NimitGuitar webboard

Full Version: 1 คำถามโง่ๆ จากเด็กบ้าๆคนนึงครับ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4
ระหว่างความร้อนกับความชื้นอันไหนน่ากลัวกว่ากันครับ
ผมไม่ได้เปิดแอร์ให้กีต้าร์อยู่แต่เปิดเครื่องดูดความชื้น ลมที่ออกมาจะมีความชื้นน้อยแต่ร้อนกว่าอุณหภูมิห้องเพราะไอน้ำคายความร้อนแฝงออกมาตอนกลั่นตัวเป็นน้ำ (กีต้าร์อยู่ในกล่อง)

ปล. เห็นคลังแสงของน้า Pood แล้วผมสบายใจขึ้นครับ
ถ้าไม่ได้ร้อนจนมีผลต่อกาว(ซึ่งน่าจะประมาณ 60 องศา C ขึ้นไป) ผมคิดว่าความชื้นน่าระวังกว่าครับ
สำหรับกีตาร์แล้วความชื้นน่ากลัวกว่าความร้อนครับ อุณหภูมินั้นมีผลต่อการยืดหดตัวของไม้น้อยมากและถ้าไม่เอากีตาร์ไปตากแดดก็คงไม่มีผลที่จะทำให้กาวละลายใด้ครับ

http://www.ehow.com/how-does_4742977_woo...tract.html

ผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้กีตาร์พังคือ "ความชื้น" ครับ เรื่่องนี้เป็นเรื่องที่มีคนเข้าใจผิดๆมากที่สุดจนผมไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอธิบายยังไงดีแต่วันนี้จะพยายามอธิบายแบบง่ายๆดูเป็นครั้งแรกครับ

คนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงความชื้นในอากาศก็มักเข้าใจว่ามันคือความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity) ความจริงแลวตัวเลขความชื้นสัมพัทธ์ (RH) มันมีผลกับความรู้สึกของคนแต่ไม่มีผลกับกีตาร์เลยครับ ลองดูตัวเลขข้างล่างครับ

[Image: UCojq3.jpg]

http://www.usa.com/rank/alaska-state--av...y-rank.htm
http://www.weather-and-climate.com/avera...k,Thailand

ในกราฟข้างบนผมลงเทียบความชื้นเฉลี่ยในกรุงเทพฯกับ Alaska ให้ดู จะเห็นใด้ว่าเมืองส่วนใหญ่ใน Alaska มี RH เฉลี่ยเกิน 80% แต่กรุงเทพมี RH น้อยกว่า 80% แต่ทำไมกีตาร์ในอาลาสก้าถึงมีแต่หดไมมีบวมซักตัว

ความชื้นที่มีผลกับกีตาร์คือ specific humidity หรือ mixing ratio ครับ มันคือตัวเลขที่บอกถึงปริมาณไอน้ำในอากาศโดยมีหน่วยเป็น กรัมต่อกิโลกรัม ที่จุด dew point (RH = 100%) ปริมาณไอน้ำในอากาศจะมีความสัมพันธ์กับอุณหภูมิดังนี้

[Image: wx16yd.jpg]


พอมาถึงตรงนี้อย่าเพิ่งเริ่มงงนะครับ ผมจะพยายามอธิบายแบบง่ายๆว่าทำไมกีตาร์ในอาลาสก้าถึงใด้หดแต่ในเมืองไทยถึงใด้บวมทั้งๆที่มีความชื้นสัมพัทธ์ใกล้เคียงกัน

ตัวเลข RH นั้นเป็นตัวเลขของอากาศภายนอกครับ ในอาลาสก้าอากาศภายนอกมีอุณหภูมิเฉลี่ยที่ 20 องศา F ซึ่งคนคงอยู่ไม่ไหวก็เลยต้องเอา heater มาเพิ่มอุณหภูมิให้เป็น 70 องศา การเพิ่มอุณหภูมินั้นถ้าไม่ใด้เติมน้ำเพิ่มก็จะทำให้ RH ลดลงครับ

RH = 80%, Temp. = 20F, Mixing ratio = 2 g/kg
Mass of water vapor per KG = 2x0.8 = 1.6 gram

ที่อุณหภูมิ 70 องศา F ปริมาณไอน้ำที่ 100% RH = 15 gram
ดังนั้น new RH = 1.6/15 = 10.7% ซึ่งรับรองใด้ว่ากีตาร์ท้องยุบและไม้หน้าแตกแน่นอนถ้าไม่มีการเติมไอน้ำเพิ่ม

