NimitGuitar webboard

Full Version: บทความน่าสนใจ...
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
ว่างๆ ผมนั่งอ่านบทความต่างๆ เห็นหลายๆบทความที่น่าสนใจ
และเห็นว่าสมาชิกหลายๆท่านอยู่ในวัยแสวงหา (เช่นหนุ่มๆแก็งค์ล่มฯ)
อยากเอาข้อมูลด้านต่างๆมาแลกเปลี่ยนกัน ไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหน ขอใช้พื้นที่เล็กๆตรงนี้ก็แล้วกันนะครับ...
พัฒนาชาติด้วยภาษาและอุตสาหกรรมการแปล (1) [1 เม.ย. 51 - 18:41]

ผู้อ่านท่านที่เคารพครับ ภาษาและการแปลมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ประเทศไทยไชโยของเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาษาและการแปลเท่าที่ควร เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่ก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการให้ความสำคัญกับภาษาและการแปล สินค้าของสิงคโปร์จึงขายได้ในมากมายหลายประเทศทุกทวีป เพราะมีภาษาท้องถิ่นแปลกำกับสินค้าของสิงคโปร์อยู่ทุกประเภท

คำว่า ?ท้องถิ่นภิวัฒน์? หรือ ?localization? ต่อไปจะเป็นคำที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง บริษัทข้ามชาติที่จะขายสินค้าเข้าไปในท้องถิ่นใดท้องถิ่นหนึ่ง จำต้องตระหนักถึงความสำคัญของผู้บริโภคในท้องถิ่น ซึ่งตรงนี้จะหนีภาษาและการแปลไปไม่พ้น จะแปลยังไงให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในท้องถิ่นนั้นๆ

ปัจจุบันทุกวันนี้ รัฐบาลแต่ละประเทศพยายามส่งเสริมเพื่อให ้สินค้าของตนออกไปอวดโฉมในประเทศต่างๆ พร้อมคำแปลคู่มือการใช้งานที่ถูกต้อง การแปลกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ ผมยกตัวอย่างแค่ SDL ของประเทศไอร์แลนด์เพียงบริษัทเดียว มีรายได้จากการแปลทุกประเภทว่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯต่อปี เป็นเงินไทยมากกว่า 6,600 ล้านบาท จำนวนเงินมากมายมหาศาลขนาดนี้ ผู้อ่านท่านที่เคารพอย่าคิดว่ามีนักแปลประจำบริษัทบานเบอะเยอะแยะนะครับ มีนักแปลอิสระเพียง 2,000 กว่าคนกระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งทำงานการแปลจากที่บ้าน บริษัท SDL ไม่ต้องลงทุนในสำนักงาน เพียงแต่มีสายโทรศัพท์ เชื่อมกับอินเตอร์เน็ต นักแปลก็ทำงานหาเงินเข้าประเทศกันได้แล้ว การแปลสมัยนี้ไม่ยุ่งยากเหมือนก่อน เพราะมีโปรแกรมช่วยให้การทำงานเร็วขึ้น สะดวกขึ้น ถูกต้องแม่นยำและสม่ำเสมอมากขึ้น

ปัจจุบันทุกวันนี้ ถึงแม้การแปลวรรณกรรมยังคงมีอยู่ แต่แนวโน้มของการแปลส่วนใหญ่กลับเน้นไปในเชิงพาณิชย์มากกว่า เช่น แปลฉลาก คู่มือสินค้า การอบรม งานวิจัย ฯลฯ แม้แต่ในวงการแพทย์ทุกวันนี้ ก็ต้องใช้การแปลจากภาษาหนึ่งไปสู่ภาษาอื่นเป็นปริมาณมากมายมหาศาล

โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ของไทยเพียงแห่งเดียวต้องใช้ล่าม และนักแปลประจำโรงพยาบาลไม่ต่ำกว่า 50 คน บัณฑิตไทยที่ไปเรียนในประเทศอรับ เมื่อกลับมาก็มีงานแปลตามโรงพยาบาลรออยู่เป็นจำนวนมาก

