08-09-2011, 13:46
08-09-2011, 14:59
เคยสงสัยบ้างไหมครับว่าทำไมเครื่องดนตรีโบราณอย่าง violin ที่มีอายุสองสามร้อยปีถึงใด้มีมูลค่าหลายสิบล้านบาทแต่กีต้าร์โปร่งอายุเกินร้อยปีนั้นยกให้ฟรีๆก็ยังแทบไม่มีใครเอา ที่เป็นอย่างนี้เพราะกีต้าร์มันตองรับ bending moment ตลอดเวลาครับ ยิ่งอายุมากก็เกิดอาการกาวเสื่อม ไม้ล้าทุกตัว เขาถึงใด้พูดกันว่ากีต้าร์โปร่งนั้นคือ "An implosion waiting to happen" ไงครับ
ความจริงแล้วคำว่า "คอยก" นั้นมันไม่ถูกต้องหรอกครับแต่เราพูดกันจนชินปากไปแล้ว อาการที่เกิดขึ้นกับกีต้าร์โปร่งทุกตัวคือ "องศาคอลดลง" ตามอายุการใช้งานครับ ที่องศาคอมันลดก็เพราะ body ที่มันยือหยุ่นใด้ (neck joint มันไม่ยืดหยุ่น) มันยุบตัวและพองตัวตามอายุอย่างในรูปข้างล่างครับ
คอกีต้าร์นั้นมันล้าและงอใด้ตามอายุซึ่งเราก็สามารถแก้ใด้ง่ายโดยการปรับ truss rod ถ้าปรับใด้ (ถ้าเป็นกีต้าร์คลาสสิคหรือ Martin ก่อนปี 1985 ก็ปรับไม่ใด้ครับ) แต่องศาของคอที่ทำกับ neck block นั้นมันเปลี่ยนไม่ใด้หรอกครับ ส่วนที่เปลี่ยนคือไม้หน้าส่วนใต้ fingerboard มันยุบตัวและส่วนใต้ bridge มันพองตัวครับ ถ้ามันยุบและพองเท่าๆกันทั้งสองด้านก็ยังพอทนแต่ถ้าเกิดไม่เท่ากันจนคอเอียงนี่ก็ต้องถอดคอมา reset แน่นอนครับ
การเก็บรักษากีต้าร์ที่เหมาะสมที่สุดคือการรักษาระดับความชื้นให้คงที่ที่สุดครับ ส่วนเรื่องผ่อนสายนั้นผมไม่เคยผ่อนครับแต่ใครอยากผ่อนก็ไม่น่ามีผลเสียอะไร
วิธีแก้คอยก
วิธีของฝรั่งนั้นผมจะไม่พูดถึงนะครับเพราะหาอ่านใด้ทั่วไป เรามาดูวิธีของไทยกันดีกว่าเพราะคนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรอกครับ
กีต้าร์เก่าๆรุ่น '60s, '70s ของญี่ปุ่นอย่างพวก Yamaha FG หรือ Morris นั้นไม่สามารถถอดคอใด้เพราะพี่ยุ่นแกใชกาว epoxy ติดตายมาเลย กีต้าร์ราคาถูกพวกนี้พอคอยกแล้วที่ญี่ปุ่นเขาก็โยนทิ้ง ส่วนคนไทยหัวไสก็เลยขนมาขายที่เมืองไทย
การแก้คอยกแบบไทยๆมีดังต่อไปนี้ครับ
1. ถ่วงหัวกีต้าร์ วิธีนี้ง่ายสุดแต่อยู่ใด้ไม่นานครับ
2. ปาดบริดจ์ วิธีนี้ใช้ใด้กับบางยี่ห้อที่ bridge หนาครับ
