน เผลอๆ เค้าจะรวยกว่าด้วยซ้ำ

เคยได้ยินเขาลือกันว่าอย่าไปขอช่วงเด็กปิดเทอมไป summer กันเยอะๆ จะได้ยาก ไม่รู้จริงรึเปล่า
Pages: 1 2 3 4 5 6