ส่วนในกรุงเทพฯนั้นเป็นเรื่องตรงกันข้าม ถ้าอุณหภูมิข้างนอกอยู่ที่ 95องศา F และ RH = 80% จะมีปริมาณไอน้ำอยู่ที่ 35x0.8 = 28 g/kg
ถ้าเราเปิดแอร์ให้อุณหภูมิลดเหลือ 70 องศา จุดอิ่มตัวของไอน้ำจะอยู่ที่ 15 g/kg ดังนั้นไอน้ำในอากาศจะกลายเป็นหยดน้ำและหายไปเกือบครึ่งจาก 28 g/kg เหลือ 15 g/kg ซึ่งก็เท่ากับว่าการขยายตัวของไม้จากการดูดซับไอน้ำจะลดไปเกือบครึ่งด้วยครับทั้งๆที่ RH = 100%

ผมเห็นมีหลายคนแนะนำให้ไปซื้อเครื่องวัดความชื้นเพื่อป้องกันไม่ให้กีตาร์บวม ผมก็สงสัยเหมือนกันว่ามันป้องกันใด้ยังไง จำใว้แค่ว่ากีตาร์ที่อยู่ห้องแอร์มันไม่บวมแน่นอนก็พอครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นความเชื่อแบบไม่ค่อยมีเหตุผลคือเรื่องวัสดุดูดความชื้นพวก silica gel เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อครับ
Big Grinขอบคุณน้า poodมากๆครับ Big Grin
ตอนี้ผมใส่ตัวดูดความชื้นอยู่พอดี และรู้สึกว่ามันไม่เวอร์ค แต่ไม่รู้ทำมัย ผมรอฟังคำเฉลยจากน้าpoodนะครับTongue
รอติดตามด้วยคนครับ เรื่องความชื้น
กีตาร์ชื้น น่ากลัวมาก
ถ้ารู้จักป้องกัน จะทำให้ ใจชื้น ผมว่าดีนะ
Silica gel ก็คือเมล็ดทรายที่มีรูพรุนครับ มันสามารถดูดไอน้ำใด้ถึง 40% ของน้ำหนักตัวมันเองและจะหยุดทำงานเมื่อ RH = 40% มันเป็นวัสดุสังเคราะห์มหัศจรรย์ที่มีประโยขน์มากมายที่ใช้กันตั้งแต่ซองกันชื้นซองเล็กๆจนถึงแผ่นใหญ่ๆในระบบปรับอากาศขนาดใหญ่เพื่อลดอุณหภูมิของ make-up air

การคำนวณว่าต้องใช้ silca gel กี่กรัมในกล่องกีตาร์นั้นทำใด้ง่ายๆครับแต่ทำไปก็ผิดเพราะเราไม่รู้ว่ากล่องกีตาร์ของเรามันรั่วมากแค่ไหน มันก็เหมือนกับการวิดน้ำในเรือรั่วครับ หยุดวิดเมื่อไหร่ไม่ช้าก็เร็วเรือก็จม

การใช้ silica gel กับกีตาร์ที่คุณเปิดกล่องมาเล่นทุกวันนั้นไม่ค่อยจะใด้ผลหรอกครับ สำหรับคนที่เก็บกีตาร์เฉยๆโดยไม่ค่อยจะเปิดกล่องนั้นก็ใด้ผลบ้าง ผมซื้อ silica gel เป็นกิโลแล้วเอามาใส่ถุงเองแต่คุณจะซื้อที่เขาบรรจุถุงให้แล้วก็ใด้ พวกถุงขนาดเล็กที่เขาใส่กล่องมาตอนขนส่งนี่ลืมไปใด้เลยครับ ผมแนะนำถุงขนาด 200 กรัมราคากิโลละ 175 บาท

http://www.powerdry.co.th/Select_Product.php

เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ ตอนนี้ต้องออกไปข้างนอกก่อน
ชนิดและคุณภาพของกล่องก็เป็นตัวกำหนดว่ากล่องของคุณมันรั่วแค่ไหน กล่องที่รั่วน้อยสุดคือกล่องไฟเบอร์ที่มีคิ้วอาลูมีเนี่ยมตรงฝาปิดแต่ถ้าเป็นกล่องจากจีนราคาสองพันกว่าบาทมักหล่อมาไม่ดีและพอเก่าก็เริ่มบิดเบี้ยวทำให้ปิดไม่สนิทครับ กล่องที่รั่วน้อยเหมือนกันคือกล่อง semi-hard case ที่เป็นแบบฝารูดซิป ส่วนกล่องไม้นั้นรั่วมากสุดครับ

