NimitGuitar webboard

Full Version: คิดอย่างไรกับการซื้อขายกีตาร์ที่เอากำไรเยอะๆครับ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4 5 6 7
คิดอย่างไรกับการซื้อขายกีตาร์ที่เอากำไรเยอะๆครับ
...ธุรกิจ vs มิตรภาพ...
อยู่ที่เจตนาของการซื้อขายนะครับ เรื่องถูกแพงก็อยูที่ความพอใจ

บางคนเค้าค้าขายเป็นอาชีพ ก็ควรเข้าใจเค้า มีระยะห่างที่เค้าไม่อึดอัด

อย่าไปเลียประจบเพื่อขอต่อหักคอแบบให้เค้าพูดไม่ออก และถ้าของเค้าแพงไปก็อย่าไปซื้อ

ถ้าในส่วนของมิตรภาพ สำหรับผมนะ อยากได้ก็ขอซื้อกันเลย เงินไม่พอก็ยืมในวงนั่นแหล่ะ

ขอผ่อน ขอ turn กันยังไงก็ว่าไป หลายท่านเจอผมหักคอมาแล้วในบอร์ดนี้ Big Grin


แต่ผมให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ จริงใจในการซื้อขายมากกว่าครับ

ของสภาพไหน มี error ตรงไหนบ้าง จุดเด่น ข้อมูล ประวัติ ต้องถูกต้องไม่ใส่ไข่

หลังจากปิดการขายแล้ว เรื่องขอคืน เรื่องริ้วรอยที่มาเจอตอนหลัง อันนี้ผมไม่เห็นด้วยครับ

นอกจากคุยเงื่อนไขกันไว้
เห็นด้วยกับพี่หนุ่มKatayoot ทุกประการครับ ผมว่าถ้าเขาขายเป็นธุรกิจ ก็ต้องเขาใจเขาครับBig GrinBig GrinBig Grin
ขายของแพง ขายของถูกเป็นสิทธิ์ของคนขาย ตามหลักการค้าแบบธุรกิจ ตราบใดที่ไม่บิดเบือนข้อมูลของสินค้าที่จะขาย
แต่คนขายแพง ชื่อเสียงที่สะสมย่อมเสื่อมลงแน่ๆ
ถ้าเห็นว่าใครขายแพง แนะนำให้กระซิบบอกเพื่อนๆ และบอกต่อๆกันไป คนขายรายนั้นก็อยู่ไม่ได้เองแหละครับ
แต่เห็นมีหลายครั้งที่คนขาย ขายแพงด้วย และยังบิดเบือนข้อมูลของกีต้าร์ที่ลงขายด้วย อย่างนี้เข้าข่ายฉ้อฉล
อันนี้นอกจากเสียมิตรภาพต่อคนบอร์ดแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย

สำหรับผมเองในฐานะเป็นร้านค้า และเพื่อชื่อเสียงในระยะยาวแล้ว
ผมเลือกขายของที่ดีมีคุณภาพ และขายถูกที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ใครซื้อของร้านผมคงทราบดี ว่าผมขายของใหม่บางตัว ในราคาถูกกว่ามือสองที่ขายกันในบอร์ดเสียอีก( โปรโมทนิดนึง)
คนขายอยากได้ธุรกิจ คนซื้ออยากได้มิตรภาพ มันก็ต้องจูนเข้าหากันไม่อย่างงั้นก็ไม่มีการซื้อขาย
คนขายก็มีความเสี่ยงนะครับ ถ้าซื้อมาแล้วขายไม่ได้ เงินทุนก็จม ขายแพงคนก็ไม่ซื้อ
ผมไม่สนใจหรอกครับว่าคนขายจะได้กำไรเท่าไหร่ ถ้าของมีคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล ผมก็ซื้อครับ
ข้าน้อยว่าธุรกิจกับมิตรภาพมันเป็นคนละเรื่องเดียวกันนะ

การซื้อของในราคาที่เราพอใจนั้นก่อนอื่นเราจะต้องศึกษาสินค้าพร้อมกับราคาที่เรารับได้ก่อน ตัวผมเองนั้นเคยซื้อกีต้าร์กับพี่น้องในเวปนี้ผมก็ไม่เคยต่อราคาแต่เขาก็ลดราคาให้ผมนิดหน่อยเท่าที่เขาลดให้เราได้และอยู่ในราคาที่เราตั้งโจทย์ไว้

อย่างที่น้า Cin กล่าวผมเห็นด้วย เพราะถ้าคนที่ทำธุรกิจในมุมมองของข้าน้อยมันก็มีต้นทุนที่ต้องลงทุนรวมทั้งค่าดอกเบี้ย, ค่าการตลาดต่าง ๆ อีก อย่ามองแต่มิตรภาพอย่างเดียว
เอาเป็นว่าถ้าราคาแพงเกินความเป็นจริงก็อย่าไปซื้อ แต่ถ้าเจ้าของกีต้าร์จะลดราคาให้เพราะด้วยมิตรภาพที่มีต่อกันก็เป็นความโชคดีไป (ข้าน้อยเลยมองว่ามันคนละเรื่องกับธุรกิจครับ)

ปล. เท่าที่ข้าน้อยได้รู้จักกับพี่น้องในเวปนี้ส่วนมากซื้อขายกันในราคาที่พอใจกันทั้ง 2 ฝ่ายทั้งนั้นขอรับ
Believe it or not! ความคิดเห็นส่วนตัวของผม คือว่า….