ผู้อ่านท่านเคยสังเกตไหมครับ คนจีนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ทำไมสินค้าจีนจึงแพร่ขยายกระจายไปอยู่ทุกตรอกซอกมุมในโลก ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากงานการแปลที่มีประสิทธิภาพครับ บริษัทแปลน้อยใหญ่ในต่างประเทศจึงมุ่งหน้าไปตั้งสำนักงานสาขาในสาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะจีนต้องแปลฉลากสินค้าและคู่มือการใช้ให้เป็นภาษาต่างๆ รวมทั้งภาษาไทยบริษัทแปลต่างชาติ เมื่อได้รับงานจากบริษัทผลิตสินค้าในจีนแล้ว ก็ส่งงานทางอินเตอร์เน็ตไปให้นักแปลในประเทศอื่น แม้แต่ในประเทศไทย นักแปลของเราก็รับงานแปลจากบริษัทแปลข้ามชาติเหล่านี้นี่เอง ญี่ปุ่นเป็นอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งประสบความสำเร็จทางด้านการขายสินค้าอุตสาหกรรมของตน ให้กระจายไปทั่วโลกมานานกว่า 50 ปี ทั้งๆที่คนญี่ปุ่นพูดภาษาอื่นไม่เก่ง แต่ฉลากและคู่มือการใช้สินค้าของญี่ปุ่น กลับถูกแปลเป็นภาษาต่างๆอย่างละเอียด พวกที่ช่วยให้สินค้าญี่ปุ่นขายดีในต่างประเทศก็คือ บริษัทแปลพวกนี้นี่แหละ

ผมเคยเดินทางไปสำรวจตรวจดูสินค้าและราคาสินค้าไทยในหลายประเทศ เคยถ่ายภาพพวกนี้มาอวดพี่น้องประชาชนคนไทยผ่านรายการโทรทัศน์ ผู้อ่านท่านคงเคยดูรายการและได้เห็นบรรจุภัณฑ์ข้าวไทยในเคนยา ไนจีเรีย คูเวต และในอีกหลายประเทศนะครับ ข้าวไทยมักจะเขียนข้างถุงเพียงแค่ Thai rice บอกเพียงแต่ว่า ?ข้าวไทย? และก็เขียนถึงว่ามีกี่กิโลกรัมเท่านั้นเอง แต่ถ้าท่านดูบรรจุภัณฑ์ข้าวของอินเดีย อเมริกัน หรือเวียดนาม พวกนี้จะมีคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษและ ภาษาท้องถิ่นอย่างละเอียด บ่งถึงคุณภาพข้าว วิธีการปรุงหุงข้าว ราคา ปริมาณ และน้ำหนัก ถ้าเป็นข้าวอเมริกันจะบอกละเอียดถึงขนาดว่า ข้าวถุงนี้ปลูกมาจากรัฐไหนอย่างไร ฯลฯ

สินค้าโอท็อปของไทยหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลไปไม่ถึงไหน เพราะผู้บริโภคทั่วโลกไม่รู้ว่ามีวิธีใช้สินค้าเหล่านี้อย่างไร ประโยชน์เป็นยังไง ชาวบ้าน ผู้คนชนบทของไทยผลิตเก่ง แต่ขายสินค้าในตลาดโลกไม่ได้ เพราะขาดภาษาและการแปลครับ

พรุ่งนี้ นิติภูมิขอมารับใช้เรื่องความสำคัญของภาษาและการแปลอีกสักวันนะครับ.

นิติภูมิ นวรัตน์

(ที่มา: เปิดฟ้าส่องโลก/นสพ.ไทยรัฐ)
อาหารกับกรุ๊ปเลือด ............

น.พ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ เจ้าของโครงการห่วงใยสุขภาพ เล่าให้ฟังว่า เป็นผลมาจากงานวิจัยของนายแพทย์ชาวอเมริกัน ซึ่งพบว่า การรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด จะช่วยสร้างสมดุลที่ดีที่สุดให้แก่ร่างกาย ภูมิต้านทาน ระบบย่อย รวมถึงการลดน้ำหนักและเพิ่มพละกำลัง ที่สำคัญช่วยทำให้ไม่แก่เร็วอีกด้วย เราจึงควรมารู้จักที่มาที่ไปของกรุ๊ปเลือดต่างๆกันก่อน
ตามทฤษฎีนี้ มนุษย์กลุ่มแรกดำรงชีวิตเป็นนักล่า เป็นพวกกินเนื้อสัตว์ จะมีเลือดกรุ๊ป O ซึ่งมีกรดในกระเพาะอาหารสูงสามารถย่อยเนื้อสัตว์ได้ดี แต่เมื่อมนุษย์เริ่มตั้งถิ่นฐานและรู้จักเพาะปลูกมากขึ้น วิวัฒนาการของมนุษย์ก็แปรเปลี่ยนเป็นกรุ๊ป A เพราะร่างกายไม่ต้องการโปรตีนมากเหมือนเมื่อก่อน ส่วนกรุ๊ป B เกิดขึ้นในภายหลังเมื่อร่างกายได้พัฒนาในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกันและระบบการย่อย เพราะนอกจากผักแล้วยังต้องกินเนื้อสัตว์และนมเนยที่ได้จากฝูงสัตว์เลี้ยง ส่วนกรุ๊ป AB นั้นเกิดหลังสุด ซึ่งค้นพบเมื่อ 1,000-1,500 ปีก่อน เป็นกรุ๊ปเลือดกลุ่มน้อย ระบบภูมิคุ้มกันและระบบการย่อยซับซ้อนขึ้น มีส่วนคล้ายกับเลือกกรุ๊ป A และ B

