เรื่องของความชื้นในอากาศกับการยือหดตัวของไม้นี่เราสามารถคำนวนใด้ครับ
เมื่อไม้ดูดซับความชื้นมันจะขยายตัวในสองทิศทางคือ radial (ตามแนวขวางของคอ) และ tangential (ตามแนวยาวของคอ) ซึ่งความยาวที่เพิ่มขึ้นสามารถคำนวณใด้ตามสูตรข้างล่าง
ไม้แต่ละชนิดนั้นจะยืดหดตัวไม่เท่ากัน ดังนั้นเราจึงต้องรู้ dimensional change coefficient ด้วยครับ
http://books.google.co.th/books?id=M5vCl...nt&f=false
แต่ไม้คอในกีตาร์สายเหล็กนั้นมันมี truss rod ค้ำอยู่เลยยืดไม่ใด้แต่เมื่อพยายามยืดก็ทำให้ truss rod แอ่นกลับและทำให้คอตรงขึ้นหรือแอ่นกลับ ถ้าเป็นกีตาร์ไฟฟ้าอาจทำให้ให้ buzz ใด้เพราะสายต่ำลงแต่ถ้าเป็นกีตาร์โปร่งมักไม่มีผลเพราะความชื้นที่มากขึ้นก็ทำให้ท้องป่องขึ้นและ bridge สูงขึ้นเหมือนกัน
ส่วนสายนั้นเมื่อคอตรงขึ้นก็ต้องตึงขึ้นและทำให้เสียงสูงขึ้นตามความยาวที่เพิ่มขึ้นยกกำลังสองครับ
สรุปใด้ว่ากีตาร์ที่ไม่ใด้เล่นไม่ควรเอามาแขวนโชว์ครับ การเก็บไว้ในกล่องจะทำให้ความชื้นไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนเป็นอันตรายต่อสุ๘ภาพของกีตาร์ (ยกเว้นสถานที่ที่มีเครื่องควบคุมความชื้นนะครับ)
eureka ขอบคุณครับ
สรุปว่า
1. อากาศชื้นไม้ขยายตัวทำให้คอแอ่น (สายจะตึงขึ้น) และท้องป่อง (สายจะหย่อนลง) แต่ net effect ทำให้เสียงสูงขึ้น
2. อากาศแห้งตรงกันข้าม
คิดต่อ: และกีต้าร์ที่ไม่มี truss rod เช่นกีต้าร์คลาสสิคหรือ ukulele ล่ะ?
ไม้ชื้นจะขยายตัวทำให้คอยาวขึ้นแต่ไม่มี truss rod มากั๊กไว้ ผลลัพท์ก็น่าจะเสียงสูงขึ้นเช่นกันและ action ก็น่าจะสูงขึ้นด้วยเพราะท้องป่อง แต่ไม้ neck กับไม้ fretboard เป็นคนละ species กันการขยายตัวย่อมไม่เท่ากัน ดังนั้นจะคอแอ่นหรือโก่งคงขึ้นกับว่าเอาอะไรมาประกบกับอะไร
ดูจากตาราง shrinkage แล้วไม้สักของเรานี่ดีจังนะครับมีการขยายตัว-หดตัวเพราะความชื้นน้อยเกือบจะที่สุดเลย น่าเสียดายที่มันไม่ใช่ tonewood
(27-01-2013, 08:05)pood Wrote: [ -> ] (27-01-2013, 05:45)Katayoot Wrote: [ -> ]ความชื้นต่ำลงทำให้คอกีต้าร์คายความชื้น มวลของไม้คอลดลง
เหล็กขันคอทำงานได้ดีขึ้น คอแอ่นมากขึ้น
ทำให้ระยะของ nut กับ saddle ห่างจากกันเพิ่มขึ้น
ทำให้แรงตึงสายเพิ่มมากขึ้น เสียงจึงสูงขึ้นครับ
ถ้ามวลของไม้ลดลงและคอแอ่นมากขึ้นทำไมระยะระหว่าง nut กับ saddle ถึงห่างจากกันเพื่มขึ้นล่ะครับ