ก่อนจะใส่ silica gel ในกล่องต้องไล่ความชื้นในกล่องก่อนโดยใช่ที่เป่าผมเป่าครับ ตอนหยิบกีตาร์ออกมาเล่นก็ควรปิดกล่องใว้ ถ้าเก็บใว้โดยไม่เปิด silica gel 200 กรัมจะอยู่ใด้ 10-20 วันก่อนที่จะต้องเอามาไล่น้ำออกครับ

Silica gel นั้นมีทั้งชนิดสีและชนิดขาว ชนิดสีจะเปลี่ยนสีจากสีน้ำเงินเป็นสีม่วงเมื่อหมดสภาพ ผมแนะนำให้ใช้แบบผสมเพราะราคาถูกลงเยอะและบอกสภาพใด้เหมือนกัน Silica gel นั้นไม่มีการเสื่อมสภาพเพราะมันคือเมล็ดทรายแต่สีที่เคลือบจะค่อยๆจางลงไปตามอายุ ถ้าสีจางก็ใช้วิธีชั่งน้ำหนักใด้ครับ อย่าง silica gel ถุง 200 กรัมเมื่อดูดน้ำเต็มจะหนัก 280 กรัมเป็นต้น

วิธีการไล่ความชื้นนั้นผมใช้การอบในเตาที่ 120 องศา C เป็นเวลาสามชั่วโมงแต่จะใช้วิธีอื่นก็ใด้ครับ

ถ้าต้องทิ้งกีตาร์ใว้เป็นเดือนผมแนะนำให้ใส่ silica gel แล้วใช้ถุงขยะขนาดใหญ่ใส่กล่องกีตาร์เพื่อไม่ให้ความชื้นในอากาศด้านนอกถ่ายเทเข้าไปใด้ครับ

ถ้าคุณมีกีตาร์เป็นร้อยตัวก็ควรใช้การเปิดแอร์หรือใช้เครื่องไล่ความชื้นในห้องเก็บกีตาร์ครับเพราะคุณคงไม่มีเวลามาเปลี่ยนถุง silica gel หรอก
สรุปว่าซิลิก้าเจลซองเล็กๆ (จากซองขนม,ซองที่แถมมากับพวกกล้อง,ซองที่อยู่ในลังกระดาษถ่ายเอกสาร)
มันไม่ได้มีประโยชน์เลยใช่มั้ยครับ เพราะทุกวันก็เอามาใส่กีตาร์อยู่ (มีผลทางใจ)
มันต้องใช้ในปริมาณเยอะและต้องเปลี่ยนหรือไล่ความชื้นบ่อยๆ ใช่มั้ยครับ

ผมเข้าใจผิดมานานนม......ขอบคุณน้ากฤษณ์ครับ
ขอโทษมากๆเลยครับ มาตั้งกระทู้ทิ้งไว้แต่หายไปเลย พอดีช่วงนี้ผมยุ่งครับ T T
(18-07-2013, 02:27)Katayoot Wrote: [ -> ]1. คำถามน้ากว้างมาก
2. อยากทราบว่าน้าใช้ตัวไหนอยู่ แล้ว งบประมาณการค้นหา เท่าไหร่ครับ
3. น้า pood เค้าไม่ได้หลงรัก Taylor นะครับ เท่าที่ผมทราบ อิอิ :p
ตอนนี้ที่ใช้อยู่คือ LAG ครับรุ่น T200JCE

เรื่องงบ ผมอยากยันไว้ที่ ครึ่งแสนครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกีตาร์ด้วยครับ ^^
(18-07-2013, 10:38)pood Wrote: [ -> ]ผมหลงรัก Taylor มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ สมัยเด็กนั้นชอบเพราะความสวย สมัยนี้ชอบเพราะความน่ารัก
ผมก็ชอบ Taylor นะครับถ้างั้น 555555
(18-07-2013, 14:35)pood Wrote: [ -> ]ความจริงแล้วน้ากะทะทราบดีว่าสมัยก่อนผมเคยขายกีตาร์ Taylor ทิ้งจนหมดบ้านเพราะไม่พอใจกับระบบ ES ของมัน ตอนนี้เริ่มกลับมาซื้อใหม่ (เฉพาะรุ่นที่ไม่มี ES) แต่ก็ยังไม่ใช่กีตาร์ยี่ห้อที่ผมหลงรักครับ