กรุ๊ป A

เหมาะกับอาหารแบบมังสวิรัติ จึงควรหลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและมะเร็ง ระวังอาหารสำเร็จรูปเช่น ไส้กรอกและแฮม เพราะมีไนไตรท์ซึ่งกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในกระเพาะ อาหารประเภทนม ถั่วแดง และอาหารที่มีแป้งสาลีมากเกินไปไม่เหมาะกับชาวกรุ๊ป A เพราะมีผลต่อระบบเผาผลาญ ระบบย่อยอาหารและชะลอการทำงานของอินซูลิน

การไม่กินเนื้อสัตว์ของชาวกรุ๊ป A จะทำให้ขาดธาตุเหล็ก จึงควรกินข้าวกล้อง ถั่วมะเดื่อ และน้ำตาลโมแลสซิส( สีดำที่เอามาทำซีอิ๊วหวาน) ควรเสริมอาหารที่มีวิตามินบีและซีมากๆ เพราะจะช่วยปัญหากรดในกระเพาะต่ำ เช่น บร็อกคอรี่ ส้มโอ สับปะรด เชอรี่และมะนาว รวมถึงผักใบเขียว

ผู้หญิงเลือดกรุ๊ป A ถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม ควรรับประทานหอยทาก เพราะโปรตีนในหอยจะช่วยกำจัดเซลล์มะเร็ง แต่ถ้าอยู่ในวัยกลางคน ควรเสริมด้วยโยเกิร์ตไขมันต่ำ นมถั่วเหลือง ปลาแซลมอน

สิ่งสำคัญ คนเลือดกรุ๊ป A ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายหนักๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า หมดแรง และส่งผลโดยตรงให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอลง เจ็บป่วยได้ง่าย

กรุ๊ป AB

เป็นส่วนผสมของกรุ๊ป A และ B อาหารมังสวิรัติจะให้ผลดีต่อร่างกาย ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่รับประทานได้ แต่ไม่มาก หากมีปัญหาไซนัสอักเสบและหูอื้อ ควรงดอาหารจากผลิตภัณฑ์นม เนย ไข่แดง

โปรตีนที่เหมาะสมจะได้จากอาหารทะเล เต้าหู้ แกะ กวางและกระต่าย แต่ควรรับประทานครั้งละน้อยๆเพราะกระเพาะของคนกรุ๊ปนี้ ไม่ผลิตน้ำย่อยเพียงพอที่จะย่อยโปรตีนมากเกินไป

ไม่ควรรับประทานปลาเนื้อขาว และแซลมอนรมควัน ถั่วแดงหลวง โดยเฉพาะถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี ไม่ควรรับประทานถั่วเม็ด รวมทั้งน้ำมันชนิดต่างๆ ยกเว้นน้ำมันมะกอกเพราะจะส่งผลร้ายต่อร่างกาย

อาหารประเภทข้าวและแป้ง ก็มีประโยชน์กับคนเลือดกรุ๊ปนี้ แต่ให้ระวังแป้งข้าวโพด เพราะเป็นตัวการสำคัญทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย เกิดเสมหะ ซึ่งชาวกรุ๊ป AB มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จึงควรรับประทานผักสดมากๆ ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคหัวใจ ซึ่งเกิดได้ง่ายกับกรุ๊ป AB แต่ควรหลีกเลี่ยงผลไม้เมืองร้อนบางอย่างเช่น กล้วย มะม่วง ฝรั่ง รวมทั้ง ส้ม ซึ่งไม่ดีต่อกระเพาะ ยกเว้นสับปะรดและส้มโอ ที่ช่วยย่อยได้ดีมาก

กาแฟ ชาเขียว และไวน์แดง ดีต่อเลือดกรุ๊ป AB ส่วน เบียร์ ให้ผลเป็นกลาง แต่ถ้าต้องการลดน้ำหนัก ก็ไม่ควรดื่ม