ขายที่เอากำไรเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะได้ทั้งธุรกิจและมิตรภาพตามมาด้วย เช่น คนขายหาสินค้าเก่ง เป็นสินค้าที่หายากและมีคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด

ขายที่เอากำไรเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะได้แค่ธุรกิจแต่มิตรภาพอาจจะเสียไป เช่น คนขายจะมีรายได้ดีขึ้น แต่ลูกค้าเก่าเริ่มตีจาก ต้องคอยหาลูกค้าหน้าใหม่มาทดแทน

ขายที่ยอมขาดทุนเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะไม่ได้ธุรกิจแต่มิตรภาพดีขึ้น เช่น คนขายขาดสภาพคล่องทางการเงิน และยอมขายขาดทุนมากมายเพื่อหวังผูกมิตรภาพ เพื่อจะได้ลูกค้าประจำ

ขายที่ยอมขาดทุนเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะไม่ได้ธุรกิจและมิตรภาพอาจจะเสียไป เช่น คนขายจำเป็นต้องขายสินค้าไปเพราะ เก็บไว้นานมีแต่เสียหายยิ่งขึ้น หรืออาจจะซื้อมาโดยถูกหลอกลวงในคุณภาพของสินค้านั้น จึงต้องขายต่อไปในราคาขาดทุน แต่ได้ปกปิดความจริงแก่ผู้ซื้อ ในคุณภาพและความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้น ซึ่งหากผู้ขายบอกความจริง ผู้ซื้อก็จะไม่ซื้อในราคานั้นอย่างเด็ดขาด แม้ราคานั้นจะเป็นราคาที่ผู้ขายได้ขายขาดทุนแล้วก็ตาม

ธุรกิจจะเดินไปได้ดีต้องมีกำไร จะกำไรมากหรือน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สภาวะตลาดและความต้องการของผู้ซื้อ แต่ที่สำคัญที่สุด ความจริงใจในการขาย การพรรณนาคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้าที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง สามารถพิสูจน์ได้ จะเป็นเสน่ห์ที่ผู้ขายย่อมได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อ ทำให้มิตรภาพทั้งส่วนตัวและทางการค้าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
มุมมองของผม คือ หากค้าขายเชิงธุรกิจ ที่เอากำไรมากๆ
บรรยากาศแห่ง มิตรภาพ และความอบอุ่น ของ "บ้าน"ฟ้า อาจเจือจางลงไปครับ
...ธุรกิจ(กำไร) vs มิตรภาพ...

ผมว่า ยังเป็นคุ่ดวล ที่ยังไม่ถูกคู่ !!!

เคยได้ยินมานานแล้วกับคำว่า "เพื่อน กับธุรกิจ มันไปด้วยกันไม่ได้หรอก ทะเลาะกันตายห่า"
ผมก็เห็นด้วย ถ้าหากคบเพื่อนเพื่อหวังผลในการ "เอื้อประโยชน์กันทางธุรกิจ" ในภายหน้า
เรื่องใหญ่ๆระดับบ้านเมือง ก็เช่น วิธีการ"ฮั๊ว! ...................."
ถ้าเรื่องเล็กๆน้อยระดับรากหญ้า "เฮ๊ย!.....เพื่อนกัน ต้องลดให้อีกหน่อยสิว๊า !"

จะระดับไหนๆ ก็ถือเป็นการ"เบียดเบียน"กันแล้ว

ถ้าจะเอาอาปะทะกัน ต้องเป็น

...หมกเม็ด vs มิตรภาพ...
น่าจะเป็นมวยที่ถูกคู่และเหมาะแก่การ "ถก" มากกว่า

สำหรับเวบนี้ ผมเห็นว่า ระดับ "หมกเม็ด"ยังต่ำมากเกินกว่าจะทำลายเครือข่าย"มิตรภาพ" ในโลกเสมือนจริง ได้ !!!!
(25-03-2013, 04:59)povation Wrote: [ -> ]Believe it or not! ความคิดเห็นส่วนตัวของผม คือว่า….

