NimitGuitar webboard

Full Version: เรื่องราวของ Gibson J-45 สามยุค + ยุคทมิฬ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2
ลองฟังเสียงใน YT แล้ว ระหว่าง Gibson J-45 True Vintage 2008 และ 2012
หักลบ ความแตกต่างของแนวเพลงที่เล่นจากผู้ทดสอบแล้ว
ผลคือ รูปพรรณสันฐานของเนื้อเสียงมันไม่ต่างกันเลย
(12-06-2014, 09:04)SARUN Wrote: [ -> ]ลองฟังเสียงใน YT แล้ว ระหว่าง Gibson J-45 True Vintage 2008 และ 2012
หักลบ ความแตกต่างของแนวเพลงที่เล่นจากผู้ทดสอบแล้ว
ผลคือ รูปพรรณสันฐานของเนื้อเสียงมันไม่ต่างกันเลย

ผมซื้อตัว sitka spruce มาเพื่อเทียบเสียงกับตัว adirondack spruce ว่ามันจะต่างกันซักแค่ไหนเพราะราคามันต่างกันเป็นหมื่นและเห็นมีคนปล่อย J-45 TV รุ่นแรกกันในราคาแค่เจ็ดหมื่นกว่าอยู่สองตัวเมื่อเร็วๆนี้เอง

ความจริงแล้วถ้ากีตาร์ที่โครงสร้างเหมือนกัน 100% ต่างกันแค่ชนิดของไม้ spruce เสียงของมันก็ไม่น่าจะต่างกันมากมายจนฟังออก ผลจากการทดสอบก็ปรากฏว่าแยกไม่ออกจริงๆทั้งๆที่ตัว J-45 TV sitka spruce ผมยังไม่ใด้เปลี่ยนสายเลย

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ใด้ลองเปรียบเทียบ adirondack กับ sitka ครั้งแรกนั้นผมเคยลองเอา 1995 Martin D-18 Golden Era Limited Edition ที่ไม้หน้าใช้ sitka spruce มาเปรียบมวยกับ 2000 D-18 GE รุ่นมาตรฐาน (สองรุ่นนี้ sitka ราคามือสองแพงกว่าเพราะผลิตอยู่ล้อตเดียว)



มาตินคู่นี้ รูปพรรณสันฐานของเนื้อเสียงมันไม่ต่างกัน เช่นเคย
แต่ถ้าหลับตาและใช้ความรุ้สึกล้วนๆ รวมทั้งปรับระดับของเสียงให้พอๆกัน
พบว่า..คลิบแรก เสียงฉ่ำกว่าแฮะ
เรียนถามน้า Pood ครับ
ระหว่าง Custom shop ที่ทำออกมาเป็น Limited ปีนั้นๆ และ True Vintage แบบไหนน่าสะสมหรือน่าเล่นกว่ากันครับ ซึ่งผมนั้นชอบ Gibson โดยเฉพาะทรง Round shoulder มากๆเลย ถ้าจะมีหนึ่งตัวแบบไหนน่าสนใจกว่าครับ
เรื่องสะสมนั้นผมคิดว่ากลุ่ม Custom Shop Limited Edition นั้นทุกรุ่นเท่าที่ผมใด้สัมผัสมามีหน้าตาที่ดูดีกว่าเสียงที่เด่นกว่ารุ่น production อย่างชัดเจนครับ

Gibson L-00 ปกติ



Gibson L-00 Latin Folk, Palo Escrito back & side, Custom Shop Limited Run of 25



Gibson Keb Mo Signature Bluesmaster, Adirondack spruce top, limited run of 300



ส่วน Gibson True Vintage นั้นเป็นรุ่นยอดนิยมเพราะแฟนของ J-45 เขาบอกว่ามันคุ้มค่าจริงๆเพราะราคาแพงกว่ารุ่น standard เพียง 31,500 บาทแต่เสป็คเหนือกว่ามากมาย (Martin D-18GE แพงกว่า D-18 ประมาณ 45,000 บาท) เรื่องเสียงนั้นก็ไม่ใด้เป็นรองพวก limited edition แม้แต่น้อยแต่หน้าตามันไม่ใด้มีความแตกต่างจากรุ่น standard เลย

ดังนั้นถ้าคุณสนใจเรื่องเสียงอย่างเดียว True Vintage น่าจะคุ้มค่ากว่าแต่ถ้าสนใจเรื่องหน้าตาด้วยก็ต้องหาพวก Limited Run ครับ
ขอบคุณครับน้า Pood ข้อมูลดีดี ทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
แหม!...อยากเป็นเจ้าของ J-45 custom shop เจ๋งๆ ซักตัว
แต่ Latin Folk ก็เสียงดี และสวยมากจริงๆ
ขอบคุณน้าpood ที่ให้ความรู้ดีๆ
ทำให้รู้จักตัวตนของ Gibson มากขึ้นเยอะเลยครับ
ยุคทมิฬของ Gibson

ในช่วงปลายของทศวรรษ 1960s นั้นเป็นยุคบูมสุดๆของกีตาร์โปร่ง กีตาร์ยี่ห้อดังๆอย่าง Martin, Guild และ Gibson ผลิตไม่ทันความต้องการของตลาดดังนั้นทุกเจ้าจึงต้องหาวิธีแก้อย่างเร่งด่วน

งานที่เสียเวลาและเปลืองแรงงานมากที่สุดก็คืองานซ่อมกีตาร์เพราะกีตาร์ในอเมริกาเขารับประกันซ่อมฟรีตลอดชีวิต ถ้าเป็นงานเล็กๆน้อยๆที่ไม่ใช่โครงสร้างก็ยังส่งให้ช่างข้างนอกทำใด้แต่งานโครงสร้างหลักนี่ทางโรงงานต้องซ่อมเอง ปัญหาที่พบบ่อยสุดคือเรื่องท้องยุบและท้องป่อง ทาง Martin แก้ปัญหานี้โดยการเปลี่ยน bridge plate จาก maple มาใช้ rosewood ที่หนากว่าและใหญ่กว่าสองเท่าในปี 1968 ส่วน Gibson นั้นเปลี่ยนมาใช้ double-X bracing ในปี 1969 จนถึงปี 1981 กัยกีตาร์โปร่งทุกรุ่น (Guild ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรเลยเพราะกีตาร์เขาทนทายาดอยู่แล้ว)

[Image: 1_44.jpg]


กีตาร์โปร่งของ Martin และ Gibson ในยุคนี้ราคามือสองต่ำกว่ายุค '60s เยอะเพราะเขาลือกันว่าเสียงไม่ดี ผมลองมาหลายตัวแล้วไม่เห็นจะฟังออกเลยครับ

1972 Martin D-28 (Rosewood Large Bridge Plate)




1973 Gibson Heritage Custom (Double-X Bracing)

1976 Gibson J-45

J-45 ในยุค '70s นั้นการไล่ shade ของสี sunburst จะไม่ละเอียดเหมือนยุคอื่นซึ่งคงเป็นเพราะต้องการประหยัดเวลามากกว่า

commercial photography locations


commercial photography locations


commercial photography locations

แต่เรื่องเสียงไม่เป็นรองยุคอื่น เบสมากกว่ายุค slope shoulder เพราะบอดี้ใหญ่กว่า

Pages: 1 2