NimitGuitar webboard

Full Version: POPULAR MUSIC
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4
อาจารย์ เขตต์อรัญ เลิศพิพัฒน์ เป็นครูสอนกีต้าร์ผมคนแรกเลย
สมัยตั้งแต่ยังสอนอยู่ที่สยามกลการ ซอย ศรีจันทร์ ยังระลึก
ถึงอาจารย์ท่านนี้อยู่มิเคยลืม
เรื่อยๆครับ ผมยังรออ่านด้วยความตื่นเต้น กระหายใคร่รู้จ้า Smile

ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ Smile
อยากย้อนยุคกลับไปนิดนึงครับ
อยากให้วัฒนธรรมการฟังเพลงในบ้านเรา เน้นที่การ ชมการแสดงสด มากกว่า ฟังMP3
อยากให้รายได้หลักๆของศิลปินเพลงในบ้านเรา มาจากการแสดงสด มากกว่า ส่วนแบ่งยอดจำหน่ายอัลบั้ม
อยากให้รายได้หลักๆของค่ายเพลงในบ้านเรา มาจากการสนับสนุนศิลปินคุณภาพ มากกว่า ไล่เก็บจากค่าลิขสิทธิ์
เพลงป๊อบ คงจะมี สาระ มากขึ้น เนาะ???
น้า sarun ครับ ผมก็เลยปฏิบัติตัวโดยการซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ครับ
เพราะผมชอบปกซีดีของจริงมากกว่า... ดูมีราศีมากกว่าถ้าอยากเก็บไว้ครับ
ว่ากันเรื่องแนว

เมื่อก่อน Calssic ก็เป็น Pop
ต่อมา คนขาว มาเจอคนดำ ที่ นิวส์ออลีนส์ Jazz เลยกลายเป็น Pop คน Classic ก็ว่า Jazz ขยะ
มีอยู่ช่วงนึง ฟั๊งค์ โซล ดิสโก้ ก็ Pop
บางช่วง Rock Metal ก็ Pop คน Jazz ยังเคยว่า Rock ขยะ
หลังๆมา Alternative ก็ Pop คน Rock ก็เคยว่า Alternative ขยะ
ผมว่า ฮิพพ็อพ ก็เคย Pop น๊ะ
Country อีกหละ เคย Pop เหมือนกัน
หลังๆ Jazz เริ่มกลับมา Pop อีกครัง แต่ไปรวมกับแนวอื่นๆ เช่น ฮิพพอพ
บ้านเรา ลูกทุ่ง ลูกกรุง เพื่อชีวิต ผมว่าเคย Pop มาทั้งนั้น
ยุคใครยุคมันครับ

บ้านเค้าฐานคนฟัง แบบแฟนประจำค่อนข้างแน่น แนวไหนก็อยู่ได้ มีผลงาน Concert สม่ำเสมอ ถ้าเก่งจริง
บ้านเรากลไกหลายอย่างทำให้สื่อมันถูกครอบงำโดยคนที่กลุ่มเล็ก ๆ ของไม่ดีนี่ กินทุกวันมันก็อร่อยไปเองครับ
และ U R What U eat. ครับ กินแต่อาหารขยะ ร่างกายจะแข็งแรงได้อย่างไร
Maow Wrote:น้า sarun ครับ ผมก็เลยปฏิบัติตัวโดยการซื้อแผ่นลิขสิทธิ์ครับ
เพราะผมชอบปกซีดีของจริงมากกว่า... ดูมีราศีมากกว่าถ้าอยากเก็บไว้ครับ
จริงครับ
Teera Wrote:ว่ากันเรื่องแนว

เมื่อก่อน Calssic ก็เป็น Pop
ต่อมา คนขาว มาเจอคนดำ ที่ นิวส์ออลีนส์ Jazz เลยกลายเป็น Pop คน Classic ก็ว่า Jazz ขยะ

นักคิด/นักวิจารณ์ ที่ชื่อ Theodor Adorno เขียนบทความชื่อ ?อดอร์โนกับอุตสาหกรรมวัฒนธรรม : กรณีศึกษาเพลงสมัยนิยม (Popular Music)?
Adorno พูดถึงดนตรีโดยแบ่งออกเป็นสองประเภทอย่างชัดเจนคือ
Serious ซึ่งมีนัยหมายถึงดนตรี Classic ทั้งหลาย
Popular music ซึ่งหมายถึงดนตรีสมัยนิยม/มวลชนนิยม ซึ่งหมายรวมตั้งแต่ Jazz , Blue , Folk , Pop , Rock , Progressive

โดย Adorno ได้วิพากษ์วิจารณ์ดนตรี Popular music ว่าเป็นดนตรีที่มีลักษณะเฉพาะของการผลิตซ้ำ และมีจุดมุ่งหมายแบบอุตสาหกรรมวัฒนธรรม คือเป็นการผลิตเพื่อมุ่งการซื้อขาย การฟังดนตรีพวกนี้จึงไม่ต่างอะไรกับการบริโภคสินค้าเพื่อความพึงพอใจชั่วครู่ชั่วยาม นอกจากนี้อาจยังจะสร้างสิ่งที่เรียกว่า False need คือ ?ความต้องการเทียม? ขึ้นมาอีก False Need นี้หมายถึงความต้องการในสิ่งที่ไม่ได้จำเป็นต่อเราจริง ๆ ตัวอย่างง่าย ๆ คือเวลาที่เรารู้ว่าใครได้ฟังเพลง ๆ นึง พูดถึงเพลง ๆ นึงในกลุ่มเพื่อนแล้วเราไม่รู้จัก เราไม่เข้าใจ เราไม่เคยฟัง เราก็จะเกิด False need ว่าเราต้องไปหาฟังมันให้ได้ ไม่งั้นจะเชย หรือคุยกับใครไม่รู้เรื่อง อย่างนี้เป็นต้น