3. เซาะลิ่มคอ กีต้ารืญี่ปุ่นยุคนั้นใช้คอสองชิ้นอยู่แล้วเพื่อประหยัดต้นทุนโดยมีอีกชิ้นมาต่อตรงส่วนใต้คอ ช่างบางคนเขาะเลยตัดตรงรอยต่อให้เป็นลิ่มแล้วกดคอลง วิธีนี้น่าจะอยู่ใด้นานกว่าวิธีแรกครับแต่ต้องทำสีคอใหม่
4. ปาด fingerboard วิธีนี้เขาใช้กับกีต้าร์คออีนงโดยการปาด fingerboard ให้ขนานกับ top ทำ radius ใหม่และใส่เฟ็ตใหม่
เท่าที่ผมทราบก็มีแค่สี่วิธีครับ
ความจริงแล้วคำว่า "คอยก" นั้นมันไม่ถูกต้องหรอกครับแต่เราพูดกันจนชินปากไปแล้ว อาการที่เกิดขึ้นกับกีต้าร์โปร่งทุกตัวคือ "องศาคอลดลง" ตามอายุการใช้งานครับ ที่องศาคอมันลดก็เพราะ body ที่มันยือหยุ่นใด้ (neck joint มันไม่ยืดหยุ่น) มันยุบตัวและพองตัวตามอายุอย่างในรูปข้างล่างครับ
คอกีต้าร์นั้นมันล้าและงอใด้ตามอายุซึ่งเราก็สามารถแก้ใด้ง่ายโดยการปรับ truss rod ถ้าปรับใด้ (ถ้าเป็นกีต้าร์คลาสสิคหรือ Martin ก่อนปี 1985 ก็ปรับไม่ใด้ครับ) แต่องศาของคอที่ทำกับ neck block นั้นมันเปลี่ยนไม่ใด้หรอกครับ ส่วนที่เปลี่ยนคือไม้หน้าส่วนใต้ fingerboard มันยุบตัวและส่วนใต้ bridge มันพองตัวครับ ถ้ามันยุบและพองเท่าๆกันทั้งสองด้านก็ยังพอทนแต่ถ้าเกิดไม่เท่ากันจนคอเอียงนี่ก็ต้องถอดคอมา reset แน่นอนครับ
การเก็บรักษากีต้าร์ที่เหมาะสมที่สุดคือการรักษาระดับความชื้นให้คงที่ที่สุดครับ ส่วนเรื่องผ่อนสายนั้นผมไม่เคยผ่อนครับแต่ใครอยากผ่อนก็ไม่น่ามีผลเสียอะไร
วิธีแก้คอยก
วิธีของฝรั่งนั้นผมจะไม่พูดถึงนะครับเพราะหาอ่านใด้ทั่วไป เรามาดูวิธีของไทยกันดีกว่าเพราะคนทั่วไปไม่ค่อยรู้หรอกครับ
กีต้าร์เก่าๆรุ่น '60s, '70s ของญี่ปุ่นอย่างพวก Yamaha FG หรือ Morris นั้นไม่สามารถถอดคอใด้เพราะพี่ยุ่นแกใชกาว epoxy ติดตายมาเลย กีต้าร์ราคาถูกพวกนี้พอคอยกแล้วที่ญี่ปุ่นเขาก็โยนทิ้ง ส่วนคนไทยหัวไสก็เลยขนมาขายที่เมืองไทย
การแก้คอยกแบบไทยๆมีดังต่อไปนี้ครับ
1. ถ่วงหัวกีต้าร์ วิธีนี้ง่ายสุดแต่อยู่ใด้ไม่นานครับ
2. ปาดบริดจ์ วิธีนี้ใช้ใด้กับบางยี่ห้อที่ bridge หนาครับ
3. เซาะลิ่มคอ กีต้ารืญี่ปุ่นยุคนั้นใช้คอสองชิ้นอยู่แล้วเพื่อประหยัดต้นทุนโดยมีอีกชิ้นมาต่อตรงส่วนใต้คอ ช่างบางคนเขาะเลยตัดตรงรอยต่อให้เป็นลิ่มแล้วกดคอลง วิธีนี้น่าจะอยู่ใด้นานกว่าวิธีแรกครับแต่ต้องทำสีคอใหม่
