NimitGuitar webboard

Full Version: "รถคันแรก"
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4
โอ้ยยย การเมือง

แต่ก็จริงๆ อย่างที่ทุกท่านว่าครับ
(31-12-2012, 16:25)thepguitar Wrote: [ -> ]ไม่น่าเชื่อว่าตลาดคนซื้อกีตาร์ราคาสูง จะใช่คนกลุ่มเดียวกับคนซื้อรถมือ 2 คันแรก

Rolleyes ผมก็เชื่อแบบพี่เทพครับ Wink
นี่ก็เพิ่งเดินทางกลับจากเชียงใหม่ พบว่านโยบายรถคันแรกก็ไม่กระทบยอดขายของร้าน Cin Guitars
หรือแม้กระทั่ง Por's Guitars ด้วย แต่ Pood's Guitars ผมไม่แน่ใจ Cool

มีนโยบายของรัฐบาลนี้อีก 2 เรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยคือ บัตรเครดิตพลังงานและบัตรเครดิตเกษตรกร
เพราะรู้และเข้าใจลักษณะนิสัยอันโดดเด่นสืบทอดทางกรรมพันธุ์ของคนไทย
เรื่องหาช่องโหว่หรือหลีกเลี่ยงข้อบังคับและกฎหมายได้เก่งมาก
ซึ่งมนุษย์ทั่วโลกก็มีและทำกัน แต่คนไทยจะเก่งเป็นพิเศษ Big Grin

ส่วน นโยบายรถยนต์คันแรก ผมก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน

เงินที่คืนภาษีรถยนต์คันแรกรวมๆกันแล้วสามารถสร้างระบบขนส่งมวลชนได้อย่างน้อยก็ 2 สายมั๊ง (ไม่แน่ใจ)
แต่ปัญหาก็คือ..มันจะตัดสินใจสร้างเมื่อไหร่ ตอนนี้ยังนั่งรอส่วนต่อขยาย BTS สายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา
คำนวณแล้วผมจะได้ใช้ตอนเกษียณอายุงานพอดี..เฮงซวย Cool

กลับมาพูดถึงเรื่องรถติด.. อยากหลีกเลี่ยงปัญหารถติดง่ายนิดเดียว คือ ใช้รถเท่าที่จำเป็น หรือไม่มีธุระสำคัญก็ไม่ต้องออกนอกบ้าน
บางคนอาจบ่นว่า อยู่บ้านเบื่อ ออกไปข้างนอกดีกว่า พูดจบก็ขับรถออกไป..
คิดแต่ว่า..มีรถ กรูต้องใช้ กรูมีเงินเติมน้ำมันซะอย่าง ทั้งที่เดินทางด้วยรถแท็กซี่ รถตู้ รถไฟฟ้า BTS หรือ MRT สะดวกกว่าตั้งเยอะ

หากคุณอาศัยอยู่ในกรุงเทพ..มีคำถามว่า..
1. คุณขับรถมาแล้วกี่ปี
2. เคยคิดจะเลิกขับรถยนต์มั๊ย
3. ที่บ้านใช้รถกี่คัน (ภรรยา ลูกชาย ลูกสาว)


หากตอบว่า..
1. ขับรถมาแล้วมากกว่า 5 ปี
2. เลิกขับทำไม สบายกว่านั่งรถตู้ รถไไฟฟ้าตั้งเยอะ
3. กี่คันก็ไม่เห็นจะแปลก เพราะจำเป็นต้องใช้่ ที่สำคัญ..มีตังค์ Cool


ถ้าคำตอบออกมาแนวนี้ละก็จบเห่เลย เพราะนักขับหน้าใหม่เพิ่มขึ้นทุกวัน
พอลูกๆโตก็สอนให้ขับรถยนต์ จากนั้นก็ซื้อรถให้อีกคัน (โดยไม่ต้องรอนโยบายรถยนต์คันแรก)
ขณะที่นักขับหน้าเก่าไม่เคยเลิกขับรถ หากยังมีแรงจับพวงมาลัยอยู่
รถในกรุงเทพก็เลยเยอะแบบนี้ล่ะ

สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ..
ต้องหาทางลดนักขับหน้าใหม่ให้น้อยลง ส่วนนักขับมือเก่าก็ต้องลดการใช้งานลงบ้าง

วันนี้หากขับรถออกถนนใหญ่แล้วเราลองมานับกันว่า ไอ้ที่บอกว่ารถยนต์คันแรกทำให้รถติดนั้นจริงหรือเปล่า
โดยสังเกตจากยี่ห้อและรุ่นที่อยู่ในข่ายรถยนต์คันแรก แล้วป้ายทะเบียนที่ขึ้นต้นด้วย (ตอนนี้มีหมวดใหม่เพิ่มอีก)
ว่ามีอยู่รอบรถคุณกี่คันถ้าเทียบกันกับรถยนต์ที่ไม่ใช่นโยบายรถยนต์คันแรก Cool

(31-12-2012, 15:36)pood Wrote: [ -> ]ผมคิดว่าปีหน้ากีตาร์คงขายดีเพราะจะมีรถออกมาวิ่งอีกล้านกว่าคันแต่ไม่มีถนนเพิ่ม
เพราะไม่มีเงินจากการเก็บภาษีมาสร้างใหม่ คนไทยคงอยู่กับบ้านและมีเวลาเล่นกีตาร์มากขึ้นเพราะออกไปไหนก็รถติดครับ

ตอนผมเข้ามาอยู่กรุงเทพเมื่อ 20 ปีที่แล้ว รถก็ติดแล้วนะครับ ตอนนั้นยังไม่มีนโยบายรถยนต์คันแรกเลย Rolleyes
รถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นครับ ไม่ใช่สิ่งฟุ่มเฟือย ไม่มีใครขับรถเล่นกันให้เปลืองน้ำมันกันหรอก เนื่องจากระบบขนส่งของไทยยังไม่ดี บ้านบางคนอยู่ไกลลึก พี่สาวแฟนผมก็ใช้สิทธิรถคันแรก ใช้รถอย่างจำเป็นจริงๆ ขับรถไปรับหลานสาว ที่ต้องกลับบ้านค่ำ ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วง เวลาพ่อไม่สบายก็ไม่ต้องไปวิ่งหาแทีกซี่ ขับไปหาหมอได้เลย เงินที่บอกว่าเอาไปสร้างรถไฟฟ้าได้นี่ คนที่ได้ใช้คือคนที่อยู่ในกรุงเทพและคนที่รถไฟฟ้าผ่าน ต้องคิดถึงคนที่เขาไม่มีโอกาสด้วยครับ ใครไม่เคยรอรถเมล์ ไม่รู้หรอกครับ การมีรถมันหมายถึงชีวิตที่ดีขึ้นและหมายถึงโอกาสที่มากขึ้นด้วยครับ ผมมีงานทำเพราะมีรถนี่แหละครับ เวลาไปสมัครงานฝ่ายขายใครมีรถนี่โอกาสได้งานสูงมาก เราต้องมองโลกในแง่บวกครับ
เวลาผมเข้า กทม. ผมมักจะติดจักรยานไป ด้วย เวลาปั่นจักรยาน ผ่านคนที่นั่งรถราคาแพงนี่ มันมีความสุขจริงๆ เชื่อหรือไม่ ว่า ระยะทาง จาก ปากเกร็ด มา ศรีย่าน ระยะทาง 16 กม. ปั่นจักรยานใช้เวลาเท่าไร ผมปั่นแบบคนปกติไม่ใช่ นักแข่งขัน ที่ อัตรา 20-30 กม/ชม. ใช้เวลาไม่ถึง ครึ่ง ชม. โดยบนถนน รถยนต์แทบทุกคัน ไม่ ขยับ