เขาได้เขียน บทความชื่อ ?On the Fetish Character of Music and the Regression of Listening? และในเนื้อหาตอนนึงของบทความ ??ภาพลวงของการที่คนในสังคมส่วนมากชื่นชอบดนตรีสมัยนิยมเบา ๆ ง่าย ๆ ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธดนตรีซีเรียส เนื่องมาจากความเฉื่อยชาของมวลชน ที่ทำให้การเสพย์ดนตรีสมัยนิยม ย้อนแย้งกับความสนใจเชิงวัตถุวิสัยของผู้เสพย์เอง?

?ความเฉื่อยชาของมวลชน? (Passivity of the Mass) ในความหมายคล้าย ๆ กันตรงนี้ Adorno ก็ถึงขั้นบอกว่าอุตสาหกรรมเพลงมันช่วยสร้างปัจเจกเทียม (Pseudo-individual) ขึ้นมาเลยทีเดียว หมายความว่า การที่ผู้คนแห่แหนชื่นชมเพลงบางเพลงหรือศิลปินบางกลุ่ม เป็นเพราะพวกเขาเฉื่อยชาและยอมจำนนอย่างนั้น


บทความเรื่อง ?On the Fetish Character of Music and the Regression of Listening? ของ Adorno เขียนเมื่อปี 1938 ซึ่งในยุคสมัยนั้นเข้าใจว่าดนตรี Jazz กำลังครองเมือง และ Adorno เองก็มีอคติกับ Jazz เป็นการส่วนตัว เพราะว่าเขาเติบโตมากับดนตรีคลาสสิค

? มีส่วนจริงครับ แต่ไม่ทั้งหมด บางคนอาจจะชื่นชมในดนตรีวงนี้ เพลงนี้ ตาม ๆ กันไปเพียงเพื่อต้องการทำตัวกลมกลืนไปกับสังคม แต่ขณะเดียวกันผมก็เชื่อว่ามันเป็นรสนิยมส่วนตัว เป็นการเลือกเสพย์ของเขาเองก็มี

ดนตรี Popular music มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าแต่เดิมมาก แต่พื้นที่ของคนที่ชอบอะไรแตกต่างออกไปก็มีหลากหลายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการผุดขึ้นมาของวัฒนธรรมย่อยอย่าง พังค์ , เมทัล , อีโม , อินดี้ หรืออะไร ๆ ซึ่งยังไม่ค่อยสนใจในรายละเอียดหรอกว่าดีเลว อย่างไร แต่การมีอยู่ของความหลากหลายตรงนี้สิ น่าสนใจ มันทำให้มีทางเลือก

Adorno เสียชีวิตไปในปี 1969 ช่วงที่ Popular music ในยุคนั้นอย่างดนตรี Rock กำลังบูม และวัฒนธรรมฮิปปี้เบ่งบานได้ที่เลยทีเดียว

Adorno อาจจะวิจารณ์ก็ได้ว่า ดนตรี Rock แม้ดนตรีจะมีลักษณะท้าทาย มันส์ในอารมณ์ ดุดัน เค้นจากเบื้องลึกแห่งจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เสพย์เกิดสำนึกในการที่จะเป็นอิสระ , มีความคิดสร้างสรรค์ และมีความสุขอันจริงแท้ รวมถึงไม่ได้ช่วยในการปลดปล่อยสังคม
แล้วถ้า Adorno ยังมีชีวิตยืนยาว มาถึง ปัจจุบัน ยังนึกไม่ออกเลยว่า จะวิจารณ์ Popular music ในยุค 2000 อย่าง Hip Hop ว่าอย่างไร

สิ่งที่ พบในงานวิพากษ์วิจารณ์ดนตรี Popular music ของ Adorno นั้น พบว่ามันเป็นงานที่ เหมารวม คิดแทนคนอื่น และขาดมิติ แต่ไม่ได้บอกว่า ผิด นะครับ แต่จะบอกว่า
1 เหรียญสลึง
คนทั่วไปบอกว่ามี 2 ด้าน เจ้าเล่ห์หน่อย ก็รวม ด้านขอบ ด้วย
นักคณิตศาสตร์บอกว่ามีมุม 360 องศา
นักวิทยาศาสตร์ บอกว่ามีแร่ธาตุ3 ชนิด (ส่วนผสมจาก ทองแดง 92% อลูมิเนียม 6% และนิเกิล 2%)

นานาจิตตัง ครับ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เป็นจริงทั้งน้าน
น้าซารัน.. อุอุ..
ข้อมูลแน่นจัง..
อีกหน่อยถ้าขยับขยายไลน์หนังสือ..
จะจีบตัวน้ามาเป็นคอลัมนิสต์ให้หน่อยเด้อ.. อุอุ..
น่าจับตัวมาเขียนเรื่องราวน่ารู้ปะไว้หน้า homepage จังเลย
pood Wrote:น่าจับตัวมาเขียนเรื่องราวน่ารู้ปะไว้หน้า homepage จังเลย

เห็นชอบครับท่านประธาน..
ผมโหวตหนึ่งเสียงครับ.. อุอุ..
Pages: 1 2 3 4