NimitGuitar webboard

Full Version: ช่วยจัดชุด PA ให้ด้วยครับ
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4
ตอนแรกเลยอยากได้ Acoustic Amp แต่หลังจากศึกษาข้อมูลมาสักระยะก็เปลี่ยนมาสนใจ Portable PA เนื่องจากสามารถทำอะไรได้มากกว่า แต่เนื่องจากไม่ได้ต้องการในเรื่องขนย้าย เลยอยากซืื้อแบบแยกชิ้นซึ่งเข้าใจว่าน่าจะได้สเปคที่ดีกว่าในราคาเท่าๆ กัน อีกทั้งในชุด Portable PA ส่วนใหญ่ไม่มีฟังค์ชั่นที่ต้องการทั้งหมด ศึกษามาสักระยะแล้วแต่ก็เลือกไม่ถูกว่าจะเอา effect mixer แล้วซื้อเป็น active speaker ดีหรือเอาเป็น powered mixer แล้วใช้กับ passive speaker ดี

ความต้องการใช้คือเพื่อนำมาเล่นกับกีต้าร์อคูสติก 1-2 ตัว ต่อไมค์ 1-2 อัน แล้วก็มีคีย์บอร์ด/เปียโนไฟฟ้าด้วย 1 ตัว mixer อยากให้มี phantom power และมี effect เสียงร้องและกีต้าร์อคูสติกที่ค่อนข้างดี ถ้ามี USB หรือ Firewire ก็ดี (ไม่มีก็ไม่เป็นไร) ทั้งหมดใช้ซ้อมเล่นเองเพื่อความบันเทิงในบ้านไม่ยกไปไหน อาจมีต่อใช้เป็น speaker ของคอมเป็นครั้งคราว

ผมลอง search ดูใน webboard แล้ว เจอกระทู้ที่คุณ Pood แนะนำไว้อย่างน่าสนใจหลายกระทู้ แต่เนื่องจากผมไม่ได้ต้องการลำโพงที่มีเสียงดังและกำลังขับมากมาย โดยจะเป็นลำโพง monitor ตัวเล็กๆ ก็ได้ แต่ขอให้ครอบคลุมย่านความถี่ของอุปกรณ์ที่จะต่อทั้งหมดเป็นพอ เลยคิดว่าอาจจะมีชุดที่ดูเหมาะสมกว่า

ขอตั้งงบในขั้นต้นไว้ประมาณ 30000-35000 แล้วกันครับ

ขอบคุณครับ

http://www.NimitGuitar.com/mybb/showthre...?tid=12002

ผมเพิ่งตั้งคำถามคล้ายๆกันก่อนหน้านี้ครับ ส่วยตัวก็คิดว่า PA จะได้ใช้มากกว่า Acoustic amp
เท่าที่มีิอยู่ ผมว่า PA ใช้ง่ายดี แต่ไม่มี phantom power เสียงไม่ดีเท่าไหร่ Line in ก็น้อย ผมใช้ Fender Passport 250 อยู่ครับ
เลยไปซื้อ Mixer มาครับ เพื่อที่จะได้มี Line in เยอะขึ้น ปรับเสียงได้ ส่วนจะไปออกลำโพงอะไร อันนี้ไม่มีความรู้จะแนะนำครับ ของผมก็เอา Mixer ไปออก PA อยู่ดี ทั้ง Fender passport กับ Bose L1

สามหมื่นห้าน่าจะซื้ิอ Mixer and Active Speaker ได้ชุดนึง น่าจะดีกว่า PA นะครับ ในเรื่องเสียง แต่การขนย้ายกับการปรับก็ยากกว่า ตอนนี้เค้าอยู่งาน Meeting กันหมดครับ เดี๋ยวคงมีคนรู้จริงมาตอบ ผมขอตอบแก้เหงาไปก่อนBig Grin
ผมชอบ
mixer mackie ต่อไลน์ usb ได้สะดวก และมีครบฟังก์ชัน
speaker mackie ได้เสียงเบสดี
เคยใช้และชอบมากครับ
แต่กิจวัตร ผมต้องการ หิ้ว ยก ไปโน่นนี่ได้ง่ายเลยแยกทางกันไปแล้ว

ในงบนี้ น่าจะได้ครบนะครับ


@วันละเป็ก ดูรุ่นนี้ไว้อยู่เหมือนกันครับ แต่ดูน่าจะเกินการใช้งานของผมเกินไป แต่ถ้า speaker ที่จะนำมาจับคู่ไม่แพงก็อาจเลือกตัวนี้ครับ