4. ปาด fingerboard วิธีนี้เขาใช้กับกีต้าร์คออีนงโดยการปาด fingerboard ให้ขนานกับ top ทำ radius ใหม่และใส่เฟ็ตใหม่
เท่าที่ผมทราบก็มีแค่สี่วิธีครับ
09-09-2011, 12:14
อ่านจากกระทู้นี้เวลาไปซื้อกีต้ามือสองสงสัยต้องพกไม้บรรทัดไป
เรียนถามน้าPoodอีกนิดนะครับว่าถ้าไม้หน้ายุบๆป่องๆตามรูปข้างบนนี่มันป้องกันได้ป่าวครับหรือมันก็เป็นไปตามสังขารและต้องทำใจ และถ้าเป็นแล้วมันซ่อมได้ไม๊ครับ
เรียนถามน้าPoodอีกนิดนะครับว่าถ้าไม้หน้ายุบๆป่องๆตามรูปข้างบนนี่มันป้องกันได้ป่าวครับหรือมันก็เป็นไปตามสังขารและต้องทำใจ และถ้าเป็นแล้วมันซ่อมได้ไม๊ครับ
09-09-2011, 12:18
มิน่าช่างเค้าบอกว่าอย่าไปซ่อมมันเลยครับ ค่าซ่อมแพงกว่ากีต้าร์คุณอีกมั๊ง
พูดแล้วก็อายเลยครับ ผมเลยต้องปล่อยให้มันคอยกแบบนั้นไปแต่ก็เป็นกีต้าร์ตัวแรกที่ผมเล่นและก็รักมันมากครับ
อยู่ในห้องเก็บของเรียบร้อย เง้ออออ
พูดแล้วก็อายเลยครับ ผมเลยต้องปล่อยให้มันคอยกแบบนั้นไปแต่ก็เป็นกีต้าร์ตัวแรกที่ผมเล่นและก็รักมันมากครับ
อยู่ในห้องเก็บของเรียบร้อย เง้ออออ
09-09-2011, 12:57
เรื่องของคอนี่ พอเข้าใจครับ แต่ว่าเรื่องของไม้หน้านี่พึ่งรู้ว่ามันปลงได้(ยุบหนอพองหนอ) ว่าแต่ว่าที่จริงแล้ว ไม้หน้านี่มันต้องเรียบๆใช้ป่าวครับ ผมหมายถึงเอาไม้บรรทัดวัดมันต้องแนบสนิด หรือว่าถ้ามันจะโป่งหน่อยๆก็ต้องบอกว่ายอมให้โป่งได้กี่มม. ถ้าโป่งกว่านี้จะหมายถึงท้องป่อง อะไรทำนองนี้ใช่หรือไม่ครับ
09-09-2011, 16:27
ท้องป่องนี่เป็นเรื่องปกติของกีต้าร์โปร่งในเมืองไทยครับ กีต้าร์โปร่งส่วยใหญ่เขาผลิตในโรงงานที่ควบคุมความชื้นที่ประมาณ RH = 40% พอมาถึงเมืองไทยก็เจอความชื้นร่วม 100% ไม้มันก็ดูดความชื้นจากอากาศและขยายตัวออกแต่มันขยายไปด้านข้างไม่ใด้เพราะติดไม้ที่ประกบข้างมันก็เลยต้องป่องไงครับ
วิธีแก้ก็คือการพยายามเอาความชื้นออกครับ เรื่องนีพูดง่ายแต่ทำยากดังนั้นถ้ามันจะป่องก็ปล่อยให้มันป่องไป
อีกสาเหตุที่ทำให้ท้องป่องก็คือการใช้สายเบอร์ใหญ่ไป กรณีย์นี้ถ้ามองด้านข้างจะเห็นด้านหน้ายุบและด้านหลัง bridge ป่อง ผมยังไม่เคยเห้นเคสนี้ไนเมืองไทยเพราะร้อยทั้งร้อย bridge มันจะเผยอหรือหลุดก่อน