กีตาร์ยี่ห้อที่ผมมี 20 ตัวขึ้นไปก็คือ Fender, Gibson และ K. Yairi ครับ

ที่มีสิบตัวขึ้นไปก็มี Gretsch, Guild, Martin, Taylor และ Yamaha ครับ

ยี่ห้อที่เป็น "เพชรในตม" นั้นที่มาอันดับหนึ่งคือ K. Yairi ครับ ส่วนเรื่องการเก็บรักษานั้นก็ไม่มีอะไรมาก แค่จำใว้ว่าที่ไหนที่คุณอยู่ใด้สบายๆกีตาร์มันก็อยู่ใด้ ถ้ามีมากเกินไปก็ขายๆซะบ้าง

ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่ามากแค่ไหนถึงจะเรียกว่า "มากเกืนไป" ลองดูกีตาร์ที่คอนโดและที่บ้านผมตอนนี้ก็แล้วกันครับว่ามันมากเกินไปหรือยัง

ห้องนอนที่คอนโด

http://image.ohozaa.com/view2/wXVitcocEO7UdxhB
http://image.ohozaa.com/view2/wXViwoclcXB53I81

ห้องนั่งเล่นคอนโด

http://image.ohozaa.com/view2/wXViN3coxn5igbHe


ที่บ้าน

http://image.ohozaa.com/view2/wXVj2ihIJjSKDyZb
http://image.ohozaa.com/view2/wXVj5Q4xz4DN30P2
(18-07-2013, 21:39)pood Wrote: [ -> ]ถ้าจะเริ่มซื้อกีตาร์มาเก็บหลายๆตัวอย่างผมก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลมันด้วยนะครับ อย่างกีตาร์ของผมนี่ผมเปลี่ยนสายปีละครั้งซึ่งก็หมายความว่าผมต้องเปลี่ยนสายสามตัวทุกอาทิตย์และต้องใช้สายเคลือบเท่านั้น

http://image.ohozaa.com/view2/wXXDNq4pZuAfdkxU

ปีๆหนึ่งผมหมดเงินไปกับสายกีตาร์ไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นบาทครับ
ขอบคุณมากครับน้า เห็น stock น้าแล้วผมก็อึ้งไปเลยมีเยอะกว่าที่ผมมโนไว้อีก

เรื่องสายผมใช้สายเคลือบเหมือนกันครับ เพราะไม่อยากเปลี่ยนบ่อย

ได้ฟังน้าพูดแล้วเห็นภาพชัดขึ้นเยอะครับ ขอบคุณมาก Cool

ปล.คลังแสงของน้านี่อยาก ระบายของออกมามั่งไหมครับจะเข้าไปจองเป็นคนแรกๆเลยครับ Cool
(18-07-2013, 22:01)povation Wrote: [ -> ]สำหรับการเก็บรักษากีตาร์ของผม เหมือนกับของพี่ pood ตรงที่
สภาพอากาศที่เราอยู่ได้สบายๆ กีตาร์เค้าก็อยู่ได้เช่นกัน หากเปิดแอร์ ผมจะเปิดระหว่าง 25-27 องศาเซลเซียส
ฝนตกหนักๆ ผมจะไม่นำออกมาจากกล่องกีตาร์ หากรู้สึกชื้น จะหาพัดลมมาเป่าระบายอากาศ
ส่วนใหญ่ผมจะเก็บกีตาร์ไว้ในกล่อง หากกีตาร์ตัวใดไม่ค่อยได้หยิบมาเล่น ผมจะลดความตึงของสายลงให้ต่ำกว่ามาตราฐานครึ่งเสียง
ขอให้มีกีตาร์สะสมไปเรื่อยๆตามกำลังทรัพย์และความตั้งใจนะครับ แต่ที่สำคัญ อย่าวางกีตาร์แบบประมาทในทุกกรณี
ด้วยความปรารถนาดี
ขอบคุณมากครับน้าป้อ

เรื่องความชื้นขอติดตามด้วยคนครับ อยากรู้มากเหมือนกันเรื่องนี้ Tongue

ขอบคุณน้าๆทุกคนที่อุส่าเข้ามาตอบครับผม Big Grin
Pages: 1 2 3 4