ลองเอาไม้บรรทัดพลาสติกผูกด้ายไว้ที่ปลาย 2 ข้างให้ตึงพอดี
แล้วลองแอ่นดู
คล้ายๆ กันอ่ะครับ
(28-01-2013, 18:09)Katayoot Wrote: [ -> ] (27-01-2013, 08:05)pood Wrote: [ -> ] (27-01-2013, 05:45)Katayoot Wrote: [ -> ]ความชื้นต่ำลงทำให้คอกีต้าร์คายความชื้น มวลของไม้คอลดลง
เหล็กขันคอทำงานได้ดีขึ้น คอแอ่นมากขึ้น
ทำให้ระยะของ nut กับ saddle ห่างจากกันเพิ่มขึ้น
ทำให้แรงตึงสายเพิ่มมากขึ้น เสียงจึงสูงขึ้นครับ
ถ้ามวลของไม้ลดลงและคอแอ่นมากขึ้นทำไมระยะระหว่าง nut กับ saddle ถึงห่างจากกันเพื่มขึ้นล่ะครับ
ลองเอาไม้บรรทัดพลาสติกผูกด้ายไว้ที่ปลาย 2 ข้างให้ตึงพอดี
แล้วลองแอ่นดู
คล้ายๆ กันอ่ะครับ
คิดว่าประเด็นน่าจะอยู่ตรงความชื้นมากไม้ขยายตัวทำให้คอแอ่น ส่วนเมื่อความชื้นน้อยแม้มวลของไม้จะลดลงแต่ไม้จะหดตัวทำให้คอโก่งครับ
ส่วนที่เหลือน่าจะถูกแล้ว (คอแอ่นทำให้สายตึงขึ้นทำให้เสียงสูงขึ้น)
เท่าผมเล่นอยู่ ร้านแรก เล่นด้านนอก อากาศชื้น สายจะหย่อนต้องตั้งขึ้น
เล่นร้านสอง ห้องแอร์ อากาศแห้งกว่า เสียงสูงขึ้น ต้องผ่อนลง
และหน้าหนาวต้องคลายคอเกือบ 2/3 รอบครับ
เข้าใจว่าไม้มันแห้งจะหดตัวและต้านแรงเหล็กขันคอได้มากขึ้นครับ
(30-01-2013, 03:31)Katayoot Wrote: [ -> ]เท่าผมเล่นอยู่ ร้านแรก เล่นด้านนอก อากาศชื้น สายจะหย่อนต้องตั้งขึ้น
เล่นร้านสอง ห้องแอร์ อากาศแห้งกว่า เสียงสูงขึ้น ต้องผ่อนลง
และหน้าหนาวต้องคลายคอเกือบ 2/3 รอบครับ
เข้าใจว่าไม้มันแห้งจะหดตัวและต้านแรงเหล็กขันคอได้มากขึ้นครับ
น่าจะอธิบายอย่างนี้ได้ครับ อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ
ผมเชื่อว่าที่น้า katayoot สังเกตุไว้คงจะถูกต้อง เอากีต้าร์ไปเล่นในที่ๆอากาศชื้นแล้วเสียงต่ำลงต้องตั้งสูงขี้น พอเอาไปเล่นในที่อากาศแห้งๆเสียงกลับสูงขึ้นต้องตั้งให้ต่ำลง น่าจะเป้นผลของท้องป่อง/ท้องยุบมากกว่าคอโก่ง/คอแอ่นครับ
อากาศฃื้นไม้ขยายตัวทำให้ท้องป่อง(เสียงต่ำลง) + คอแอ่น(เสียงสูงขึ้น)
ไม้ท็อปเป็นไม้แผ่นบางๆมีพื้นที่ผิวกว้างขวางแต่มวลของไม้น้อย ในขณะที่คอมีมวลมากแต่พื้นที่ผิวน้อย ดังนั้นไม้ท็อปจะดูด/คลายความชื้นได้รวดเร็วกว่าไม้คอ เพราะฉะนั้นเมื่อเอากีต้าร์ออกมาเล่นนอกห้องซึ่งมีความชื้นมากเป็นเวลาสั้นๆ ไม่ได้เอาไปวางตั้งไว้เป็นวันๆ ท้องกีต้าร์จะป่องก่อนที่คอจะแอ่นทำให้เสียงต่ำลงครับ