@yim ผมเห็นราคา speaker mackie แล้วถ้าซื้อคู่นึง เกรงว่างบอาจเหลือไม่ถึง mixer หรือได้ก็รุ่นเล็กมาก น้า Yim มีรุ่นไหนแนะนำเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ
ผมว่าชุดตามความต้องการของคุณ Tee นี่อาจถูกกว่าที่คิดและเสียงดีกว่าระบบ PA ด้วยนะครับ เรื่องนี้มีคนเข้าใจผิดเยอะมากแต่จะจะเขียนอธิบายอย่างละเอียดคงต้องเขียนกันหลายวัน ผมขอตอบแบบรวบรัดแล้วกันครับ ถ้าไม่กระจ่างก็หาข้อมูลต่อในเว้บใด้ครับ

ระบบ PA นั้นชื่อเต็มๆคือ Public Address System ซึ่งเป็นระบบเฉพาะกิจสำหรับการขยายเสียงเมื่อมีผู้ฟังเป็นร้อยๆพันๆหรือหมื่นๆคนครับ เป้าหมายหลักของระบบคือ

VOLUME เสียงต้องดังพอสำหรับผู้ชมแถวหลังสุด

....การทำให้เสียงดังสุดนั้นต้องใช้ลำโพงที่มี efficiency สูงมาก อย่างน้อยก็ประมาณ 94 dB/1W/1M ลำโพงประเภทนี้สร้างไม่ยากแต่ต้องแลกมาด้วยการตอบสนองที่ไม่ราบเรียบและย่านการตอบสนองความถี่ที่ค่อนข้างจะจำกัดเมือเปรียบเทียบกับลำโพง hifi ดีๆในชุดเครื่องเสียงบ้าน ลำโพงบ้านบางรุ่นนั้นมีความไวแค่ 86 dB/w/M ซึ่งหมายความว่าจะต้องใช้แอมป์กำลังขับมากกว่าลำโพง PA เกือบสิบเท่าถ้าจะให้ดังเท่ากัน (ความดังเพิ่มขึ้น 10 dB ต้องใช้กำลังขับของแอมป์เพิ่มขึ้น 10 เท่าครับ)

ความดังของดนตรี jazz หรือ acoustic ถ้าเรากำหนดตำแหน่งไกลสุดว่าต้องดังไม่ต่ำกว่า 94 dB ถ้าเป็นพื้นที่กลางแจ้งยาว 16 เมตร ความดีงของลำโพงที่ระยะ 1 เมตรจะต้องดังอย่างน้อย 118 dB (Sine square law ความดังของเสียงจะลดลงหนึ่งเท่าทุกๆ 3 dB เหมือนกับปริมาณของแสงที่ผ่านเลนส์ทุก square root 2 ของระยะทาง) แต่ถ้าเล่นอยู่ในห้องนั้นความดังจะเพิ่มขึ้นประมาณ 6 dB เพราะมีผนังและเพดารมาช่วยสะท้อนเสียง

ถ้าลำโพง PA มีความไว 94 dB/W/M เราจะต้องใช้แอมป์กำลังลังขับ 256 watts ถึงจะใด้ความดังตามตัวอย่างที่ยกมาครับ

ถ้าเราฟังเพลงอยู่ในห้องห่างลำโพงแค่ 4 เมตรที่ความดังสูงสุด 94 dB เราต้องการกำลังขับป้อนลำโพง PA แค่ 2 watts เท่านั้น ถ้าไปซื้อชุด PA มาใช้ก็เสียเงินฟรีๆครับ

FLETCHER-MUNSON CURVES...หูพาจน

ลำโพง PA นั้นมักมีย่านความถี่จำกัดกว่าลำโพงบ้านเยอะมากเพราะความถี่ยิ่งต่ำมันยิ่งกิน watt ครับ เหตุเกิดเพราะหูคนเราใด้ยินเสีบงกลางและเสียงแหลมใด้ดีกว่าเสียงต่ำ เรื่องนี้ถูกค้นพบโดยตา Fletcher และ Munson ตั้งแต่ปี 1932

[Image: fletchermunson.png]

จากรูปข้างบนจะเห็นใด้ว่าความถี่ยิ่งต่ำก็ต้องใช้กำลังขับมากขึ้นเพื่อให้เราใด้ยินว่าเสียงมันดังเท่ากัน ดังนั้นชุด hifi บ้านก็เลยสามารถตอบสนองความถี่ใด้ต่ำกว่าชุด PA เพราะเราไม่ต้องการความดังมากมายแต่ต้องการเสียงดนที่ครบทุกย่านความถี่ซึ่งชุด PA ไม่มีทางทำใด้นอกจากจะใช้ subwoofer ขนาดยักษ์มาช่วย

