09-07-2011, 13:49
บังเอิญเมื่อวานมีคนคุยกับผมเกี่ยวกับเรื่องราวของสี sunburst ผมก็เลยต้องค้นคว้าประวัติของมันเพราะผมเองก็เป็นแฟนกีต้าร์สีนี้อยู่เหมือนกัน
คำว่า "Sunburst" นั้น Gibson เป็นคนตั้งขึ้นมาครับ ส่วน Martin นั้นเมื่อก่อนเรียกสีที่ไล่จากอ่อนไปแก่ว่า "Shaded" เขาเดากันว่าสีแบบนี้เป็นการทำ relic (ก่อนหน้า Fender Custom Shop เกือบร้อยปี) เพื่อให้ดูเหมือน Violin เก่าๆที่สีจางเป็นบางส่วน
สี "Sunburst" นั้นถูกนำมาใช้โดย Gibson เป็นครั้งแรกในปี 1914 แต่ใช้กับ Mandolin ครับและมันก็ยังคงเป็นสียอดนิยมของ mandolin จนถึงทุกวันนี้
สำหรับกีต้าร์นั้น Martin ซึ่งทำกีต้าร์ flat top มาตั้งแต่ปี 1833 ซึ่งใช้ไม้ spruce ที่มีลวดลายสวยงามอยู่แล้วจึงเคลือบแลกเก้อร์ใสให้โชว์ลายไม้มาตลอด ส่วน Gibson นั้นเริ่มต้นด้วยการทำกีต้าร์ carved top ที่ใข้ไม้ชิ้นใหญ่กว่าเยอะแถมตา Orville Gibson แกยังไปโกหกชาวบ้านว่าแกใช้ไม้ solid maple ทำทั้งๆที่ความจริงแล้วแกเอาไม้ birch ที่ถูกกว่ามาทำ ถ้าขึนใช้ natural finish ก็โดนด่าแน่นอนเพราะไม้ birch มันไม่มีลายเหมือน maple แกเลยแก้ปัญหาโดยการพ่นสีดำทั้งตัวครับ
เมื่อตา Orville Gibson แกขายกิจการไปในปี 1902 Gibson ก็เริ่มซื้อ maple มาทำกีต้าร์แต่ตอนนั้นก็ยังพ่นสีดำเหมือนเดิม ต่อมาในปี 1911 ก็เริ่มใช้สี burst จางๆแต่เรียกว่าสี red mahogany ส่วนสี sunburst นั้นเริ่มเอามาใช้กับกีต้าร์ในปี 1918 ครับ
กีต้าร์ flat top ของ Gibson ในยุคแรกนั้นเป็นกีต้าร์ราคาถูกที่ออกมาป้อนตลาดล่างสำหรับคนที่ไม่มีเงินซื้อ Martin เขาเลยใช้ไม้หน้าเกรดต่ำที่ถูกกว่าและใช้สี sunburst เพื่อซ่อนตำหนิ Gibson เขาแยกรุ่นระหว่างสี natural กับสี sunburst อย่างเช่นรุ่น J-45 กับ J-50ม, Southern Jumbo (sunburst) กับ Country and Western (natural) โดยที่รุ่นสี natural ราคาแพงกว่าในทุกกรณีย์ครับ
Gibson รุ่นแรกที่ไม่แยกรุ่นระหว่างสี natural กับ sunburst นั้นคือรุ่น J-200 ซึ่งเริ่มมีสี natural ให้เลือกตั้งแต่ปี 1948 ในราคาที่แพงกว่า สี natural กับสี sunburst เขามาขายราคาเท่ากันหลังจากย้ายโรงงานมาที่ Montana นี่เองครับ
มีหลายๆคนเข้าใจว่า Gibson สี sunburst ราคาแพงกว่าเนื่องจากทำยากกว่า เรื่องนี้ไม่จริงครับแม้แต่ในกรณีที่เป็นการสั่งทำพิเศษในรุ่นที่เขาไม่ผลิตเป็นสี sunburst อย่าง CL series แต่เขาไม่ผลิตให้จนกระทั้งเขาเลิกผลิตรุ่นปกติแล้ว อย่างผมเองมี CL อยู่สองรุ่นที่สั่งพิเศาเป็นสี sunburst ตัวหนึ่งต้องรอปีกว่าส่วนอีกตัวต้องรอสองปีกว่าครับ
ถ้าเป็นกีต้าร์ carved top ที่ต้องใช้ไม้ชิ้นหนานี่ Gibson เขายังคิดเงินเพิ่มสำหรับสี natural นะครับอย่างเช่นรุ่น L5-CES เป็นต้น
สำหรับ Martin นั้นเริ่มใช้สี burst ในปี 1931 กับกีต้าร์รุ่น C3 ที่เป็น archtop และก็เลยเสนอเป็น option ให้กับ flat top ด้วยโดยคิดเงินเพิ่มเป็นค่าโง่เพราะไม้เขาสวยอยู่แล้วยังดันไปให้เขาพ่นสีทับอีก Burst ของ Martin จะสีอ่อนกว่าและไม่ซ่อนลายไม้เหมือน Gibson ครับ
