คือ อยากทราบว่า อายุการใช้งานของสายจะสั้นลงเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลได้บ้างครับ
1. สั่นสะเทือน(ดีด)
2. ตึง
3. ลดลงตั้งแต่ คลายออกจากซอง
..ถ้าผมไม่ค่อยได้เล่นเลย(แต่ชโลมน้ำมันไว้) อายุการใช้งานมันจะเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดไหมครับ มีวิธีไหนบ้างที่ยืดอายุของสายกีต้าครับ
แล้วมีวิธีไหนบ้าง ที่จะถนอมกีต้าให้อยู่กับเราไปได้นานๆบ้างครับ กะว่าจะให้มีอายุ หลายๆสิบปีเลย หาในอินเตอเน็ท เจอวิธีที่บอกประมาณว่า ไม่ผ่อนสาย เพราะจะทำให้ คอโก่งเข้าโก่งออก ถ้าไม่ได้เล่นนานๆ จะผ่อนลงเพียง 1โทนเท่านั้น แต่ผมกลับคิดว่า ถ้าไม่ค่อยได้เล่น ทำแรงกระทำให้น้อยที่สุดน่าจะดีกว่าคือ ผ่อนสายออกหมด หรือไม่ก็ถอดสายออกไปเลย น้าๆมีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
..วิธีที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้นะครับ คือผมจะใส่ซองกันชื้นในโปร่งตลอด เปลี่ยนใส่อันใหม่บ้าง และผมจะมีผ้าแห้งนุ่มๆอยู่ผืนนึง พอเล่นเสร็จ ผมจะผ่อนสายออกจนเกือบหมด เช็ดคราบไขมันออก แล้วก็เช็ดสายเก็บใส่ซอง(บางที ถ้าคิดว่า ไม่เอาออกมาอีกนานก็จะเอา น้ำมันทาฟิงเกอบอร์ด ทาสายไปเลยง่ายดี 555) โดยตอนจับ เอาผ้าผืนนั้นรองมือที่กำคอกีต้าไว้ด้วย ก่อนปิดกระเป๋า ผมเอาผ้าคลุมหัวไว้ไม่ให้ปลายสายไปถูกกับส่วนใดส่วนนึงของกระเป๋าได้ครับ
..วิธนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ น้าๆมีวิธีดีๆ ช่วยแนะนำด้วยครับ
อายุสายน่าจะสั้นลงด้วย อากาศ และเคมีของเหงื่อแต่ละคนครับ
ส่วนวิธีเก็บกีต้า ไม่น่าจะมีวิธีไหนดีกว่าของน้า me_benj แล้วครับ สุดยอดเลย
ของผมมีแค่ระวังเรื่องความชื้นในห้อง (วัดเอาแค่จากความรู้สึกนะครับ ไม่ได้มีเครื่องวัดความชื้นมาตรฐานอะไร)
ส่วนจะวางยังไงก็แล้วแต่สะดวกตอนนั้นอ่ะครับ แขวนมั่ง ตั้งมั่ง ไม่ไ่ด้ผ่อนสายด้วยครับ
แต่แค่นี้ก็คิดว่ามันน่าจะอยู่กับผมไปเป็นสิบปีได้แน่นอนครับ (ถ้าไม่ได้ขายไปก่อนนะครับ)
สรุปว่าปัจจัยที่จะทำให้กีต้าอยู่กับเราไ่ด้ไม่นาน ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มีแค่เรื่องเงินนี่ล่ะครับ
(29-05-2011, 16:02)dear709 Wrote: [ -> ]อายุสายน่าจะสั้นลงด้วย อากาศ และเคมีของเหงื่อแต่ละคนครับ
ส่วนวิธีเก็บกีต้า ไม่น่าจะมีวิธีไหนดีกว่าของน้า me_benj แล้วครับ สุดยอดเลย
ของผมมีแค่ระวังเรื่องความชื้นในห้อง (วัดเอาแค่จากความรู้สึกนะครับ ไม่ได้มีเครื่องวัดความชื้นมาตรฐานอะไร)
