NimitGuitar webboard

Full Version: หายหน้าหายตา เพราะแบมแบมป่วย
You're currently viewing a stripped down version of our content. View the full version with proper formatting.
Pages: 1 2 3 4
ผมกลับมาแล้วครับ

ที่ผมหายไปเนื่องมาจาก ลูกสาวผมป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล
ไม่รู้ว่าโชคร้ายอะไร ป่วยติดๆกันสาม-สี่โรค ทำให้ต้องไปหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลนานเกือบอาทิตย์

เริ่มจากอาการแรกเมื่อคืนวันพฤหัสที่ 31 ม.ค. น้องแบมแบม(ลูกสาวผม) อาเจียนตลอดทั้งคืนตั้งแต่สามทุ่ม
จนถึงบ่ายสามโมงของวันศุกร์์ 1 ก.พ. รวม 12 ครั้ง แต่ผมพาไปโรงพยาบาลตั้งแต่อาเจียนครั้งที่สาม
ไปถึง คุณหมอก็ตรวจ และบอกว่าอาหารเป็นพิษ ก็ให้ยาต่างๆนาๆไปทาน และคืนนั้นผมก็ให้ลูก admit
อยู่ตั้งแต่คืนวันพฤหัสถึงเที่ยงวันเสารที่ 3 ก.พ. ลูกสาวผมก็กลับมาร่าเริงเป็นปกติ แต่ยังมีอาการท้องเสียอยู่
ซึ่งคุณหมอให้กลับไปทานยารักษาที่บ้านได้

เช้าวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ. ผมสังเกตุเห็นปัสสาวะของลูกในแพมเพิสมีสีเข้มกว่าปกติ คือออกเป็นสีส้มอมน้ำตาล
แต่ลูกผมก็ยังร่าเริ่งอยู่เหมือนเดิม และยังท้องเสียอยู่แต่ผมไม่นิ่งนอนใจ พาไปโรงพยาบาล เอาแพมเพิสใหคุณหมอดู
คุณหมอเลยให้ตรวจปัสสาวะและอุจจาระ ผลออกมาลูกผมเป็นโรคกระเพาะปัสสวะอักเสบก็เอาผากลับมาทานที่บ้านหมอบอกว่า
ทานยาสาม-สี่วันก็จะหาย ส่วนอาการท้องเสียก็ยังมีอยู่แต่น้อยลงมากแต่จะรู้ว่าเชื่อโรคอะไรต้องรอผลเพาะเชื้อวันพุธ
หมอก็จ่ายยาฆ่าเชื้อให้กลับไปทาน

วันจันทร์ที่ 4 ก.พ. ลูกผมก็ทานยาที่หมอสั่ง ฉี่ก็สีจางลงไปมาก ผมก็สบายใจ อาการท้องเสียก็มีนิดหน่อยแต่ก็ดีขึ้นเป็นลำดับ

คืนวันอังคารที่ 5 ก.พ. ลูกผมก็ท้องเสียมากขึ้น และมีอาการปวดท้องให้เห็น
คือลูกผมอายุ 1 ปี 4 เดือน แกพูดได้แค่บางคำ ยังบอกอาการเราไม่ได้
แต่พอจะบอกได้ว่าปวดท้องเพาะลูกผมเอาขาปิดกันตีไปมา และร้องไห้ไม่หยุดจนถ่ายเสร็จถึงหยุดร้อง
และดูแล้วก็ท้องเสียมากขึ้น และเริ่มมีไข้ แกถ่ายไปสองครั้งผมก็พาไปโรงพยาบาลเลย
คราวนี้ลูกผมซึมเลยครับ ไม่ยิ้มไม่เล่นไม่หัวเราะ หมอเลยให้น้ำเกลือ
ตอนเจาะแขนให้น้ำเหลือนี่ผมสงสารลูกมากๆ น้ำตาจะไหล เพราะพยาบาลมารุมจับแขนขาไว้แน่
กลัวว่าดิ้นแล้วจะทำให้ต้องเจาะแขนหลายครั้ง ลูกผมทั้งร้องไห้ ส่งเสียงร้องเรียกแม่ไม่หยุด
แววตาแกหวาดกลัวมากๆ ผมก็ได้แต่ลูบหัวแล้วบอกแกว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยวแบมแบมก็หายนะ
ป๊าอยู่นี่ แม่อยู่นี่..... ไม่รู้จะพูดยังไง มันเหมือนโลกจะพัง จริงๆก็แค่เจาะแขนให้น้ำเกลือ
สำหรับผมแล้ว มันเป็นเรื่องจิ๊บจ๋อยไม่น่ากลัวเลย แต่เห็นลูกโดนเจาะแล้วมันเจ็บยิ่งกว่าตัวเองโดนไม่รู้กี่ร้อยเท่า.....