ผมมาอยู่ต่าง จังหวัดหลายปี แล้ว และไม่คิดที่จะไปซื้อบ้าน ที่ กทม. ก็เพราะ เบือรถติดนี่แหละ คน กทม.มีความอดทนสูงมากๆ แต่ละคนในเวลาครึ่งชีวิตแทบจะอยู่บนรถยนต์ ระยะทางใน จังหวัดที่ผมอยู่ ขับรถไป ทำงานวันละ 72 กม. ถ้าเป็นใน กทม. คงจะ เป็นวัน ผมใช้ เวลา บนรถยนต์วันละไม่เกิน 40 นาที ถึงบ้าน ห้าโมงเย็น ยังพอมีเวลาไป ปั่น จักรยานได้อีก สิ่งหนึ่งที่เราช่วยกันรนณรงค์ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ก็คือ โครงการ ลดการใช้ รถยนต์ลงเท่าที่จำเป็น ไม่ได้ห้ามใช้ แต่ให้หันมาปั่นจักรยานกันให้มากขึ้น ตอนนี้ มี หลายท่าน ออกมาปั่นจักรยาน กัน มากขึ้น แล้ว ครับ

น้า ยอดเยี่ยม ลองหัน ใช้ จักรยานใน กทม. ดูบ้างซิ ครับ ไม่ได้เสี่ยง อย่างที่คิดหรอกครับ

งวดหน้าขอนโยบาย กีต้าร์ตัวแรก มั่ง ก็ดีครับ
ปรกติเราจะไม่คุยเรื่องการเมือง หรือ ที่มันเฉียดๆการเมืองในนี้ กระทู้นี้น่าจะเป็นกระทู้แรก แต่เท่าที่อ่านดู การเมืองในนิมิตรมัน softๆ และมีเหตุผล ไม่หยาบคายเหมือนบางที่ ส่วนตัวผมถ้าไม่ Post ใน Facebook ก็ไม่ค่อยคุยกะใครเหมือนกัน เพราะแฟนใคร แฟนมันครับ ของแบบนี้ ของใครๆ ก็รัก แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ก็เลขขอต่ออีกซักกะนิสสสสครับ
รถคันแรก เป็นผมผมก็ซื้อครับ มีสิทธ ก็ต้องใช้อย่างแน่นอน เพราะอยู่ดีๆ ลดภาษี ใครก็ชอบ ส่วนตัว ผมไม่ออกจากบ้าน เช้าๆ ตอนรถติดอยู่แล้ว มีประชุมก็พยายามนัด ให้อยู่ในช่วง 10 โมงกว่า ไปจนถึง ไม่เกิน 4 โมงเย็น แล้วรีบกลับ เพราะไม่อยากหงุดหงิด ตามความคิดผมประเด็นมันอยู่ที่
1 เงินก็มีนี่นา ถนนหลักของประเทศ ปล่อยให้พังมาแล้วไม่ต่ากว่า 5-6 ปี เอาเงินไปซ่อมก่อนดีไหม
2 ขายรถได้เป็นล้านๆคัน ใครได้ประโยชน์บ้าง Toyota Submitt ของใครในรัฐบาล ก็รู้ๆกันอยู่
3 ที่ลดหนะ ภาษีสรรพสามิตร บริษัทรถไม่เดือดร้อน ไม่งั้นจะโบนัส กัน 8-9 เดือนหรือ เดี๋ยวก็ต้องมารีดภาษีกะ พวกคุณๆ ผมๆ นี่เหละ
4 ใน Motor Show เมื่อปลายปี Toyota เปิดจอง New Vios ทั้งๆที่ยังไม่ออกขาย เป็นรถคันแรกได้ไง กรรมสรรพากรออกมาบอกเลย ไม่ได้ ไม่เข้าเกณฑ์ จะเล่นงาน Toyota แล้วตอนนี้เป็นไง Toyota ออกมาบอกลูกค้าว่า Clear กับสรรพากรแล้ว สรุปว่าได้ new Vios เข้าข่ายรถคันแรก
ผมมองโลกในแง่ร้าย ติ้งต่างว่าขอค่า Commission จากกำไร เอาไม่ต้องมาก จ่ายกันซัก 5% พวกออกนโยบายเอื้อเอกชน
ตรงนี้แหละที่หมั่นใส้
รถคันแรก ผมดีใจด้วย
แต่นโยบาย รถคันแรก ผมว่าเสียหายเป็นส่วนรวม
เพื่อเรียก ศรัทธา ความเชื่อมั่น คะแนนเสียง จุดมุ่งหมายแอบแฝง