กรุ๊ป B

ร่างกายของคนเลือดกรุ๊ปนี้เหมาะจะรับประทานอาหารเนื้อสัตว์พวกกระต่าย กวาง แกะ ควรเลี่ยงเนื้ออกไก่ เพราะจะนำไปสู่อาการเส้นเลือดแตกหรือตีบในสมอง และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง จึงควรทานไก่งวง แทน

ชาวกรุ๊ป B เป็นเพียงกรุ๊ปเดียวที่ทานอาหารนมเนยได้เต็มที่ ข้าวโอ๊ดและข้าวกล้อง ก็มีประโยชน์มาก แต่ควรเลี่ยงแป้งสาลี ถั่วบางชนิดเพราะไม่ดีต่อเลือด เกี่ยวข้องโดยตรงกับโรคเครียดและโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ผักส่วนใหญ่ดีต่อสุขภาพของคนกรุ๊ปนี้ ยกเว้นมะเขือเทศ ที่ต้องห้ามกินโดดเด็ดขาดเพราะมีสารก่อกวนผนังกระเพาะ และข้าวโพด ซึ่งมีผลต่อระบบเผาผลาญ แต่ควรทานผักใบเขียวมากๆ โดยเฉพาะเด็กกรุ๊ปB เพราะช่วยป้องกันโรคผื่นคัน

ผลไม้เหมาะกับคนกรุ๊ปนี้มาก ถ้าทานผลไม้วันละ 2-3 ครั้ง จะมีผลดีต่อการรักษาโรคและลดความเจ็บปวด ซึ่งชาวกรุ๊ป B จะตอบสนองกับความเครียดได้ดี เนื่องจากมีบุคลิกภาพยืดหยุ่น ประนีประนอมสูง ไม่ชอบการเผชิญหน้าโดยตรงอย่างคนกรุ๊ป O ขณะเดียวกันร่างกายมีพลังมากกว่ากรุ๊ป A

กรุ๊ป O

มีระบบที่ย่อยเนื้อแดงดีมาก จึงเหมาะจะรับประทานเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก ปลา รวมทั้งผักและผลไม้ และควรรับประทานอาหารทะเลเป็นประจำ เพราะชาวเลือดกรุ๊ปนี้มักมีปัญหาโรคเลือดไม่แข็งตัวและไทรอยด์ รวมทั้งโรคลำไส้อักเสบที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่าเลือดกรุ๊ปอื่นๆ

หญิงสาวกรุ๊ป O ไม่ควรรับประทานแป้งสาลี ข้าวโอ๊ค เพราะมีผลต่อระบบการย่อย ทำให้เกิดการสะสมไขมัน ทำให้เพิ่มน้ำหนักตัว เห็ดหอมและมะกอกดองอาจทำให้เกิดอาการแพ้ มะเขือยาวและมันฝรั่ง ถือเป็นต้นตอให้ปวดข้อ และควรเลี่ยง แคนตาลูป ส้ม สตรอว์เบอรี่เพราะมีกรดสูงเกินไปสำหรับคนเลือดกรุ๊ปนี้

ผักใบเขียวจะให้วิตามินเค สูง ซึ่งจะช่วยให้เลือดแข็งตัว

กรุ๊ปO ควรออกเล่นกีฬาและออกกำลังกายหนักๆ ออกแรงมาก ความเร็วการเต้นของหัวใจสูง จะเป็นประโยชน์มาก

ชาวกรุ๊ปO ดื่มไวน์ได้บ้าง แต่ไม่ควรดื่มเบียร์ ชา กาแฟ เพราะจะไปเพิ่มกรดในกระเพาะ ซึ่งคนกรุ๊ป O มีมากพออยู่แล้ว

กรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปแตกต่างกัน การกินอาหารหรือควรหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด นั่นคือข้อสรุปของทฤษฎีนี้

เป็นอีกแนวคิดที่อาจจะนำมาปรับใช้ ในยุคที่ความก้าวหน้าในการค้นคว้า ทำให้คนเรามี"ทางเลือก"มากขึ้น

(ที่มา:thairunning.com)
(แรงบันดาลใจ ; เห็นน้ากานทำ อยากทำม่างTongue)
โกวเล้ง ปราชญ์แห่งการ สุรา ยังกล่าวไว้ว่า ?ข้ามิได้พึงใจในรสชาดสุรา แต่ข้าพึงใจในบรรยากาศของการร่ำสุรา?

ทำไม ทุกชนชาติต่างรู้จักที่จะแปรรูปธัญพืช ต่างๆ ให้มาเป็นน้ำใสๆที่เรียก ว่าสุรา
ได้อย่างเหมือนกันเป๊ะ อย่างกับมีการนัดแนะกันไว้ก่อน
ซึ่งสอดคล้องปรัชญาขี้เมาที่ว่า
?อันชนใด ไม่มีสุราทาน ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
อีกชนใดดื่มสุราไม่มีกับ ชนชาตินั้น อาภัพ อัปลักษณ์เอย?