หลังจากให้น้ำเกลือแล้ว หมอก็เริ่มจ่ายยา และเก็บปัสสาวะและอุจาระไปตรวจซ้ำ
ซึ่งหมอแกบอกว่า จริงๆอาการปวดท้องควรจะหายได้แล้ว แตกลับเป็นหนักขึ้น เลยต้องตรวจซ้ำอีกครั้งนึง
ตลอดคืนลูกผมถ่ายไม่ต่ำกว่าเจ็ดครั้ง และทุกครั้งก็ร้องทรมาณมากๆ ผมและแฟนไม่ได้นอนเลยทั้งคืน

เช้าวันพุธที่ 6 ลูกผมก็ยังคงถ่ายเหลวอยู่ แต่ระยะห่างของการถ่ายห่างกันมากขึ้น
คงเพราะยาที่ให้ออกฤทธิแล้ว แต่อุจาระดูแย่ลง เพราะมีมูกปนออกมาด้วย ผมก็ได้แต่ภาวณาให้ลูกหายไวๆ
ผลการเพาะเชื่อของอุจาระเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผลออกมาว่า ลูกผมติดเชื้อ"บิด" ทำให้ท้องเสีย
แต่ที่ลูกผมกลับท้องเสียอีกครั้งและเป็นหนักกว่าเดิม หมอคาดว่าลูกผมจะติดเชื้อตัวใหม่นอกจากเชื่้อบิดแน่นอน
เพราะยาที่ให้ตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์น่าจะได้ผล แต่นี่กลับเป็นมากขึ้น
ผมก็ต้องรอผลเพาะเชื้ออีกคั้งซึ่งจะได้วันเสาร์ที่ 9

วันพฤหัสที่ 7 และวันศุกร์ 8 ลูกผมอาการเหมือนเดิม คือถ่ายเหลวแต่คราวนี้มีเลือดออกมามากขึ้นด้วย
และมีไข้ตลอดเวลา ขึ้นๆลงๆตั้งแต่ 38-40.5 องศาc พยาบาลต้องเช็ดตัวให้ลูกผมเป็นระยะทุกๆ 2-3 ชม.
เพื่อระบายความร้อน จะทำอะไรก็ลำบาก เพราะต้องระวังสายน้ำเกลือไม่ให้หลุด จะล้างก้น
เช็ดตัวทานข้าว ป้อนนม หรืออะไรก็แล้วแต่ มันติดขัดไปหมด แม้แต่ตอนนอน แฟนผมต้องนอนกอดลูกไว้
สายน้ำเกลือก็ต้องระวัง เพราะลูกผมนอกพลิกตัวไปมาตลอดคืนเพราะอาการปวดท้อง
ผมกังวลมากๆ ได้แต่สวดขอพระขอสิ่งศักดิ์สิทธิให้คุ้มครองลูกให้ปลอดภัย