จำไว้แล้วกันครับว่าความชื้น + สายเบอร์ใหญ่คือตัวการใรเรื่องท้องป่องและ bridge หลุด มีกีต้าร์หลายรุ่นที่เขาใส่สายเบอร์ .013" มาจากโรงงานอย่างเช่น Martin D, Gibson SJ, Taylor D, GS Mini แต่พอมาอยู่บ้านเราถ้าไม่เปลี่ยนเป็นเบอร์ .012" ผมเห็น bridge กระเด็นมาหลายตัวแล้ว
ถ้าเป็นกีต้าร์เก่านั้นอาการท้องป่องมันเกิดจากการล้าของไม้ครับเหมือนกับคนอายุมากจะเริ่มลงพุงเพราะกล้ามเนื้อท้องมันล้านั่นแหละ อาการที่เกิดจากความชรานี่ถ้าไม่ทำ neck reset ใหม่ก็ต้องใช้ JLD Bridge Doctor ( Stewmac) มาช่วยครับ
วิธีแก้ก็คือการพยายามเอาความชื้นออกครับ เรื่องนีพูดง่ายแต่ทำยากดังนั้นถ้ามันจะป่องก็ปล่อยให้มันป่องไป
อีกสาเหตุที่ทำให้ท้องป่องก็คือการใช้สายเบอร์ใหญ่ไป กรณีย์นี้ถ้ามองด้านข้างจะเห็นด้านหน้ายุบและด้านหลัง bridge ป่อง ผมยังไม่เคยเห้นเคสนี้ไนเมืองไทยเพราะร้อยทั้งร้อย bridge มันจะเผยอหรือหลุดก่อน
จำไว้แล้วกันครับว่าความชื้น + สายเบอร์ใหญ่คือตัวการใรเรื่องท้องป่องและ bridge หลุด มีกีต้าร์หลายรุ่นที่เขาใส่สายเบอร์ .013" มาจากโรงงานอย่างเช่น Martin D, Gibson SJ, Taylor D, GS Mini แต่พอมาอยู่บ้านเราถ้าไม่เปลี่ยนเป็นเบอร์ .012" ผมเห็น bridge กระเด็นมาหลายตัวแล้ว
ถ้าเป็นกีต้าร์เก่านั้นอาการท้องป่องมันเกิดจากการล้าของไม้ครับเหมือนกับคนอายุมากจะเริ่มลงพุงเพราะกล้ามเนื้อท้องมันล้านั่นแหละ อาการที่เกิดจากความชรานี่ถ้าไม่ทำ neck reset ใหม่ก็ต้องใช้ JLD Bridge Doctor ( Stewmac) มาช่วยครับ
09-09-2011, 16:47
ฮื่อมสสสส์ ก็ได้ เอาเป็นว่าผมยอมลดขนาดสายแระ คือเดิมทีต้องการเสียงทุ้มๆ ผมก็เลยเล่น แด๊ด เบอร์ 11 เห้อออ ... มิน่าฝรั่งตัวโตๆ กล้ามใหญ่มาอยู่บ้านเราลงพุงหมดแม้แต่กีตาร์ก็ไม่เว้น ขอเปลี่ยนมาเป็นเบอร์ 9 แล้วกัน งานนี้ขอเป็นสายแบบเคลือบ ยี่ห้อ E อี เอ๊ดซซซ์...อะไรซักอย่างอ่านยากชะมัด คงแก้ได้เท่านี้ที่เหลือ ก็ นัท กับ แซดเดิ้น ก็น่าจะจบ งานได้แระ
09-09-2011, 19:37
กำลังสนใจเรื่อง คอยก และการแก้ไขพอดี เลย ครับ ขอบคุณ พี่กฤษณ์มากๆ ครับ
09-09-2011, 23:05
ขอบคุณมากครับ
10-09-2011, 01:00
สายกีต้าร์โปร่ง Elixir เบอร์ 9 มีขายด้วยหรือครับ