NimitGuitar webboard

ก่อนจะว่ากันด้วย Expression System ตัวใหม่ของ Taylor ที่ผมเพิ่งจะได้มา
ขอย้อนกลับไปประมาณ 2 ปีกว่า ปี 2006 ผมซื้อ Taylor PS14 มาจาก Lucky Music
PS14 ตัวนี้ผลิตเมื่อปลายปี 2005 แน่นอนว่ากีต้าร์ตัวนี้มีวงจร Pickup ES หรือ Expression System ติดตั้งมาด้วย

ผมใช้งานมันได้ดีไม่มีปัญหาอะไร จนมาเมื่อกลางปี 2007 กีต้าร์ของผมก็เกิดปัญหา
คือภาค Electronic เสียงมันไม่ออก เสียบไปก็มีแต่เสียง พือ..............................
ดังค้างอยู่อย่างงี้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนถ่าน เปลี่ยนสาย เปลี่ยนตู้แอมป์ก็ยังได้ผลลัพธ์เหมือนเดิม
ทำให้รู้ว่า เจ้า Pickup ES ของผมหมดอายุขัยซะแล้ว


กีต้าร์ PS14 ที่เพิ่งถูกส่งกลับมาจากอเมริกา



ทำไงดีล่ะ?..... ผมโทรไปหา Lucky เผื่อขอสั่งซื้อ ES มาเปลี่ยน
ทางร้านติดต่อให้เป็นอย่างดี และ Taylor ก็ยินดีจะส่ง ES ตัวใหม่มาเปลี่ยนให้
โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ผมประทับใจในบริการของ Taylor และ Lucky Music มากๆ
แต่ด้วยความซนของผม ช่วงนั้น Taylor ได้ออก ES รุ่นใหม่ (เรียกว่า New ES)
New ES ได้ปรับปรุงข้อบกพร่องของ ES รุ่นเดิมไปหลายประการเช่น
-เสียงของสาย B ดังเกินกว่าสายอื่น
-ถ่าน AAx2 ใช้งานได้น้อยชั่วโมง เมื่อเทียบกับ Pickup ยี่ห้ออื่นๆที่ Run ด้วยถ่าน 9V
-มี White Noise เยอะ (เสียงซ่า)
-Head Room ที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับ Active Pickup ยี่ห้ออื่นๆ

เมื่อเห็นดังนี้ ผมก็อยากลองล่ะซิครับ ว่า New ES มันจะเจ๋งซักแค่ไหน
ก็เลยขอสั่ง New ES ซะเลย ไหนๆ ES ก็เสียแล้ว เปลี่ยนทั้งที ก็ขอลองของใหม่ละกัน
แต่......... Taylor ไม่สามารถส่ง New ES มาให้ได้ เนื่องจากกีต้าร์ของผม
ติดตั้งมาจากโรงงานเป็น ES เก่า ถ้าจะติดตั้ง New ES ต้องทำการเหลาก้นกีต้าร์ใหม่
และต้องถูกเหลาด้วย CNC ของ Taylor เท่านั้น จึงจะติดตั้ง New ES ได้

ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผมต้องส่งกีต้าร์กลับไปเมกา เพื่อติดตั้ง New ES ครับ
แน่นอนว่ามีค่าใช้จ่ายในการส่งไปกลับด้วย ก็ถือเป็นความรับผิดชอบของผมเอง
เพราะผมมันอยากลอง

หลังจากส่งไปทำการติดตั้ง NEW ES วันนี้ผมก็ได้ PS14 กลับมาเล่นแล้วครับ เฮ!!!
รูปลักษณ์ภายนอกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง Knob ที่ด้านข้างลำตัวยังคงมี 3 Knobs เหมือนเดิม
คือปุ่มที่อยู่ใกล้ Top เป็น Volume, ปุ่มที่อยู่ตรงกลางคือ Treble และที่อยู่ใกล้ Back คือ Bass

มีอะไรใหม่ใน NEW ES??