ตลอดสาม-สี่วันที่ผ่านมา......
ผมไม่เห็นลูกยิ้มแม้นแต่นิดเดียว แกอ่อนแรง ไม่พูดไม่จา จะได้ยินเสียงก็คือร้องไห้ ไม่ยอมทานอาหาร
และเกาะแฟนผมไว้ตลอดเวลา ผมสงสารทั้งลูกและแฟนมากๆ เพราะแฟนผมขยับไปไหนไม่ได้เลย
ลูกผมจะร้องไห้ถ้าแฟนผมปล่อยมือออกห่างตัว....... ใครไปจับตัวแกก็ไม่ยอมร้องและดิ้นหนี
แม้แต่ผม แกก็ยังไม่เอาเลย คงเพราะความกลัวและความเจ็บปวด
ไหนแกจะร้องเพราะรำคาณแขนที่ถูกพันไว้อย่างหนาแน่นเพราะกลัวว่าแกจะดึงออก
ไหนจะเจ็บแผลที่เข็มเจาะให้น้ำเกลือเป็นระยะ ไหนจะก่อนถ่ายแต่ละครั้ง
ลูกผมจะปวดท้องมากจนขาบิดพันกันไปมา แกดิ้น ร้องไห้และบ่นตลอดว่าเจ็บๆ แม่เจ็บๆๆๆๆ
แกพูดซ้ำๆๆๆ จนผมน้ำตาไหล หลังจากถ่ายเสร็จก็ต้องพาไปล้างก้น แต่เพราะล้างก้นบ่อยจนแดงเหมือนผิวถลอก
ตอนล้างก้นก็ร้องเจ็บ ตอนปัสสาวะออกก็ร้องเจ็บ ผมไม่รู้ว่าจะช่วยยังไง มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมาณ
และเวลาช่างผ่านไปอย่างช้าๆจริงๆ ผมได้แต่ขอพระ ของสิ่งศักดิ์สิทธิให้ลูกหาย
ผมขอ.....และขอตลอดเวลาที่หัวหยุดคิดเรื่องอื่น......

เช้าวันเสาร์ที่ 9 ผลการตรวจอุจจาระออกมาแล้ว ลูกผมติดเชื้อไทฟรอย หมอบอกว่าเป็นเชื้อในกลุ่มโรคไทฟรอย
แต่ผมจำชื่อเชื้อไม่ได้ อาการก็อย่างที่ลูกผมเป็น คือมีไข้สูงมาก ถ่ายเหลวและมีมูกเลือดปน ปวดท้องมาก
......ถึงตอนนี้ผมงงไปหมดว่าลูกผมทำไมถึงได้เจอโรครุมทำร้ายติดๆกันมากขนาดนี้
ทั้งที่ลูกผม ไม่เคยป่วยเลย อย่างมากก็แค่ไข้ขึ้นเล็กน้อย เป็นหวัดนิดหน่อยก็เท่านั้น
แล้วนี่โรคมันมารุมเป็นในช่วงระยะเวลาไล่เลี่ยกันได้อย่างไร 4 โรค
ทั้งอาหารเป็นพิษ, กระเพาะปัสสาวะอักเสบ, บิด และไทฟรอย ผมได้แต่สงสัย และสงสารลูกเป็นที่สุด

เย็นวันเสาร์ ลูกผมอาการดีขึ้น ถ่ายห่างมากขึ้น ทุกๆ 3 ชม. จะถ่ายครั้งนึงแต่ก็ยีงมีเลือดปนออกมาอยู่
แกเริ่มทานอาหาร และทวงกินขนมและน้ำหวานแล้ว ผมดีใจมากๆ แกเริ่มหายซึมและพูดบ้าง
ยิ้มและหัวเราะบ้าง จนแกเดิมมานั่งตักผมและเงิยหน้ามองแล้วเรียกว่าปะป๊า....... น้ำตาผมไหลมาจากไหนไม่รู้
มันปลื้มปิติที่เห็นลูกดีขึ้นมากๆ หลังจากที่แกไม่ให้ผมจับตัวหรือกอดเลยซักนิด