คำว่า "Sunburst" นั้น Gibson เป็นคนตั้งขึ้นมาครับ ส่วน Martin นั้นเมื่อก่อนเรียกสีที่ไล่จากอ่อนไปแก่ว่า "Shaded" เขาเดากันว่าสีแบบนี้เป็นการทำ relic (ก่อนหน้า Fender Custom Shop เกือบร้อยปี) เพื่อให้ดูเหมือน Violin เก่าๆที่สีจางเป็นบางส่วน
สี "Sunburst" นั้นถูกนำมาใช้โดย Gibson เป็นครั้งแรกในปี 1914 แต่ใช้กับ Mandolin ครับและมันก็ยังคงเป็นสียอดนิยมของ mandolin จนถึงทุกวันนี้
สำหรับกีต้าร์นั้น Martin ซึ่งทำกีต้าร์ flat top มาตั้งแต่ปี 1833 ซึ่งใช้ไม้ spruce ที่มีลวดลายสวยงามอยู่แล้วจึงเคลือบแลกเก้อร์ใสให้โชว์ลายไม้มาตลอด ส่วน Gibson นั้นเริ่มต้นด้วยการทำกีต้าร์ carved top ที่ใข้ไม้ชิ้นใหญ่กว่าเยอะแถมตา Orville Gibson แกยังไปโกหกชาวบ้านว่าแกใช้ไม้ solid maple ทำทั้งๆที่ความจริงแล้วแกเอาไม้ birch ที่ถูกกว่ามาทำ ถ้าขึนใช้ natural finish ก็โดนด่าแน่นอนเพราะไม้ birch มันไม่มีลายเหมือน maple แกเลยแก้ปัญหาโดยการพ่นสีดำทั้งตัวครับ
เมื่อตา Orville Gibson แกขายกิจการไปในปี 1902 Gibson ก็เริ่มซื้อ maple มาทำกีต้าร์แต่ตอนนั้นก็ยังพ่นสีดำเหมือนเดิม ต่อมาในปี 1911 ก็เริ่มใช้สี burst จางๆแต่เรียกว่าสี red mahogany ส่วนสี sunburst นั้นเริ่มเอามาใช้กับกีต้าร์ในปี 1918 ครับ
กีต้าร์ flat top ของ Gibson ในยุคแรกนั้นเป็นกีต้าร์ราคาถูกที่ออกมาป้อนตลาดล่างสำหรับคนที่ไม่มีเงินซื้อ Martin เขาเลยใช้ไม้หน้าเกรดต่ำที่ถูกกว่าและใช้สี sunburst เพื่อซ่อนตำหนิ Gibson เขาแยกรุ่นระหว่างสี natural กับสี sunburst อย่างเช่นรุ่น J-45 กับ J-50ม, Southern Jumbo (sunburst) กับ Country and Western (natural) โดยที่รุ่นสี natural ราคาแพงกว่าในทุกกรณีย์ครับ
Gibson รุ่นแรกที่ไม่แยกรุ่นระหว่างสี natural กับ sunburst นั้นคือรุ่น J-200 ซึ่งเริ่มมีสี natural ให้เลือกตั้งแต่ปี 1948 ในราคาที่แพงกว่า สี natural กับสี sunburst เขามาขายราคาเท่ากันหลังจากย้ายโรงงานมาที่ Montana นี่เองครับ
มีหลายๆคนเข้าใจว่า Gibson สี sunburst ราคาแพงกว่าเนื่องจากทำยากกว่า เรื่องนี้ไม่จริงครับแม้แต่ในกรณีที่เป็นการสั่งทำพิเศษในรุ่นที่เขาไม่ผลิตเป็นสี sunburst อย่าง CL series แต่เขาไม่ผลิตให้จนกระทั้งเขาเลิกผลิตรุ่นปกติแล้ว อย่างผมเองมี CL อยู่สองรุ่นที่สั่งพิเศาเป็นสี sunburst ตัวหนึ่งต้องรอปีกว่าส่วนอีกตัวต้องรอสองปีกว่าครับ
ถ้าเป็นกีต้าร์ carved top ที่ต้องใช้ไม้ชิ้นหนานี่ Gibson เขายังคิดเงินเพิ่มสำหรับสี natural นะครับอย่างเช่นรุ่น L5-CES เป็นต้น
สำหรับ Martin นั้นเริ่มใช้สี burst ในปี 1931 กับกีต้าร์รุ่น C3 ที่เป็น archtop และก็เลยเสนอเป็น option ให้กับ flat top ด้วยโดยคิดเงินเพิ่มเป็นค่าโง่เพราะไม้เขาสวยอยู่แล้วยังดันไปให้เขาพ่นสีทับอีก Burst ของ Martin จะสีอ่อนกว่าและไม่ซ่อนลายไม้เหมือน Gibson ครับ