สูตรต่างๆ ในการมิกซ์สุรา
4-4-2 ( โซดา-น้ำ- สุรา ) เป็นสูตรเฉพาะของเฟอร์กี้
หลังปึ้ก กลางเปรี๊ยะ หน้าหวดเพี้ย เหมาะ สำหรับท่านที่ดื่มเรื่อยๆ
หวังเก็บแต้มเสมอนอกบ้าน

4-3-3 ( โซดา-น้ำ- สุรา ) เป็นสูตรเด็ดของแวนเกอร์
หลังขาด กลางขึง หน้าตะบึง เหมาะสำหรับท่านที่ ดื่มเอามันส์ หวังเก็บสามแต้มเต็ม

3-5-2 ( โซดา-โค้ก-สุรา ) เป็นสูตรลับของ ราฟาเอล
หลังเสียบ กลางซ่า หน้าซิ่ง เหมาะสำหรับสตรีและกระเทย

4-4-2 defense ( น้ำแดง-เหล้าขาว-ลิโพ ) อันนี้โค้ชหรั่งช้อบชอบ
ทานง่าย ประหยัดงบ และส่งเสริมเอกลักษณ์ไทยๆ

(((โปรดใช้วิจารณญาน ในการรับชมและรับฟัง)))

สุรา มีชื่อสามัญว่า เหล้า คำว่า สุรา อาจจะมา จาก สุระ ที่แปลว่า ยิ่งใหญ่
เพราะเห็นใครๆสุราเข้าปากไป มักจะยิ่งใหญ่คับ โต๊ะเกินกว่าบุคคลธรรมดา

ร่างกายของคนเรา ทางพระเรียกว่าอินทรีย์ธาตุ
รับความรู้สึกผ่านทางทวารทั้งห้า คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
โดยมีประสาท เป็นผู้สั่งการ สิ่งที่เรารับเข้าทางทวารทั้งห้า

ทุกขัง...ทางพระเรียกว่า สภาพจริงที่ทนได้ยาก
การดื่มสุราเข้าไปมากๆ จะทำให้ประสาทสั่งการได้ช้าลง
เพราะสุรามีฤทธิ์กดประสาท ส่งผลให้ทวารทั้งห้าทำงานได้ช้าลงไปด้วย

คนเราก็รับทุกขังได้น้อยลง เมื่อคนเราขาดทุกขัง
ก็เหมือนขาดสภาพจริงที่ทนได้ ยาก
เหลือแต่จิตเปล่าๆ เวลาสนุกก็สนุกสุดๆ ทุกข์ก็ทุกข์สุดๆ
รวมทั้ง โมโห โกรธ กล้า ก็จะมากกว่าคนในภาวะปกติ

สุดท้ายนี้ ขอฝากข้อคิดเอาไว้ว่า
"ทำปัจจุบันขณะเมาให้ดีที่สุด ก็พอแล้ว "

แรงบันดาลใจจาก ...น้ากาน อีกเช่นกัน
SARUN Wrote:แรงบันดาลใจจาก ...น้ากาน อีกเช่นกัน

ผมก็ได้แรงบันดาลใจมาจากน้าซ่าส์นี่แหละครับ
ที่เอาเบื้องหลังเพลง,ศิลปินต่างๆมาเล่าเป็นเกร็ดความรู้...แอบอ่านอยู่นะBig Grin

____________________________
"ทำปัจจุบันขณะเมาให้ดีที่สุด ก็พอแล้ว "
ผมเคยไปสัมภาษณ์จะเข้าทำงานที่ รพ.บำรุงเลือด ด้วยล่ะ ตำแหน่ง Graphic Designer แต่โชคดีที่เค้าไม่เอา
เรื่องกรุ๊ปเลือดของน้าซ่าส์นี่น่าแปลก เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ
ผมกรุ๊ป O และไม่ค่อยกินผักมาตั้งแต่เด็กๆ กินมากๆแล้วท้องเสีย
ชอบกินแต่เนื้อ...สงสัยจะจริงอย่างเขาว่า

.::.pOoH.::. Wrote:ผมเคยไปสัมภาษณ์จะเข้าทำงานที่ รพ.บำรุงเลือด ด้วยล่ะ ตำแหน่ง Graphic Designer แต่โชคดีที่เค้าไม่เอา

ไม่งั้นก็ไม่ได้เจอกับหวานใจน่ะซี...Wink