เย็นวันนั้น หมอบอกว่าต้องเปลี่ยนแขนที่ให้น้ำเกลือเพราะถ้าเสียบไว้นานจะทำให้อักเสบและไข้ขึ้นได้อีก
ผมเป็นห่วงและสงสารลูกมากๆ เพราะยังจำภาพลูกถูกเจาะน้ำเกลือได้ เลยเจรจาขอให้เปลี่ยนเป็นยาป้อนทางปากแทน
เพราะเห็นลูกผมเริ่มทานได้ หมอเลยให้เอาน้ำเกลือออก และดูผลตรวจอุจาระและปัสสาวะเพิ่มว่าภูมิคุ้มกันยังมากอยู่รึเปล่า
(ถ้ามากแสดงว่า เชื้อโีรคยังมีอยู่มาก) ถ้าเชื้อยังมีอยู่มาก ก็จำเป็นจะต้องเจาะแขนอีกข้างเพื่อให้ยาต่อ
ยาที่ให้ทางสายน้ำเกลือได้ผลดีมากกว่าการทานทางปาก

เช้าวันอาทิตย์ที่ 10 พยาบาลมาเก็บตัวอย่างอุจาระ และปัสสาวะอีกครั้ง
ประมาณสิบโมงกว่า ผลการตรวจออกมาว่าเชื้อโรคน้อยลงมากแล้ว ผมดีใจเพราะมีลุ้นว่าจะได้กลับบ้าน
ลูกผมคงจะหายเร็วขึ้นแน่ๆถ้าอยู่บ้านเพราะแกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้่อม
มันน่าเบื่อมากที่ต้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม 4*6 เมตร และมีพยาบาลเดินเข้่าๆออกๆทุกชั่วโมง
มาป้อนยา มาเช็ดตัว มาวัดไข้ มันเหมือนฝันร้ายของเด็กเลย ลูกผมกลายเป็นเด็กกลัวหมอและพยาบาลไปแล้ว
พอเห็นพยาบาลปุ๊บ ลูกผมจะพูดกอดแม่แน่น และพูดทันทีว่า ไม่เอา ไม่เอา ไม่เอา....

ถึงตอนบ่ายโมงคุณหมอมาตรวจ และพิจารณาจากผลการตรวจอุจจาระ หมออนุญาตให้กลับบ้านได้
และให้ทานยาอย่างเคร่งครัด ผมดีใจสุดๆเลยครับ ที่ลูกไม่ต้องถูกเจาะแขนให้น้ำเกลืออีก ที่ผ่านมา
ใช้น้ำเกลิือไป 4 ขวด มันนานและทรมาณสำหรับเด็กอายุ 1 ขวบกว่า

ตอนนี้ผมอยู่บ้านแล้ว ลูกผมดูสดใสกว่าเดิมมากๆ ตอนเลี้ยวรถถึงหน้าหมู่บ้าน
แกหัวเราะขึ้นมาเลย แกคงจะดีใจและคิดถึงบ้านมากๆ แกนั่งเล่นของเล่นและทานอาหารได้อย่างเดิม
แม้นจะยังถ่ายเหลวและมีอาการปวดท้องอยู่นิดหน่อย แต่ความสุขใด จะมีมากไปกว่า
การได้เห็นลูก มีสุขภาพแข็งแรง หัวเราะ ร่าเริง ยิ้มแย้ม และทานได้เหมือนเก่า

ที่เค๊าบอกว่า "ลูกเจ็บ พ่อแม่เจ็บกว่าล้านเท่า" จะรู้เข้าจริงๆก็ตอนเมื่อยามลูกป่วยนี่ล่ะครับ......