ดังนั้นถ้าไม่ใด้ต้องการยกชุด PA ออกไปเล่นกลางแจ้งนอกบ้านก็ซื้อ mixer ตัวเล็กมาต่อกับชุดเครื่องเสียง hifi บ้านจะใด้เสียงที่ธรรมชาติที่สุดครับ


วันนี้ผมใด้ฟังชุด PA ราคาเกินครึ่งล้านในงาน meeting ที่จัดใน ball room เสียงน่าประทับใจมากแต่ผมกลับมานั่งฟังเพลงที่บ้านในห้องขนาด 4x4 นี่เครื่องเสียงบ้านเพราะกว่าเยอะครับ

เรื่องเครื่องเสียงบ้านประเภทไหนเหมาะกับการใช้เป็นชุดแสดงสดขอติดไว้ก่อนครับเพราะง่วงนอนแล้ว



ขอบคุณครับน้า Pood ได้ความรู้อีกเยอะเลย

แต่อยากทราบเพิ่มเติมว่าเวลาจะซื้อ mixer แบบมีพาวเวอร์หรือไม่มีพาวเวอร์ในตัวมีแนวคิดยังไงครับ

ถ้าจะซื้อแบบมีพาวเวอร์ในตัวต้องระวังในการซื้อ speaker มากกว่าใช่หรือเปล่าครับ คือกำลังชับของ passive speaker ไม่ควรน้อยกว่่าที่ mixer จ่ายได้ แต่เกินไม่เป็นไร ผมเข้าใจถูกหรือเปล่า

ส่วนถ้าเลือก mixer แบบไม่มี power ในตัว จะเลือก active speaker กี่วัตต์ก็ิเลือกไปไม่มีปัญหาผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ

แล้ว hifi speaker กับ studio monitor speaker แบบไหนตอบสนองความถี่ได้ครอบคลุมกว่า ยังเป็น hifi speaker อยู่หรือเปล่า? ช่วยแนะนำ hifi speaker หรือ studio monitor speaker ที่น่าใช้ให้สักชุดสองชุดด้วยครับ เพื่อที่ผมจะได้มีแนวทางในการซื้อหรือเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ ที่ใกล้เคียงต่อไป

ขอบคุณครับ
มีหลายคนที่คิดว่าลำโพง studio monitor น่าจะให้เสียงที่กลมกล่อมน่าฟัง ความจริงแล้วหน้าที่ของ studio monitor คือการคอย "จับผิด" เพื่อแก้ไขในการ down-mix ครับ พวกลำโพงขี้ฟ้องกลุ่มนี้ไม่ควรเอามาใช้ในบ้านหรือเอามาทำชุด PA อย่างเด็ดขาด

ในงบต่ำกว่าห้าหมื่นนั้นเราสามารถเลือกใด้ว่าเราต้องการอะไร ถ้าเราต้องการ "ความดังสูงสุด" ก็ต้องเลือกชุด PA ซึ่งผมเคยแนะนำไปหลายครั้งแล้วแต่ถ้าเราต้องการความไพเราะของเสียงดนตรี (musicality) เราก็ต้องเลือกชุดเครื่องเสียงบ้าน + mixer ขนาดเล็กครับ

เครื่องเสียงบ้านแบบ stereo นั้นเดี๋ยวนี้เริ่มหายากครับเพราะคนส่วนใหญ่หันไปเล่นชุด home theater แบบ 5.1-9.2 channels กันหมด ชุดที่คุณต้องการนั้นควรเป็นระบบ stereo integrated amp + bookshelf speakers + powered subwoofer เพราะคุณมีเปียโนไฟฟ้าด้วยซึ่งลำโพงตัวเล็กเอาไม่อยู่แน่นอน

ในงบขนาดนี้ผมคิดว่าค่ายอังกฤษน่าจะให้เสียงนุ่มนวลสุดครับ ผมจะลองเลือกจากชุดที่คุณสามารถไปลองใด้ครบชุดก่อนครับ

http://www.conice.co.th/

อุปกรณ์ที่ร้านนี้ (บ้านทวาทศิน) ขายส่วนใหญ่เสียงดีครับแต่ราคาไม่ค่อยถูกแต่ตอนนี้เขากำลังลดราคาอยู่ถึงสิ้นเดือนมกรา

ลำโพง... PSB Alpha B1 ราคาปกติ 8900 ลดเหลือ 6500 บาท



Sensitivity 89/dB/W/M , Frequency response 65-21000 hz, Power handling 10-80 watts,