มองเข้าไปใน Sound Hole จะมี Switch เล็กๆสีขาวสองอัน
มันคือตัวปิดเปิด Body Sensor ทั้งสองตำแหน่ง
ถ้าพลัก Switch ไปด้านหน้า (พลักไปทางใกล้ไม้หน้า) จะเป็นการปิดการทำงานของ Body Sensor
ถ้าพลัก Switch ไปด้านหลัง (พลักไปทางไม้หลัง) จะเป็นการเปิดการทำงานของ Body Sensor

End Pin Jack แบบใหม่สำหรับใส่ถ่านขนาด 9V ที่สามารถเปิดปิดได้ด้วยนิ้ว
ไม่เหมือนรุ่นเก่า ที่ต้องเปิดด้วยเหรียญ


เมื่อแกะรางถ่านออกมาแล้ว ถอดเข้าออกง่ายมากๆ สะดวกกว่าแบบเก่าเยอะ

สรุปสิ่งที่ New ES เพิ่มเติม และเปลี่ยนไป
-Preamp ที่ออกแบบใหม่ มี Switch on/off Body Sensor ทั้งสองตำแหน่ง
-New Sensor Body ที่ Taylor บอกว่าให้เสียงดีกว่าเดิม และ Noise ที่ต่ำลง
-New Neck Pickup (Dynamic String Sensor) ที่แก้ปัญหาของสาย B ดังกว่าสายอื่นๆ
(ผมไปอ่านเจอจากเวปเมืองนอก บอกว่าแก้โดยการกลับขั่วแม่เหล็กของ Pickup สาย B)
-เพิ่มไฟ LED บอกสถานะของ Battery ถ้าไฟ LED ดับแสดงว่า Battery อ่อนหรือ Battery หมด
-Head Room ที่เพิ่มขึ้นทำให้ Noise ต่ำลง และได้ Output ที่แรงขึ้น
-เสียงซ่า White Noise, Hiss ลดลง
-ใช้ Battery 9v แทน AA สองก้อน เพื่อให้ได้กำลังที่สูงขึ้น และระยะเวลาการใช้งานที่นานขึ้น
-ตำแหน่งของ Body Senser บริเวณกลางตัวกีต้าร์ ถูกย้ายจากใกล้ Bridge
ไปอยู่กึ่งกลางระหว่าง End Pin กับ Bridge แทน
-ติดตั้ง Fused String Ground เพิ่ม ทำให้เวลาจับสายกีต้าร์แล้ว เสียง Low Frequncy Noise จะหายไป (50/60 Hz)

มาลองฟังเสียงของ New ES
http://www.dropfiles.net//files/1697/Tay...w%20ES.zip

ถ้าเทียบกับ ES ตัวเก่าแล้ว พูดตามตรงว่า ผมจำเสียงของมันไม่ได้เลย
เพราะมันเสียไปตั้งแต่กลางปี 2007 ถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 1 ปีเต็มๆ
ผมเพิ่งได้ฟังเสียง NEW ES อีกครั้งครับ

ก็ลองฟังกันดูจ้า สำหรับผมแล้ว NEW ES ให้เสียงที่ฟังเป็นธรรมชาติกว่า Piezo
ไม่แข็งกระด้าง แต่ก็ให้เสียงป่องๆ ฟังอาจจะแปลกหูซักหน่อย
ถ้าปรับ EQ ย่าน Mid ถึง Mid Low ลงซักนิด จะให้เสียงที่ไพเราะมากเลย

อุปกรณ์ที่ผมใช้อัดคือ Taylor PS14 New ES
ต่อเข้า input ของ Sound Card เลย โดยใช้สาย Balance
เพราะ ES และ New ES มี output เป็น Balace Level อยู่แล้ว
ไม่ต้องใช้ DI Box ครับ

ในครึ่งแรกของ Clip ผมปรับ EQ เป็น Flat ไม่ Boost ไม่ Cut
และในครึ่งหลัง EQ ผมปรับ Treble 02:00น. และ Bass ที่ 11:00น.
เพื่อเพิ่มแหลมและลด Bass ลงเล็กน้อยในแบบที่ผมชอบ

http://www.dropfiles.net//files/1697/Tay...w%20ES.zip





ค่าเปลี่ยนจาก ES ไปเป็น NEW ES คือ $300 ไม่รวมภาษี
และยังไม่รวมค่าขนส่งทั้งไปและกลับจาก US-Thailand, Thailand-US นะ
ใครสนใจก็ลองแบบผมได้นะ ฮิๆๆ

จบละจ้า

ขอถือโอกาสถามเลยครับว่า...
ผลต่างระหว่าง On กับ Off ของระบบ Body Sensor ที่เห็นชัด ๆ คืออะไรครับ...
สงสัยมานานแล้ว...

ย่าน High ครับน้าอ้วน ย่าน High มันจะฟังเป็นธรรมชาติขึ้นโปร่งขึ้นถ้า on ไว้
ถ้าปิด Body Sensor แล้ว เสียงมันจะ Drak ลงจ้า

ขอบคุณครับน้าYodchuฯ...
สงสัยต้องตาม Taylor เอากลับมาลองเสียงความแตกต่างของระบบที่ว่านี้ซะแล้ว...

ในที่สุดก็มาแล้ว อิอิ ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