ขายที่เอากำไรเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะได้ทั้งธุรกิจและมิตรภาพตามมาด้วย เช่น คนขายหาสินค้าเก่ง เป็นสินค้าที่หายากและมีคุณภาพดี เป็นที่ต้องการของตลาด

ขายที่เอากำไรเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะได้แค่ธุรกิจแต่มิตรภาพอาจจะเสียไป เช่น คนขายจะมีรายได้ดีขึ้น แต่ลูกค้าเก่าเริ่มตีจาก ต้องคอยหาลูกค้าหน้าใหม่มาทดแทน

ขายที่ยอมขาดทุนเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะไม่ได้ธุรกิจแต่มิตรภาพดีขึ้น เช่น คนขายขาดสภาพคล่องทางการเงิน และยอมขายขาดทุนมากมายเพื่อหวังผูกมิตรภาพ เพื่อจะได้ลูกค้าประจำ

ขายที่ยอมขาดทุนเยอะๆ ไม่แปลก อาจจะไม่ได้ธุรกิจและมิตรภาพอาจจะเสียไป เช่น คนขายจำเป็นต้องขายสินค้าไปเพราะ เก็บไว้นานมีแต่เสียหายยิ่งขึ้น หรืออาจจะซื้อมาโดยถูกหลอกลวงในคุณภาพของสินค้านั้น จึงต้องขายต่อไปในราคาขาดทุน แต่ได้ปกปิดความจริงแก่ผู้ซื้อ ในคุณภาพและความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้น ซึ่งหากผู้ขายบอกความจริง ผู้ซื้อก็จะไม่ซื้อในราคานั้นอย่างเด็ดขาด แม้ราคานั้นจะเป็นราคาที่ผู้ขายได้ขายขาดทุนแล้วก็ตาม

ธุรกิจจะเดินไปได้ดีต้องมีกำไร จะกำไรมากหรือน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สภาวะตลาดและความต้องการของผู้ซื้อ แต่ที่สำคัญที่สุด ความจริงใจในการขาย การพรรณนาคุณสมบัติและคุณภาพของสินค้าที่ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง สามารถพิสูจน์ได้ จะเป็นเสน่ห์ที่ผู้ขายย่อมได้รับความไว้วางใจจากผู้ซื้อ ทำให้มิตรภาพทั้งส่วนตัวและทางการค้าแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

อ่านแล้ว...เห็นด้วยกับพี่ป๋อ 100% ครับ เอาไป 10 กะโหลก 555...Big Grin

ผมไม่แน่ใจว่า การที่น้า indianday1994 ตั้งกระทู้แบบนี้ต้องการจะสื่ออะไร หรือว่าน้าไปรู้ต้นทุนขายของผู้ค้าบางรายเข้า เลยรู้สึกอึดอัดใจต้องมาระบาย..

ผมคงไม่ต้องบรรยายซ้ำว่า ธุรกิจ vs มิตรภาพ มันเป็นอย่างไร เพราะที่อ่านจากความเห็นจากทุกๆ ท่านแล้วเห็นว่า มันถูกทุกข้อ..!! และสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทุกท่านมักจะเน้นย้ำ นั่นก็คือ ข้อมูลที่ถูกต้องของสินค้า ที่ไม่มีการปกปิดความจริงแก่ผู้ซื้อในเรื่องคุณภาพและความชำรุดบกพร่องของสินค้านั้น ซึ่งทำให้ผู้ซื้อเข้าใจผิดในคุณสมบัติของสินค้านั้นๆ พูดง่ายๆ ก็คือ "หลอกขายของ" นั่นเอง

ส่วนเรื่องราคา หรือ กำไรของผู้ขายนั้น ปล่อยให้กลไกตลาดทำหน้าที่ของมันเถอะครับ อย่างที่ทราบกันว่า การทำธุรกิจต้องมีกำไร จะน้อยหรือมาก เราในฐานะผู้ซื้อไม่ต้องไปสนใจมันหรอกครับ ตราบใดที่สินค้านั้นมีคุณภาพและราคาที่เราพอใจ หากผู้ขายรายใดตั้งราคาเกินจริง ก็จะขายไม่ออกไปเองโดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย

อีกประเด็นที่อยากจะพูดก็คือ การซื้อขายของหายากหรือของสะสมบางอย่าง บางทีเราไม่สามารถจะกำหนดได้นะครับว่าควรจะซื้อขายกันในราคาเท่าไหร่ หรือเป็นราคาที่ผมเรียกว่า "ราคาพระสมเด็จฯ" ซึ่งถ้าคนที่อยู่ในวงการพระจะรู้ดีว่า พระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ใหญ่ (พิมพ์นิยม) นั้น มีราคาซื้อขายกันตั้งแต่ 5 ล้านบาทถึงบางทีก็เกือบจะ 100 ล้านเลยก็มี ในเมื่อของสิ่งนั้นหายากและเป็นที่นิยม มันก็มักจะเป็นโอกาสทางธุรกิจของผู้ขายที่สามารถจะเปิดราคาสูงได้ ส่วนจะปิดการซื้อขายกันที่เท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองและความพอใจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายครับ

ไม่คิดมากก็ไม่เครียด ไม่คาดหวังก็ไม่ผิดหวังครับ Big Grin
Pages: 1 2 3 4 5 6 7