ลำโพงคู่นี้ถ่ายทอดเสียงกลางอย่างเสียงนักร้องและเสียงกีต้าร์ใด้ดีมาก ตอนนี้ราคาลดแล้วถูกกว่าที่อเมริกาและอีงกฤษครับ

http://www.conice.co.th/Products/PSB/Alp...nitor.html

Subwoofer...Velodyn Impact10 ราคาปกติ 12009 ลดเหลือ 11200 บาท



รุ่นนี้ก็เล็กดีครับ ราคายังไม่น่าจูงใจเท่าไหร่ดังนั้นจะมองยี่ห้ออื่นด้วยก็ใด้

http://www.conice.co.th/index.php?lay=sh...pid=175275

Amplifier...NAD C316BEE ราคาปกติ 12,400 ลดเหลือ 9,900 บาท



RMS power 40W @8 ohms

รุ่นนี้ในราคานี้เป็น best buy แน่นอนครับ

http://www.conice.co.th/Products/NAD/NAD.html


Mixer... Mackie ProFX8 USB ราคาประมาณ 7900 บาท

ผมแนะนำรุ่นที่มี USB เพราะจะใด้ใช้อัดเสียงลงคอมใด้ด้วยหรือจะใช้แทน soundcard ก็ใด้ครับ

http://www.spksound.co.th/product/?xID=1743

รวมราคาทั้งชุด 35,500 บาท ถ้าเอามาฟังเพลงในบ้านรับรองว่าเสียงเพราะกว่าพวก PA ชุดละเป็นแสน ชุดนี้เล่นในห้องใด้ดังประมาณ 110 db/1M หรือ 98 dB ที่ระยะห่าง 4 เมตรซึ่งน่าจะเหลือเฟือสำหรับดนตรีสดที่ไม่ใด้ใช้กลองชุด

(ความดังของกลองชุด Quiet groove: drummer ears 105 db - 5 feet 100 db - 25 feet 96 db
medium groove: drummer ears 110 db - 5 feet 105 db - 25 feet 102 db
Solid groove: drummer ears 115 db - 5 feet 110 db - 25 feet 108 db)

ถ้าเปรียบเทียบกับชุด portable PA เรื่องความดังนั้น Yamaha StagePas 300 ให้ความดังสูงสุด 112 dB/1M ซึ่งมากกว่าขุดข้างบนนิดเดียวครับแต่คุณภาพเสียงห่วยกว่าเยอะ
พี่ปูดครับ อยากรู้ว่า ถ้าต่อแล้วมันเล่นไปเรื่อยเรื่อย จะมีสิทธิ์ทวีตเตอร์ เจ๊งไหมครับ และจะหอนมากไหมครับเวลาใกล้กัน
อยากต่ออยู่เหมือนกันครับ เคยคิดเหมือนกันแต่กลัวทวีตเตอร์ไปก่อน ผมมี psb 1b คู่หนึ่งกะแอมป์ออนเกียว (ตะก่อนใช้ krell แต่ขายไปแล้ว อิอิ) ยังงี้ยังต้องมีมิกซ์ไหมครับ


อ้อ velodyne สุดยอดครับ ซับตัวแสนกว่าลดเหลือหมื่นกว่า แต่ไม่รู้หมดยัง
เห็น nht 7,500 น่าสนนะครับ แต่ต้องจอง เสียงกลางแหลมเพราะ มาก


ถ้าใช้แอมป์ชั้นดี tweeter ไม่มีทาง voice coil ไหม้หรอกครับ ที่เห็นว่าเจ๊งกันนั่นส่วนมากเกิดจาก transient distortion ของแอมป์ที่กำลังขับสำรองไม่พอทั้งนั้น อย่าลืมว่าดนตรีมันก็คือดนตรีไม่ว่าคุณจะเล่นเองหรือฟังจาก CD ครับ

ถ้ามีแอมป์และลำโพงแล้วก็แค่ซื้อ mixer และ powered subwoofer เพิ่มก็พอครับ เรื่อง feedback นี่มันก็หอนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียงบ้านหรือขุด PA ถ้าคุณเอาไมค์ไปจ่อไกล้ๆลำโพงครับ
ขอถามเรื่องวิธีการต่อสายด้วยครับ เข้าใจว่า psb 1b ต่อเข้ากับ NAD C316BEE แล้วหลังจากนั้นมันมาเข้า mixer ช่องไหนครับ ต้องใช้สายแบบไหน แล้วตัว sub ต่อตรงไปเข้า mixer หรือเปล่าครับ แล้วไปเข้าช่องไหนของ mixer แล้วก็ใช้สายแบบไหนด้วยครับ ขอบคุณครับ
Pages: 1 2 3 4