หมาข้างบ้านโดนยาเบื่อตายไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว เพราะมันหลงคิดว่าอาหารที่โยนให้มันนั้นน่ากิน
ตอนโยนมา มันก็นึกขอบคุณ แต่กินเข้าไปแล้ว ซักพัก มันคงนึก "กูไม่น่าเห็นแก่กินเลย"
(ไม่กินก็ไม่ตาย)
เรื่องจริงเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าเป็นหมาข้างบ้านของผม สิ่งที่หยิบยื่นให้อาจจะเป็นอันตรายต่อตนเองและส่วนรวม
ด้วยความปรารถนาดีจาก Povation
4 มกราคม 2556
ตอนเริ่มทำงานก็ยังอยากได้อะไรๆ ที่เป็นอันแรก ตัวแรก คนแรก

เดี๋ยวนี้ทำไมถึงชักอยากจะมีอะไรที่เป็น อันที่สอง ตัวที่สอง สาม ... หรือ คนที่สองบ้าง น้อเรา

จะเครียดกันไปใหญ่
ผมมีเมีย 3 คน
รัฐช่วยเอาเมียคนแรกผมไปดูแลที
(04-01-2013, 07:42)Katayoot Wrote: [ -> ]ผมมีเมีย 3 คน
รัฐช่วยเอาเมียคนแรกผมไปดูแลที

ขอยืมขี่สักคันดิ มีตั้งหลายคัน จอดไว้เฉยๆเดี๋ยวเครื่องพังหมด. ส่วนน้ำมันเดี๋ยวผมเติมให้. ...... โซฮอล์ 95เติมถัง. พร้อมถ่่ายน้ำมันเครื่องให้ด้วย โอเครระ
(04-01-2013, 02:29)povation Wrote: [ -> ]รถคันแรก ผมดีใจด้วย
แต่นโยบาย รถคันแรก ผมว่าเสียหายเป็นส่วนรวม
กำลังคิดเรื่องประเด็นนี้ พอดี...
นโยบายน่ะดี แต่มีช่องโหว่ เยอะมากกก (เยอะจนไม่อย่ากจะเชื่อว่า คนระดับบริหารบ้านเมืองจะมองไม่เห็น)
นโยบายบอกว่าต้องการช่วยคนให้สามารถมีรถคันแรกได้ง่ายขึ้น อยากจะรู้จริงๆว่า คนที่จะเข้าเกณฑ์ตามนโยบายมีซักกี่แสนคน คนรอบๆตัวที่รู้จัก ก็ล้วนแต่ใช้การ "สวมสิทธิ์" และ จุดประสงค์ที่ใช้ก็เพราะต้องการเปลี่ยนรถคันเก่าภายในบ้าน

ตอนนี้สนใจแบบคนอยากรู้ (แต่ไม่ได้เรียนด้านเศรษฐศาสตร์) ว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย จะมีผลกระทบอย่างไร ในช่วงระยะเวลา 10 ปี ต่อจากนี้

จากจำนวนยอดของรถที่มีผู้ขอใช้สิทธิดังกล่าว ล้านกว่าคัน ...พวกที่ซื้อเพราะ “ได้คืนเงิน ได้ประโยชน์จากนโยบายนี้ และมีกำลังที่จะซื้อด้วย”จะมีถึงครึ่งไม๊
พวกที่.."กำลังซื้อยังไม่พร้อม แต่อยาก !!" จะมีเกินครึ่งไม๊ คาดการณ์ว่า ปี2557 ก็น่าจะได้เห็นตัวเลขคร่าวๆ

.."กำลังซื้อยังไม่พร้อม แต่อยาก....!!" ผมนึกถึงกลุ่มที่มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 2 หมื่น แต่ไฟแนนซ์อนุมัติสินเชื่อ จะไปรอดไม๊?
สมมุติว่า ภานใน5 ปีนี้ เกิดภาวะอะไรซักอย่างทำให้ ศก.ตกต่ำ เกิดการว่างงานสูง และ กลุ่มพวกนี้คือ หนี้เน่าของสถาบันการเงิน จะเป็นอย่างไรต่อไปล้ะ เพราะขายรถไม่ได้ภายใน 5 ปี ต้องปล่อยให้โดนยึดอย่างเดียวขายทอดตลาดได้เท่าไหร่แล้วค่อยเคลียร์หนี้สินคงค้าง ......แต่ไม่ค่อยน่าห่วง เพราะสุดท้ายถ้าปัญหาเน่ามากๆ... รัฐก็คงต้องเข้าไปอุ้ม หรือมีการแก้กฏหมายปลดล๊อก