ผมขออวยพรให้ลูกหลานของทุกท่าน มีสุขภาพดี อย่าได้เจ็บป่วยตลอดปีหนูนี้ครับ สาธุ............
ดีใจครับที่น้องแบมแบมอาการดีขึ้นมากแล้ว ขออวยพรให้คุณ Yodchula และคนที่คุณรักมีสุขภาพแข็งแรง
สุขกายสบายใจตลอดปีครับ
ขอบคุณมากครับพี่กฤษณ์ ขอให้พี่และคนที่รักมีสุขภาพดีเช่นกันครับ
เป็นกำลังใจและอวยพรให้น้องแบมแบมหายวันหายคืนนะครับ..................
ขอให้น้องแบบแบมมีสุขภาพที่แข็งแรง น่ารัก และเป็นที่รักของครอบครัวน้ายอดจุ๊ตลอดไปนะครับ


เป็นกำลังใจให้นะครับ....
ผมเชื่อว่าความรักของน้ายอดฯและภรรยา จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นโดยเร็วครับ

อ่านถึงบรรทัดสุดท้ายค่อยโล่งอกว่าอาการดีขึ้นแล้วและได้กลับบ้าน

ขออวยพรให้น้องแบมแบมมีร่างกายแข็งแรงตลอดจนครอบครัวน้ายอดจุ๊ฯทุกๆคน ตลอดปีและตลอดไปครับ
ตอนที่น้ายอดส่ง PM กลับมาผมก็ตกใจว่าน้ายอดเป็นอะไรถึงได้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันอังคาร
ที่จริงแล้วก็ต้องไปพยาบาลน้อง แบม แบม

อย่างที่น้ายอดได้เขียนบรรยายความรู้สึกออกมานั้นมันจริงทุกประการ เมื่อเห็นลูกเจ็บหรือไม่สบาย คนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกข์หรือเจ็บกว่าเป็นร้อยเป็นล้านเท่า ลูกของผมก็เคยอาเจียรติดต่อกันตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงเที่ยงคืนเหมือนกัน ตอนนั้นใจไม่ดีเพราะหน้าจ๋อยมากๆ ผมก็ได้พาไปโรงพยาบาล หมอก็ให้ยาแก้อาเจียรแล้วก็ยาบางอย่างมาให้ทาน ก็โชคดีที่ว่าหลังจากนั้นอาเจียรก็หยุด แล้วก็สามารถกินข้าวกินน้ำได้ หมอก็สันนิษฐานเหมือนกันว่าเป็นอาหารเป็นพิษ ถ้าผมเห็นลูกถูกเจาะน้ำเกลืออย่างนั้น น้ำตาคงจะร่วงเหมือนกันครับ ก็ขอให้น้องแบม แบม อาการดีขึ้นจนหายขาดนะครับ ทานน้ำเยอะๆผมคิดว่าอาการคงจะกลับมาดีเหมือนเดิมครับ ขอให้แบม แบม กลับมาเป็นเด็กที่น่ารัก ทานข้าวได้ สนุกสนานร่าเริงเหมือนเดิม แล้วก็เรียกปะป๊ายอด ดัง ดังงงงงงง น้ายอดจะได้ยิ้มแก้มปริเลย
เฮ้อ...โรคภัยไข้เจ็บแปลกๆสมัยนี้ก็เยอะเหลือเกิน รับมือหรือตั้งตัวกันไม่ทัน
โลกร้อนป่าวไม่รุ แต่เมืองไทยร้อนทั้งปี

ทราบข่าวคนสวยไม่สบายจากเพื่อนๆเราในบ้านนี้..
เข้าใจหัวอกของผู้เป็นพ่อและแม่ครับ..."ที่สุดของหัวใจ"ตัวจริง เสียงจริง
ดีใจด้วยที่หนูน้อยคนสวยหายแล้ว เดี๋ยวก็กลับมาอ้อนป๊ะป๋าเหมือนเดิมละ
ดีใจด้วยครับที่หายป่วย กลับมาขุนใหม่ให้จ้ำม่ำเท่าคุณพ่อให้ได้เลย
ขออวยพรให้ลูกสาวน้ายอดหายไวๆนะครับ...
Pages: 1 2 3 4