ส่วนจะวางยังไงก็แล้วแต่สะดวกตอนนั้นอ่ะครับ แขวนมั่ง ตั้งมั่ง ไม่ไ่ด้ผ่อนสายด้วยครับ
แต่แค่นี้ก็คิดว่ามันน่าจะอยู่กับผมไปเป็นสิบปีได้แน่นอนครับ (ถ้าไม่ได้ขายไปก่อนนะครับ)
สรุปว่าปัจจัยที่จะทำให้กีต้าอยู่กับเราไ่ด้ไม่นาน ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มีแค่เรื่องเงินนี่ล่ะครับ
ขอบคุณครับ น้า เดีย แต่ผมก็ไม่รู้นะครับ ว่า การผ่อนสาย มันดีกว่า การรักษาความตึงของคอกีต้าให้คงที่หรือปล่าว
...สว่นปัจจัยที่ทำให้กีต้าอยู่กับเราไม่นานนี่....เงินเป็นคำตอบแรกจริงๆครับ 5555
ความจริงจากประสบการณ์ของผู้สะสมหลายๆท่านที่ผมรู้จักนะครับ กีตาร์บางตัว(หรือเกือบจะทุกตัว) ที่ไม่ผ่อนสายแล้วเก็บเข้ากล่องเป็นเวลานานๆ อาจจะหลายปี เปิดออกมาดีดได้ไม่มีอะไรผิดปกติจากวันที่เก็บเข้ากล่อง ส่วนผ่อนสายกับคลายสายอันไหนดีกว่ากันผมคงต้องตอบแบบเลี่ยงๆและกันว่าผ่อนสายเสียตังเยอะกว่าแน่นอนเพราะสายจะเสื่อมไวมาก และเตรียมตังไว้ซื้อลูกบิดเตรียมเปลี่ยนไว้ด้วยนะครับ ถ้ามีเวลาผ่อนสายแล้วสบายใจก็ผ่อนเถอะครับ ความเชื่อเปลี่ยนยาก แต่สายกับกีตาร์เปลี่ยนง่ายกว่าเยอะ เชื่อผมเถอะ โผมมมม เจ็บมาเยอะ....อิอิ
ผมเคยคิดแบบน้าครับว่าถ้าไม่ได้เล่นนานๆควรผ่อนสาย คอจะได้ไม่โก่ง
เคยทำกับกีต้าร์ที่เซ็ตอัพมาดีแล้ว แอ็คชั่นไม่สูงเกินไป เล่นง่าย ปรากฏว่า
หลังจากผ่อนสายไว้เดือนกว่าๆ พอตั้งสายเพื่อจะเอามาเล่นใหม่ สายมันตีเฟร็ตครับ (fret buzz)
เพราะเซ็ตอัพตอนกีต้าร์มีแรงดึงของสายอยู่ แต่ผ่อนแรงดึงไว้นาน ต้องเล่นสักพักใหญ่ๆเลยครับ ถึงจะดีขึ้น
เลยลองไม่คลายสายเมื่อเล่นเสร็จแล้วคอยเช็คแอ็คชั่นเป็นระยะๆอยู่เป็นปี ก็ไม่พบว่าคอโก่งหรือคอยกแต่อย่างใด
ที่น่าห่วงกว่าคอยกก็คือท้องป่องครับ เพราะทำให้บริดจ์ยกตัวสูงขึ้น ระยะสายก็สูงขึ้นเหมือนคอโก่งหรือคอยก
ตัวที่ทำให้ท้องป่องก็คือความชื้นที่ซึมเข้าไปในไม้หน้า ทำให้ไม้หน้าบวมและป่องขึ้นตามแรงดึงของสาย
ดังนั้นเก็บกีต้าร์ไว้ในที่ความชื้นไม่สูงหรือต่ำเกินไป และอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากจนเกินไป(มีผลกับกาว)จะดีกว่าครับ
สำหรับกีต้าร์ที่ไม้แห้งดีแล้ว ถ้าไม่ได้เล่นนานๆผ่อนสายแค่ 1 โทนก็พอแล้วครับ
ถ้าคลายสายออกหมดบ่อยๆก็เหมือนกับไปโยกคอและดึงไม้หน้าให้ขยับไปมาครับ
(29-05-2011, 22:47)karn Wrote: [ -> ]ผมเคยคิดแบบน้าครับว่าถ้าไม่ได้เล่นนานๆควรผ่อนสาย คอจะได้ไม่โก่ง
เคยทำกับกีต้าร์ที่เซ็ตอัพมาดีแล้ว แอ็คชั่นไม่สูงเกินไป เล่นง่าย ปรากฏว่า