อีกคำศัพท์นึงที่ได้พบเห็นก็คือคำว่า "ภาวะฟองสบู่แตกในอุตสาหกรรมรถยนตร์"
ผมนึกๆเอาเองว่า ภายใน 2 ปีนี้ คงจะเห็นภาพ
1.พนักงานขายรถ ของแต่ละค่ายรถ คงตกงานกันเยอะขึ้น เพราะ ปี 56-57 คงจะมียอดสั่งจองรถ น้อยอย่างน่าใจหาย !!! (อาจจะต้องมีการเลิกจ้างหรือลาออกสูง แต่คนกลุ่มนี้อาจจะย้ายไปไปทำธุรกิจเรื่องต่อภาษี ต่อทะเบียนรถยนตร์ หรือ อู่ซ่อมรถ น่าจะรอดต่อไปได้)
2.บ.ทีผลิตอะไหล่ ชิ้นส่วนรถยนตร์ ส่งแก่โรงงานรถยนตร์ ทั้งระดับโรงงานเล็ก ไปจนถึง SME คงประสพภาวะขาดทุน และเจ๊งระนาว เพราะตอนนี้คงลงทุนไปเยอะเพื่อให้รองรับกับยอดสั่งจองจากปี 55....แต่พอเลยกลางปี56ไป น่าจะต้องเริ่มสะดุดกับยอดสั่งซื้อน้อยลง ไม่คุ้มกับที่ลงทุนเครื่องจักรไป หรือรวมทั้งรับภาระค่าแรงที่เพิ่มขึ้น
3.ธุรกิจรับซื้อรถมือ 2 รายย่อยๆเจ๊งระนาววว จะรอดก็คงเป็นเต๊นท์รายใหญ่เพราะมีแบ๊งค์คอยสนับสนุน
ส่วนคนที่จะขายรถเพื่อเปลี่ยนมือ คงต้องทำใจกับราคาขายต่อที่จะหายไปเกือบๆแสน แน่นอน โดนทั่วหน้าทั้งคนได้ภาษีคืนและ คนที่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ (นี่แหละ ได้..ก็เหมือนไม่ได้ แต่คนที่ไม่ได้ ก็เหมือนโดนไปด้วย Big Grin)

ส่วนประชาชน อย่างเราๆ ทั้งที่ใช้รถ และไม่ใช้รถ....ก็คงเจอสภาพการเรียกเก็บเงินเข้าคลัง(เพื่อชดเชยจากที่ควรจะได้) ก่อนที่จะหมดวาระการบริหารของรัฐบาล
ในรูป ค่าใช้บริการจากหน่วยงานรัฐและภาษี สินค้าอุปโภคและบริโภคต่างๆนานา เพราะ ภาษีจากสินค้าฟุ่มเฟือย มันคงไม่พอแล้ว !!

แต่ธุรกิจเล็กๆระดับภายในครัวเรือน อย่าง.."ตะโก้เลิศรส" รอดแน่นอน !!!
ไม่รู้ว่าผมจะ ทำนาย ถูกหรือเปล่า

ผมไม่ได้ใช้สิทธินี้ เพราะ
1.ซื้อรถก่อนที่นโยบายนี้จะคลอด
2.เคยมีชื่อเป็นเจ้าของรถมาแล้วกว่า10ปี

แต่ถ้าเวบฯนิมิต มีนโยบาย "กีต้าร์ตัวแรก" อย่างที่โพสก่อนๆว่ามา และมีเงื่อนไปคล้ายๆกัน
ผมมีสิทธินี้เต็มๆแน่นอน ทั้ง Martin Taylor หรือ K Yairi เพราะ ไม่เคยมีครอบครองมาก่อนเล๊ยยย !!!
Pages: 1 2 3 4