หลังจากผ่อนสายไว้เดือนกว่าๆ พอตั้งสายเพื่อจะเอามาเล่นใหม่ สายมันตีเฟร็ตครับ (fret buzz)
เพราะเซ็ตอัพตอนกีต้าร์มีแรงดึงของสายอยู่ แต่ผ่อนแรงดึงไว้นาน ต้องเล่นสักพักใหญ่ๆเลยครับ ถึงจะดีขึ้น
เลยลองไม่คลายสายเมื่อเล่นเสร็จแล้วคอยเช็คแอ็คชั่นเป็นระยะๆอยู่เป็นปี ก็ไม่พบว่าคอโก่งหรือคอยกแต่อย่างใด
ที่น่าห่วงกว่าคอยกก็คือท้องป่องครับ เพราะทำให้บริดจ์ยกตัวสูงขึ้น ระยะสายก็สูงขึ้นเหมือนคอโก่งหรือคอยก
ตัวที่ทำให้ท้องป่องก็คือความชื้นที่ซึมเข้าไปในไม้หน้า ทำให้ไม้หน้าบวมและป่องขึ้นตามแรงดึงของสาย
ดังนั้นเก็บกีต้าร์ไว้ในที่ความชื้นไม่สูงหรือต่ำเกินไป และอุณหภูมิไม่เปลี่ยนแปลงมากจนเกินไป(มีผลกับกาว)จะดีกว่าครับ
สำหรับกีต้าร์ที่ไม้แห้งดีแล้ว ถ้าไม่ได้เล่นนานๆผ่อนสายแค่ 1 โทนก็พอแล้วครับ
ถ้าคลายสายออกหมดบ่อยๆก็เหมือนกับไปโยกคอและดึงไม้หน้าให้ขยับไปมาครับ
จริงเหรอน้า!!!??? วันนั้นก็ไม่ได้นอนตากน้ำค้างนี่นา???
แหะ ๆ ขออนุญาตล้อเล่นนะครับ
เรื่องคอจะโก่ง จะงอ และท้อง(กีต้าร์)จะป่อง มันเกิดขึ้นได้เพราะว่ากีต้าร์มันเป็นไม้ครับ เป็นได้ทุกยี่ห้อตั้งแต่ตัวละสองพันถึงตัวละหลายแสน
เก็บดีก็แล้ว เก็บเลวก็แล้ว ตัวที่คิดว่าเก็บดีบางครั้งไม่ดีกว่าตัวที่เก็บเลว
ผมโทษมั่วๆว่ามันอยู่ที่ไม้ อุณหภูมิ แรงกระทำ ผสมผลกรรมแต่ชาติปางก่อนอีกเล็กน้อย
คราวนี้มาตอบเรื่องสายบ้างตอบ:
เรื่องสายผมว่ามันเริ่มเสื่อมตั้งแต่เปิดออกใช้งานละครับ
แต่จะเสื่อมเร็วหรือช้าก็อยู่ที่การใช้งาน ส่วนเหตุของการ"เร่งความเสื่อม"มีเยอะครับ
ถ้าว่ากันที่เรื่องของเสียง ที่ชัดเจนและพบว่าเสื่อมเร็วที่สุดคือ การไม่ยอมเล่น(เก็บสายที่เคยเล่นแล้วเอาไว้เฉยๆ!!!)
ถ้าว่ากันที่ความคงทน ก็คงอยู่ที่วิธีเล่น วิธีกระทำ ย่ำยี ดึง ดัน กด ดูด เด้ง ดื๊บ ดี้โด๊ กับสายมากน้อยแค่ไหน (ผมเรียกกิริยาบ่างอย่างไม่ถูก ขอโทษผู้ใช้ภาษาไทยโคตรเก่งด้วยครับ)
การโชลมน้ำมันส่วนตัวพบว่า...มักเป็นที่เก็บฝุ่น และทำให้เสียงทึบ ตัน เร็วเข้าไปอีก
ผมใช้วิธีเล่นบ่อยๆ เช็ดให้แห้ง และเก็บในที่ ๆ คิดว่าเหมาะสมครับ
ป.ล."ผ่อนสาย"จะถูกปรับอัตราดอกเบี้ย และถ้ายังทำบ่อยๆ และถูกลดความน่าเชื่อถือไปเป็นลูกค้าชั้นไพร่ครับ
(30-05-2011, 10:10)Labour Wrote: [ -> ]ส่วนเหตุของการ"เร่งความเสื่อม"มีเยอะครับ
เย๊ยยย!!...เค้าหมายถึงท้องกีต้าร์ครับ ไม่ใช่ท้องของผม
อีกข้อนึง..อย่าเอาสายกีต้าร์ลอดราวตากผ้าถุงครับ เดี๋ยวเสื่อม